มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 659

สรุปบท บทที่ 659 ผีพยาบาท: มังกรผู้ทรงพลัง

สรุปตอน บทที่ 659 ผีพยาบาท – จากเรื่อง มังกรผู้ทรงพลัง โดย จาง หลงหู

ตอน บทที่ 659 ผีพยาบาท ของนิยายนิยายโรแมนติกในเมืองเรื่องดัง มังกรผู้ทรงพลัง โดยนักเขียน จาง หลงหู เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ฉีเติ่งเสียนย่อมรู้เหมือนกันว่าเฉินหยูต้องทนรับแรงกดดันมากเพียงใดที่ต้องเปิดประเทศและทำให้ทุกสิ่งยุ่งเหยิง อย่ามองแค่ความอาจหาญของเธอ เพราะอันที่จริงเธอก็เหมือนคนที่กำลังเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ

คราวนี้อำนาจของตระกูลจ้าวพุ่งเป้าไปที่เรื่องของเฉินเลี่ย ซึ่งนั่นทำให้เฉินหยูเป็นกังวลมาก

เมื่อเฉินเลี่ยถูกส่งไปอยู่ที่เมืองหลวง สิทธิ์ในการครอบครองก็จะตกอยู่ในมือของตระกูลจ้าว ถึงตอนนั้นทรัพย์สินมากมายของตระกูลเฉินในประเทศหัวกั๋วก็จะไม่มีทางหลีกหนีได้โดยที่ไม่ต้องสูญเสีย

คราวนี้ยักษ์ใหญ่บางกลุ่มซึ่งไม่พอใจที่ตระกูลเฉินผูกขาดหนานหยางและเจรจาเงื่อนไขกับหัวกั๋วเคลื่อนไหว สนับสนุนตระกูลจ้าวกันหมด

ไม่อย่างนั้นโอเมนหน่วยหนึ่งคงไม่ถูกส่งมาจัดการเรื่องนี้

“ผมรู้ คนของผมจะเดินทางมาถึงที่โมตูคืนนี้ และการเคลื่อนไหวของอวี้เสี่ยวหลงก็เริ่มขึ้นแล้ว คุณรอฟังข่าวเถอะ” ฉีเติ่งเสียนปลอบใจ

“รบกวนคุณแล้ว ไว้ฉันไปหัวกั๋ว ฉันจะเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่คุณสักมื้อ” เฉินหยูเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ฉีเติ่งเสียนบอกว่า “ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องความเคลื่อนไหวของสวีเอ้าเสวี่ย ไว้คุณว่างแล้วอย่าลืมบอกผมด้วยล่ะ”

เฉินหยูบอกว่า “อืม... วันนี้เธอไปติดต่อกับกองกำลังแห่งหนึ่ง กองกำลังนี้มีชื่อเสียงมากในหนานหยาง ทั้งยังมีอำนาจมากด้วย เธอเป็นคนทะเยอทะยานมาก นอกจากนี้ยังมีลูกไม้แพรวพราว เธอมุ่งมั่นตั้งใจมาก!"

ฉีเติ่งเสียนกล่าวว่า “หากมีอะไรผิดปกติ คุณอย่าเพิ่งด่วนลงมือ ส่งข่าวหาผมก่อน”

เฉินหยูเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ฮ่า... บุรุษควรทะนุถนอมอ่อนโยนต่อสตรี? คุณวางใจได้ เธอเป็นคนฉลาด รู้ว่าตระกูลเฉินเป็นตัวแทนของอะไรในหนานหยาง ในช่วงสั้นๆ นี้เธอไม่มีทางล้ำเส้นของเราแน่”

ฉีเติ่งเสียนส่งเสียงตอบรับ การพ่ายแพ้ในสงครามธุรกิจให้กับเซี่ยงกรุ๊ปย่อมมีส่วนทำให้สวีเอ้าเสวี่ยเติบโตขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ทำให้เธอยืดหยุ่นและรู้จักอดทนรอได้มากขึ้น

ตอนนี้น้ำในหนานหยางยังเป็นโคลนไม่มากพอ สวีเอ้าเสวี่ยไม่มีทางเคลื่อนไหวครั้งใหญ่แน่นอน

เฉินหยูกดวางสาย

ฉีเติ่งเสียนได้ยินความเหนื่อยล้าผ่านทางน้ำเสียงของเธอ แต่เขาเกียจคร้านเกินกว่าจะมาคุยเรื่องไร้สาระเช่นการดูแลสุขภาพ นอกจากนี้คนอย่างเฉินหยูย่อมรู้วิธีดูแลตัวเองดีอยู่แล้ว

ตอนเวลาประมาณสองทุ่ม ฉีเติ่งเสียนพาหยางกวนกวนไปรับคนที่สนามบิน

ปีศาจราตรี ผีพยาบาท และคนฆ่าสัตว์มาถึงสนามบินโมตูตรงเวลา

ฉีเติ่งเสียนติดต่อผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกั่วเชี่ยวกรุ๊ปไว้ก่อนแล้ว ให้เธอพาคนคุมเรือนจำมาพาพวกเขาไปหาเรื่องสนุกทำ

พอรู้ว่าคราวนี้ฉีเติ่งเสียนต้องการคนอีก ผู้ดูแลเรือนจำโยวตูก็แทบจะเร่งรีบมาหา หลังจากที่พี่ชายสองคนมาคราวก่อน พวกเขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะอวดว่ารองหัวหน้าใหญ่รับรองพวกเขาอย่างไร

ผีพยาบาทเป็นคนใหม่ที่หยางกวนกวนไม่เคยเจอ

เขาเป็นชายวัยกลางคน แต่ใบหน้าดูแก่เกินอายุไปหน่อย นอกจากนี้ยังดูระทมทุกข์นิดๆ มือข้างหนึ่งไม่สมประกอบ และมืออีกข้างก็คลึงลูกประคำตลอดเวลา

“คนเจียเผิงกั๋ว ฉันลืมไปแล้วว่าชื่อจริงชื่ออะไร ฉายาคือผีพยาบาท” คนฆ่าสัตว์กับปีศาจราตรีเป็นคนที่คุ้นเคยดีอยู่แล้ว ดังนั้นฉีเติ่งเสียนจึงแนะนำแค่ประวัติของผีพยาบาทให้หยางกวนกวนทราบ

ผีพยาบาทพยักหน้าให้หยางกวนกวนเล็กน้อย เขาเผยให้เห็นแผงฟันที่เป็นสีเหลืองหน่อยๆ และเอ่ยว่า “สวัสดีคุณหยาง ผมเคยเจอคุณตอนคุณมาโยวตูคราวก่อน”

หยางกวนกวนรู้สึกว่ารอยยิ้มของคนผู้นี้ดูมืดทึมน่ากลัวเล็กน้อย แต่ใบหน้าที่ผ่านเรื่องราวชีวิตมามากมัยกลับทำให้รู้สึกว่าเขาน่าสงสาร

ฉีเติ่งเสียนบอกว่า “เดิมทีเขาเคยเป็นพระที่วัดเฉ่าที่ ตอนนั้นเขาหมกมุ่นอยู่กับการฝึกกังฟูมากไปหน่อย เลยทำร้ายอาจารย์ผู้เป็นนักบวชแห่งศาลเจ้าเจียเผิงกั๋วจนตาย ต่อมาก็ถูกปรมาจารย์นักสู้ฝีมือดีของเจียเผิงกั๋วไล่ฆ่า จากนั้นเลยฆ่าปรมาจารย์ดาบตายไปอีกสิบสองคน”

“สุดท้ายเขาก็หนีมาถึงเมืองเซียงซานประเทศหัวกั๋ว เพราะมีความขัดแย้งกับองค์กรท้องถิ่น เขาเลยก่อเหตุฆาตกรรมไปไม่น้อย ในที่สุดก็ถูกฉู่อู๋เต้าจับได้”

ผีพยาบาทกล่าวว่า “ทั้งหมดคือความผิดพลาด รองหัวหน้าใหญ่อย่าพูดอีกเลย ผมกลัวว่าจะฝันร้ายเปล่าๆ!"

ฉีเติ่งเสียนเอ่ยกับทั้งสามคนว่า “คราวนี้พวกนายออกไปฆ่าได้ตามสบาย มีโอเมนหน่วยหนึ่งหนึ่งกลุ่ม ในนั้นมีแต่คนฝีมือดี ที่เรียกพวกนายมาก็เพื่อจะให้พวกนายล้างบางพวกนั้นให้หมด”

คนฆ่าสัตว์ขมวดคิ้วและถามขึ้นมาปุบปับ

ปีศาจราตรีกับผีพยาบาทได้ยินดังนั้นแววตาก็มีประกายแปลกๆ ขึ้นมา

ฉีเติ่งเสียนมองพวกเขาด้วยรอยยิ้มอันฉาบฉวยและบอกว่า “อยากลองไหมล่ะ”

ปีศาจราตรีก้มหน้าลงและแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

ผีพยาบาทหมุนลูกประคำในมือและพึมพำว่า “ฆ่าไม่ได้... อา... ฆ่าๆๆ... ฆ่ากับผี จะถูกฆ่าสิไม่ว่า...”

หยางกวนกวนขนลุกขนพอง รู้สึกว่าการคบค้าสมาคมกับคนเหล่านี้ช่างเป็นเรื่องที่อันตรายจริงๆ ถ้าไม่รักษาอำนาจหรือใช้กำลังสยบคนพวกนี้ให้ได้ตลอด มีหวังถูกฆ่าตายเป็นแน่!

แค่จินตนาการก็รู้ได้ว่าตอนนั้นที่ฉีปู้อวี่พาหมาป่าโฉดพวกนี้ออกมาจากคุก เขาต้องมีความมั่นใจในตัวเองมากขนาดไหน! ยิ่งไปกว่านั้นคู่ต่อสู้ยังเป็นเทพผู้พิทักษ์ตระกูลจ้าวอย่างจ้าวหางเปีย

“ไปกันเถอะ เตรียมโรงแรมไว้ให้พวกนายหมดแล้ว”

“จงเชื่อฟังฉัน ถ้าใครก่อเรื่อง ฉันจะหักขาแล้วค่อยส่งกลับเข้าคุก”

ฉีเติ่งเสียนเอ่ยเรียบๆ

ทั้งสามคนประพฤติตัวดีและตามหลังฉีเติ่งเสียนไปอย่างว่าง่าย

“ดูเหมือนปัญหาคราวนี้จะตึงมือขึ้นเหรอ คุณถึงดึงสามคนนี้ออกมา” หยางกวนกวนอดถามไม่ได้

“ไม่ถึงกับตึงมือ แค่อยากเพิ่มผลลัพธ์ให้สูงที่สุดก็แค่นั้น” ฉีเติ่งเสียนเอ่ยยิ้มๆ แน่นอนว่าที่พูดแบบนี้เพราะไม่อยากให้หยางกวนกวนเป็นกังวล

หยางกวนกวนร้องอ๋อนิดหนึ่งและไม่ได้ถามอะไรอีก แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก แต่เธอก็รู้ว่าฉีเติ่งเสียน อวี้เสี่ยวหลง เฉินหยูและก็คนอื่นๆ มีแผนใหญ่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง