มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 68

ท่าทางไม่สนใจอะไรของฉีเติ่งเสียนทําให้สวีเอ้าเสวี่ยนั้นโกรธมาก

โดยทั่วไปคนที่มาจะมายืนอยู่ตรงหน้าเธอได้นั้นล้วนแล้วแต่เป็น “นักวิชาการที่มีความรู้” ไม่เคยมีคนหยาบคายไร้มารยาทอย่างฉีเติ่งเสียนเลย

แถมยังกล้าข่มขู่ว่าจะทุบเธอลงกับพื้น?!

เซี่ยงตงฉิงพอจะจับใจความเรื่องที่ฉีเติ่งเสียนพูดได้ นั่นคือสวีเอ้าเสวี่ยตั้งใจจะมาจัดการเซี่ยงกรุ๊ป โดยมีอวี้เสี่ยวหลงคอยสนับสนุนอยู่!

อำนาจและอิทธิพลของอวี้เสี่ยวหลงนั้นน่ากลัวมาก ภูมิหลังครอบครัวของเธอก็น่ากลัวไม่แพ้กัน หากตระกูลอวี้เข้ามามีส่วนร่วมในครั้งนี้ ก็ไม่จําเป็นต้องต่อสู้แล้ว เธอสามารถยอมรับความพ่ายแพ้ได้แต่โดยดี

“โอเค งั้นฉันจะรอดูว่าพวกนายจะปากเก่ได้สักแค่ไหน! ทำให้ฉันได้รู้ทีว่ากับอีแค่ผู้คุมเรือนจำตัวน้อยๆอย่างนายจะพลิกท้องฟ้าได้ยังไง!” สวีเอ้าเสวี่ยกัดฟันแน่นและพูดโดยไม่นึกถึงมารยาท

“ถ้าไม่อยากเสียเงินหลายหมื่นล้านก็กลับไปที่เมืองหลวงของเธอ เซี่ยงกรุ๊ปฉันดูแลอยู่ ถ้าเธอกล้าที่จะเอื้อมมือเข้ามา เธอเตรียมตัวถูกหักมือได้เลย!” ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยความเฉยชา ราวกับว่ากําลังอธิบายข้อเท็จจริงให้ฟังอยู่

หากคำพูดเหล่านั้นมันออกมาจากปากของเจ้าของธุรกิจใหญ่โต บางทีมันอาจจะพอทำได้อย่างที่พูด ซึ่งทำให้คนฟังรู้สึกได้ว่าคนนั้นต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม คำพูดนั้นออกมาจากปากฉีเติ่งเสียน เลยทำให้เกิดเสียงหัวเราะตามมามากมาย

“เขาคิดว่าเขาเป็นใคร? สวีกรุ๊ปเป็นองค์กรที่มีทรัพย์สินหลายหมื่นล้านในเมืองหลวง เขายังกล้าพูดแบบนี้กับคุณสวีอีกเหรอ?”

“ฮ่าฮ่า แค่ตอนนี้เซี่ยงกรุ๊ปก็รับมือกับหู่เหมินจะไม่ไหวอยู่แล้ว ไอ้หนุ่มนี่ยังกล้ายั่วยุสงครามกับสวีกรุ๊ปอีก นี่มันคือนำพาหายนะครั้งใหญ่มาให้เซี่ยงกรุ๊ปจริงๆ!”

“ตอนนี้คุณเซี่ยงคงกําลังเสียใจที่รับเขาเข้ามาทำงานอยู่ในองค์กร มีคนแบบนี้ก็ต้องลําบากมาก ฝีปากกล้าแม้กระทั่งกับอวี้เสี่ยวหลงและคุณสวี เป็นผู้ชายที่น่าสิ้นหวังเสียจริง!”

เซี่ยงตงฉิงโบกมือและพูดว่า: “เอาล่ะทุกคน ปล่อยวางความขุ่นเคืองแล้วพูดให้น้อยลงหน่อย เพราะวันนี้เป็นวันที่ควรมีความสุข!”

หลังจากพูดจบ เธอก็ดึงฉีเติ่งเสียนออกไปด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

“นายรู้ไหมว่าตัวเองกําลังพูดอะไรออกไป? สิ่งที่นายพูดจะกระทบกับราคาหุ้นของเซี่ยงกรุ๊ปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่านายเป็นคนของหู่เหมินกรุ๊ปปลอมตัวเข้ามาหรือเปล่า” เซี่ยงตงฉิงถามด้วยความโกรธ

“ผมพูดความจริง” ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างไม่แยแส

“ฉันรู้ แต่ตอนนี้ทุกคนยังไม่ได้เข้าใจเรื่องนี้อย่างสมบูรณ์ นายกลับเปิดเผยข้อมูลล่วงหน้ามากมาย ตอนนี้ทุกคนต่างรู้กันแล้วว่าสวีกรุ๊ปกำลังร่วมมือกับหู่เหมินกรุ๊ปเพื่อที่จะมาเล่นงานเซี่ยงกรุ๊ป และมีอวี้เสี่ยวหลงเข้ามาร่วมมือด้วย นี่ทำให้ผู้ถือหุ้นของเซี่ยงกรุ๊ปจะนั่งนิ่งๆได้อย่างไร?” เซี่ยงตงฉิงพูดพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจอย่างมาก

ฉีเติ่งเสียนยิ้มสบายๆ และพูดว่า: “ผมจะชดเชยความสูญเสียของคุณเอง ผมสัญญากับเหล่าเซี่ยงไว้ว่า ผมจะดูแลคุณเป็นอย่างดี”

“แล้วเรื่องที่อวี้เสี่ยวหลงเข้าร่วมด้วยแล้วจะทำไม? ภายในตระกูลอวี้ไม่มีความสามัคคีกัน เพียงจัดการคลื่นลูกแรกของการรุกได้ วิกฤตทั้งหมดจะได้รับการแก้ไข”

“คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาทางการเงินหรอก ผมจะช่วยคุณจัดการเอง”

เซี่ยงตงฉิงพูดไม่ออก เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้อวดดีเกินไปหรือมั่นใจในตัวเองเกินไป

หวังหู่ยิ้มให้สวีเอ้าเสวี่ยและพูดว่า: “คุณฉีคนนี้หยิ่งจริงๆ คุณสวีเตรียมรับมือกับเขาหรือยัง?”

“ทําไมต้องไปแข่งขันกับคนสารเลวแบบนี้? รอให้เซี่ยงกรุ๊ปถึงคราวพังพินาศ เขาก็จะรู้ว่าเขาโง่มากแค่ไหน” สวีเอ้าเสวี่ยตอบอย่างเย็นชา

“พูดมีเหตุผล!” หวังหู่ยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง

เซี่ยงตงฉิงเชิญคิมมี่และเคนต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินชั้นทั้งสองมาเพื่อแสดงพลังต่อต้านหู่เหมินกรุ๊ป แต่เขาก็เชิญสวีเอ้าเสวี่ยมาร่วมงานเลี้ยงอย่างเงียบๆ นี่ก็ถือเป็นแสดงพลังข่มขู่เซี่ยงกรุ๊ปให้เห็นเหมือนกัน

สงครามครั้งนี้ถูกกําหนดให้ฝ่ายที่แข็งแกร่งครอบงำผู้ที่อ่อนแออยู่แล้ว ต้องดูกันว่าใครจะเก่งกว่ากันและจะได้รับประโยชน์มากขึ้นเมื่อเซี่ยงกรุ๊ปล้มละลาย

หลังงานเลี้ยง สวีเอ้าเสวี่ยก็กลับไปที่วิลล่าของอวี้เสี่ยวหลงในหมู่บ้านคฤหาสน์อวิ๋นติ่ง

“เดาสิว่าวันนี้ฉันไปเจอใครที่งานเลี้ยง?” สวีเอ้าเสวี่ยพูดกับอวี้เสี่ยวหลง

“ฉีเติ่งเสียนใช่ไหม?” อวี้เสี่ยวหลงพูดออกมา

“เธอรู้ได้ยังไง?!” สวีเอ้าเสวี่ยผู้ซึ่งตั้งตารอที่จะเห็นสีหน้าประหลาดใจของอวี้เสี่ยวหลง กลับต้องมาประหลาดใจเอง

อวี้เสี่ยวหลงพูดเบาๆว่า: “เขาเป็นคนเดียวที่สามารถทําให้เธอตื่นเต้นที่จะมาบอกฉันได้”

สวีเอ้าเสวี่ยพยักหน้าแล้วหัวเราะเยาะ พร้อมกับพูดว่า: “แล้วเธอรู้อะไรไหมว่าฉีเติ่งเสียนพูดอะไรในงานเลี้ยง? อยากให้ฉันเล่าให้เธอฟังไหม……”

หลังจากที่สวีเอ้าเสวี่ยเล่าถึงเหตุการณ์ในงานเลี้ยงให้อวี้เสี่ยวหลงฟังทั้งหมด เธอก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อย

“บันดาลโทษะอย่างไร้ความสามารถ น่าจะเป็นอย่างนั้น!” อวี้เสี่ยวหลงพูดอย่างช่วยไม่ได้

“เขาพูดด้วยว่าเขาจะหักมือของฉันและตบหน้าเธอ!” สวีเอ้าเสวี่ยพูดอย่างเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยามมาก

อวี้เสี่ยวหลงส่ายหัวและพูดว่า: “เขาอยู่กันคนละระดับกับฉัน เขาจะมาตบหน้าฉันได้อย่างไร?”

“ในแง่ของอํานาจทางการเงิน เขาก็ไม่สามารถช่วยเซี่ยงกรุ๊ปได้ คนอย่างเขาไม่มีค่าพอที่จะพูดถึงเลย”

“ด้วยกําลัง? เขาอาจจะมีกำลังเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับฉันแล้ว เขาก็เหมือนกับฝุ่น……”

“ดูเหมือนว่าตอนนั้นฉันคงทําเกินไปหน่อย ที่ฉีกสัญญาแต่งงานต่อหน้าเขา ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความนับถือตนเองของเขาไม่มากก็น้อย”

สวีเอ้าเสวี่ยกล่าวว่า: “คนแบบฉีเติ่งเสียน มันคุ้มค่าที่เธอจะมาคิดอย่างจริงจังด้วยเหรอ? เป็นเรื่องปกติที่จะฉีกมันต่อหน้าเขา เพราะเธอทั้งสองคนแตกต่างกันเกินไป เธอทําแบบนั้นก็ถูกแล้ว จะได้ทำให้เขารู้ว่าเขาไม่มีความหวังใดๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงตามติดเธอ จนทำให้เธอต้องปวดหัวแน่นอนใช่ไหมล่ะ?”

“มันก็จริง สถานะของเขาต่ำต้อยเกินไป ถ้าไม่ทำเช่นนั้น เขาอาจจะไม่เลิกราวีฉันแน่ๆ” อวี้เสี่ยวหลงแสดงสีหน้าปกติ

สวีเอ้าเสวี่ยยิ้มและพูดว่า: “ถ้าเขาพูดแบบนั้นในงานเลี้ยง เธอทำจะอย่างไง?”

อวี้เสี่ยวหลงกล่าวว่า: “ทำทุกอย่างตามปกติ เธอทําเรื่องของเธอไป ถ้ามีปัญหาอะไรฉันจะออกหน้าให้ ถ้าเจอฉีเติ่งเสียน เธอก็ไม่ต้องไปสนใจเขา ยังไงเขาไม่สามารถพลิกเกมในการต่อสู้ครั้งนี้ได้……”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ อวี้เสี่ยวหลงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว บางที่เธออาจจะรู้สึกละอายใจที่ฉีกสัญญาการแต่งงานก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้มันไม่มีอะไรเลย

คําตอบของอวี้เสี่ยวหลงเป็นไปตามที่สวีเอ้าเสวี่ยคาดหวังไว้ อันที่จริงฉีเติ่งเสียนไม่สามารถจะพลิกเกมนี้ได้ เขาทำได้แค่ปากดีไปก็เท่านั้น ทําไมตัวเองต้องไปสนใจต่ำต้อยแบบนั้นด้วย?

ในเวลาเดียวกันนี้ อวี้เสี่ยวหลงก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถสปอร์ตที่ขับผ่านไป เธอเงยหน้าขึ้นมองดูรถสปอร์ตที่ขับเคลื่อนอยู่บนถนนที่คดเคี้ยวไปยังยอดเขาของหมู่บ้านคฤหาสน์อวิ๋นติ่ง

“ฉันจะออกไปข้างนอกแปบ!” ดวงตาของอวี้เสี่ยวหลงเป็นประกาย พูดด้วยเสียงหนักแน่น

“เธอจะไปไหน?”สวีเอ้าเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะถาม

“ไปพบคนที่อยากเจอ แต่ก็ไม่มีทางที่จะได้เจอ แต่วันนี้ฉันหวังว่าเขาจะยินยอมให้ฉันเจอ เพราะคงไม่มีอะไรเกินไปกว่าการเชิญด้วยความจริงใจจากฉัน!” อวี้เสี่ยวหลงพูดอย่างไม่ค่อยมีความสุข

เธอไปที่ “วิลล่าวิมานเมฆ” มาถึงสองครั้งเพื่อพบกับ “ราชาหย่งเยี่ย” ฉู่อู๋เต้า แต่กลับไม่ประสบความสําเร็จ ซึ่งทําให้เธอรู้สึกไม่มีความสุขและรู้สึกหดหู่ขึ้นมา

หลังจากพูดจบอวี้เสี่ยวหลงก็ตรงไปที่ยอดเขาของหมู่บ้านทันที

“ใครอยู่บนยอดเขาของหมู่บ้านเหรอ?” สวีเอ้าเสวี่ยหันหน้าไปถามหลงย่าหนาน

“คุณฉู่อู๋เต้าค่ะ คุณหนูอยากเจอเขามาก” หลงย่าหนานตอบอย่างจริงจัง

สวีเอ้าเสวี่ยถึงกับตกใจและพูดว่า: “คือเขาเหรอ เขาคือตํานาน……”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง