มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 81

เซี่ยงตงฉิงมองไปยังฉีเติ่งเสียนที่เหมือนคนบ้า ผู้ชายคนนี้คงมีปัญหาสมองจริงๆใช่ไหม ถึงได้จะกล้าลงมือต่อหน้าผู้บัญชาการตำรวจของจงไห่แบบนี้?!

“กินอาหารไม่หมดมันสิ้นเปลืองนะ” ฉีเติ่งเสียนพูดกับสวีเสี่ยวอวี้อย่างจริงจัง ก่อนจะหยิบจานขึ้นมา

สวีเสี่ยวอวี้อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง จากนั้นก็อ้าปากและถุยน้ําลายใส่ฉีเติ่งเสียน พร้อมกับด่าว่า: “ออกไป แกมันไอ้โรคจิต!”

ฉีเติ่งเสียนหลบได้ทันอย่างง่ายดาย ก่อนจะใช้จานอาหารที่อยู่ในมือโปะไปที่หน้าของสวีเสี่ยวอวี้!

อาหารในจานนั้นก็เลอะเต็มไปทั่วใบหน้าของสวีเสี่ยวอวี้ ทําให้เธออับอายและนั่งลงไปกับพื้น

“แกกล้าดียังไง!” หวังหู่โมโหและพร้อมพูดตะคอกออกไป

จ้าวเทียนลู่ชักปืนออกมาด้วยท่าทางที่ดุดัน พร้อมกับพูดด้วยเสียงต่ำว่า: “ยกมือกอดคอและคุกเข่าลง ไม่เช่นนั้น ผมจะถือว่านี่เป็นการต่อต้านและยั่วยุตํารวจ ผมมีสิทธิ์ที่จะยิงคุณ!”

ใบหน้าของสวีเสี่ยวอวี้เต็มไปด้วยคราบน้ํามันและน้ําลายจากอาหารจานนั้น เธอโกรธจนตัวสั่นไปทั้งตัว ก่อนจะพูดว่า “ฉันแค่อยากทิ้งขว้างอาหาร แล้วนายจะทำไม? นายกล้าเอาอาหารมาราดฉันแบบนี้ นายคอยดูเถอะ!”

ฉีเติ่งเสียนพยักหน้าอย่างจริงจังและพูดว่า: “ดูเหมือนว่าเธอยังไม่เข้าใจว่ากว่าจะได้ข้าวแต่ละเม็ดมา เกษตรกรนั้นต้องยากลำบากกันแค่ไหน วันนี้ฉันจะบอกให้เธอรู้เอง!”

ใบหน้าของสวีเสี่ยวอวี้เต็มไปด้วยการเยาะเย้ย ถ้าฉีเติ่งเสียนกล้าลงมือจริง จ้าวเทียนลู่ไม่ปล่อยเขาไว้แน่!

เธอไม่เชื่อว่าฉีเติ่งเสียนยังจะต่อสู้ชนะปืนได้!

“ปรมาจารย์ฉี เสียงดังโวยวายอะไรกันอยู่เหรอ?”

“โอ้……ผู้บัญชาการจ้าวก็มาด้วย ไม่เจอกันนานเลยนะครับ!”

“ฮ่า……นี่ใช่คุณหวังกับคุณเซี่ยงไหม? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่กันได้”

เวลานั้นเองก็มีเสียงดังมาจากทางประตู และคนที่ปรากฏตัวขึ้นมานั้นก็คือหวงฉีปิน ที่ฉีเติ่งเสียนได้เจอกันตรงหน้าประตูร้านอาหาร

“คุณชายหวง” เมื่อหวังหู่ได้เห็นหวงฉีปินก็ตกตะลึง จากนั้นก็พยักหน้าและพูดทักทาย

“คุณชายหวง มาได้ยังไงครับ?” หลังจากที่จ้าวเทียนลู่ได้เห็นหวงฉีปิน เขาก็ยิ้มพร้อมกับเก็บปืนลง ลูกน้องที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาก็กล่าวทักทายหวงฉีปินกันทีละคน

ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “มีคนกำลังทิ้งขว้างอาหาร และผมกำลังสอนให้พวกเขาเข้าใจถึงเหตุผลว่าอย่าสิ้นเปลืองอาหาร”

หวงฉีปินหัวเราะ: “นั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนี่!”

สีหน้าของจ้าวเทียนลู่ก็แข็งกระด้าง และพูดเสียงต่ำว่า: “คุณชายหวง บุคคลนี้เป็นผู้ต้องสงสัยทางอาญา เขาทำร้ายพนักงานของหู่เหมินกรุ๊ปในห้องส่วนตัวนี้ และเมื่อกี้เพิ่งลงมือต่อหน้าผมเลย……”

“เฮ้อ ผู้บัญชาการจ้าวตลกหรือเปล่า? เมื่อกี้ปรมาจารย์ฉีก็พูดชัดเจนแล้วนี่ ว่าเขากำลังสอนให้คนรู้จักคุณค่าของอาหาร จะเรียกว่าทำร้ายร่างกายได้อย่างไง?” หวงฉีปินถามด้วยรอยยิ้ม

จ้าวเทียนลู่ตกตะลึง แสดงว่าหวงฉีปินคอยสนับสนุนฉีเติ่งเสียนอยู่นี่เอง!

เมื่อหวังหู่ที่อยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดของหวงฉีปินก็เข้าใจทุกอย่าง เขาจึงมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นมา

สวีเสี่ยวอวี้พูดอย่างตื่นตระหนกว่า: “คุณชายหวง คุณดูหน้าของฉันสิ เขาเป็นคนทำ! คุณไม่สามารถเข้าข้างเขา ยังมีกฏหมายปกครองบ้านเมืองอยู่ไหม?”

หวงฉีปินเมื่อมองไปที่สวีเสี่ยวอวี้แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “กฏหมายปกครองบ้านเมือง? ในจงไห่ ผู้บัญชาการจ้าวไม่ใช่ผู้ดูแลกฏหมายปกครองบ้านเมืองเหรอ? แล้วคุณคิดว่าเรื่องนี้ต้องใช้กฏหมายปกครองบ้านเมืองไหม?”

จ้าวเทียนลู่กระแอมแล้วพูดว่า : “คุณชายหวง ยุคศักดินาผ่านไปนานแล้ว จะมีกฏหมายปกครองบ้านเมืองอะไรอีก?”

หวงฉีปินคนนี้ จ้าวเทียนลู่ไม่กล้าทําให้เขาขุ่นเคืองเพราะพ่อของเขาคือนายกของจงไห่ ถ้าเกิดทําให้เขาโกรธเคืองขึ้นมา ตัวเขาเองคงจะอยู่ในจงไห่ไม่ได้อีกต่อไป

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาหวงเหวินหลั่งดูแลเมืองจงไห่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และในอนาคตมีแนวโน้มมุ่งเน้นให้เหล่าผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มขึ้น เพื่อยกระดับจงไห่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม

มันไม่คุ้มเสียที่จะให้ทำหวงฉีปินนั้นโกรธเคือง

“คุณชายหวง คนของผมถูกทำร้าย!” หวังหู่พูดด้วยความโมโห

“ฉันรู้ แต่คนที่กินอาหารสิ้นเปลืองแบบนี้ ก็ต้องโดนอบรมใช่สั่งสอนสักหน่อย มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ?” หวงฉีปินมองไปที่หวังหู่ ก่อนจะถามขึ้นอย่างแปลกใจ

หวังหู่กระตุกยิ้มมุมปาก เขารู้สึกโกรธแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

เซี่ยงตงฉิงได้แต่อมยิ้ม ไม่รู้ว่าฉีเติ่งเสียนไปรู้จักกับคนอย่างหวงฉีปินตั้งแต่เมื่อไร แถมเขายังเป็นแบล็คให้กับฉีเติ่งเสียนอีกด้วย เยี่ยมยอดจริงๆ……

ในเวลานั้น จ้าวเทียนลู่ก็กลับคําพูดของเขาและพูดกับหวังหู่อย่างจริงจังว่า : “คุณหวัง การที่คนของคุณกินอาหารไม่หมดและสิ้นเปลืองแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่สมควร ยิ่งกว่านั้นมันผิดศีลธรรมที่จะไปถมน้ําลายใส่จานของคนอื่น!”

“เรื่องนี้ พวกคุณหาก่อเรื่องขึ้นมาเอง ก็ควรหาทางแก้ไขด้วยตัวเอง”

“ถ้าแก้ไขไม่ได้ ผมจะจัดการตามที่เห็น!”

ฉีเติ่งเสียนเหลือบมองจ้าวเทียนลู่และถามว่า: “เมื่อกี้ผู้บัญชาการจ้าวเพิ่งบอกเองไม่ใช่เหรอว่าตัวเองเป็นคนดูแลกฏหมายปกครองบ้านเมืองของจงไห่ แล้วจะใช้กฎหมายนั่นมาจัดการกับผมใช่ไหม? ทำไมถึงกลับคำพูดแล้วล่ะ?”

ทันทีที่ฉีเติ่งเสียนพูดออกมา จ้าวเทียนลู่ก็กลัวจนรู้สึกเหงื่อไหล ถ้าคำพูดนี้ไปถึงหูของหวงเหวินหลั่ง คงจะไม่เป็นผลดีกับเขาแน่

“ฮ่าฮ่า มันเป็นแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้น……หมดยุคศักดินาไปนานแล้ว ยังจะมีกฏหมายปกครองบ้านเมืองอยู่อีกเหรอ? ในสังคมสมัยใหม่ มีเพียงกฎหมายรัฐธรรมนูญเท่านั้น” จ้าวเทียนลู่ใจเย็นและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าไม่มีอะไร ผมขอตัวก่อนนะ พวกคุณจัดการแก้ไขปัญหากันเอาเองแล้วกันนะ”

พูดจบ เขาก็พยักหน้าให้กับหวงฉีปินแล้วพูดขึ้นว่า : “คุณชายหวง ผมมีงานที่ต้องทำเยอะมาก ขอตัวก่อนนะครับ ไว้โอกาสหน้าจะเข้าพบท่านนายกที่บ้านนะครับ”

ไม่ทันได้รอให้หวงฉีปินตอบกลับ จ้าวเทียนลู่ก็กวักมือเรียกลูกน้องกลับออกไป

การถอนกำลังของจ้าวเทียนลู่ ทำให้คนของหู่เหมินกรุ๊ปตกที่นั่งลำบากทันที

เมื่อสักครู่การมาของจ้าวเทียนลู่และลูกน้องต่างก้าวเดินเข้ามาอย่างภาคภูมิใจ พร้อมที่จัดการกับฉีเติ่งเสียน

แต่ทันทีที่หวงฉีปินปรากฏตัวขึ้น สถานการณ์ก็พลิกทันที

“วันนี้ ถ้าพวกนายไม่กินของพวกนี้ให้หมดและไม่จ่ายค่าเสียหายให้ฉันคนละหนึ่งล้าน เรื่องนี้ไม่จบแน่” ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างจริงจัง และไม่มีเว้นช่องว่างให้ตอบกลับเลย

หวังหู่กัดฟันพูด: “คุณฉี นายมันแน่มาก ฉันจะจำนายไว้!”

ฉีเติ่งเสียนไม่ได้พูดอะไร

หวังหู่หันตัวเดินออกไปอย่างโมโห ไม่สนใจแม้แต่ลูกน้องของตัวเอง

“ทำไม พวกนายไม่ได้ยินคำพูดของปรมาจารย์ฉีหรือไง?” หวงฉีปินหัวเราะเย็น ก่อนจะหันไปถามคนของหู่เหมินกรุ๊ป

สวีเสี่ยวอวี้ที่กำลังสั่นเทา มองเห็นฉีเติ่งเสียนกำลังเดินไปหยิบจานอาหารอีกใบที่เต็มไปด้วยน้ําลาย ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนกรีดร้องว่า: “ฉันจะกิน……ฉันจะกินเอง!”

คนของหู่เหมินกรุ๊ปก็ลุกขึ้นและเริ่มกินอาหารที่พวกเขาถ่มน้ำลายใส่ไว้เอง ถึงแม้จะน่าขยะแขยงมากขนาดไหนแต่ก็ต้องหลับตาและฝืนกินเข้าไป

จากนั้นก็โอนเงินให้กับฉีเติ่งเสียน

คนละหนึ่งล้าน ถ้ามีไม่พอก็ทำใบแจ้งหนี้ไว้

“รีดไถพวกเขาแบบนี้มันไม่ค่อยเหมาะเท่าไรนะ?” หลี่อวิ๋นหว่านถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจ

“ฉันแค่ตอบแทนเขาในอีกทางหนึ่ง เมื่อกี้หวังหู่ก็เป็นคนบอกเองว่าจะให้ฉันชดเชยพวกเขาคนละหนึ่งล้าน” ฉีเติ่งเสียนตอบแบบไร้ความรู้สึก

เมื่อรับเงินเรียบร้อยแล้ว ฉีเติ่งเสียนก็พูดว่า: “เหล่าหวง เงินนี้ควรแบ่งให้คุณครึ่งหนึ่ง”

หวงฉีปินได้ยินเขาเรียกตัวเองแบบนี้ก็ตกตะลึง จากนั้นก็ยิ้มแล้วโบกมือพร้อมกับพูดว่า: “เงินนี้ผมไม่สามารถรับไว้ได้ ถ้ารับแล้วต้องมีปัญหาแน่ ปรมาจารย์ฉีไม่ต้องกังวล ความเมตตาของคุณต่อครอบครัวเราจะมีค่ามากไปกว่าเงินนี้ได้อย่างไร?”

ฉีเติ่งเสียนเมื่อเห็นเขาไม่รับ ก็เก็บบัตรเครดิตกลับใส่ในกระเป๋า

“ไป พวกเราไปทานข้าวกันสักมื้อ ผมอยากแนะนำเพื่อนบางคนให้คุณรู้จักด้วย” หวงฉีปินเดินเข้ามาใกล้ฉีเติ่งเสียน และดึงเขาออกไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง