มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 812

สรุปบท บทที่ 812 ยูยะผู้ล้าสมัย: มังกรผู้ทรงพลัง

บทที่ 812 ยูยะผู้ล้าสมัย – ตอนที่ต้องอ่านของ มังกรผู้ทรงพลัง

ตอนนี้ของ มังกรผู้ทรงพลัง โดย จาง หลงหู ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายโรแมนติกในเมืองทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 812 ยูยะผู้ล้าสมัย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เจียงซานไห่หันไปเห็นเหยียนมู่หลงที่อยู่ที่นี้เเละยังสนับสนุนเขา รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขาทันที ความภาคภูมิที่มีอยู่แต่เดิมก็เพิ่มมากขึ้นไปอีก!

การแสดงที่ยิ่งใหญ่ของเขาได้รับการยอมรับจากตระกูลจ้าว ไม่เช่นนั้น คนอย่างอย่างเหยียนมู่หลงคงไม่ถูกส่งมาที่นี้

“ฮ่าฮ่าฮ่า นายพลเหยียน ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้ออกไปต้อนรับด้วยตัวเอง!” เจียงซานไห่รีบเดินไปจับมือเหยียนมู่หลงแล้วกล่าวต้อนรับ

ใบหน้าของเหวินซือซุ่นเปลี่ยนไปจากเดิม หากเจียงซานไห่ขึ้นไปสู่ตำแหน่งนั้นจริงๆ ตระกูลเหวินจะต้องพบกับจุดจบที่เลวร้ายอย่างแน่นอน!

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เมื่อมีการพลัดเปลี่ยนผู้นำเกิดขึ้น กองกำลังในยุคก่อนได้รับบาดเจ็บเท่านี้หรือไม่?

ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งของกองกำลังเก่าของเหวินหย่งฟูที่ไม่สามารถประมาทได้ เจียงซานไห่คงไม่นิ่งเฉยเป็นแน่

เหยียนมู่หลงเหลือบมองฉีเติ่งเสียนด้วยสายตาดูถูกและเจตนาฆ่าอย่างรุนแรง เธอไม่ได้ปกปิดความต้องการภายในใจของเธอเลยแม้แต่น้อย

ฉีเติ่งเสียนคิดอยู่ภายในใจว่า: "เจตนาฆ่าของเธอรุนแรงเลยเหลือเกิน ดูเหมือนว่าลางสังหรณ์จะถูกต้อง มีบางอย่างเกิดขึ้นจริงๆ! แต่เอาเถอะ ด้วยความสามรถที่พิชิตโลกได้ของฉัน เรื่องแค่นี้คิดว่าทำอะไรฉันได้อย่างนั้นหรอ?”

เดิมทีฉีเติ่งเสียนก็ป็นคนที่มีความทะเยอทะยานอยู่แล้ว ยิ่งหลังจากเขาประสบความสำเร็จในด้านการต่อสู้ เขาก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม

การปรากฏตัวของเหยียนมู่หลงอาจกล่าวได้ว่าเป็นการผลักดันชื่อเสียงของเจียงซานไห่ให้ไปยังจุดสูงสุด

ในขณะนี้ ฉีเติ่งเสียนตกอยู่ในภวังแห่งความเงียบ ซึ่งมันทำให้ทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างคิดว่าเขาสิ้นหวังและหมดหนทาง

"ไม่ต้องกังวล" เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่สบายใจของเจียงชิงเย่ว์ ฉีเติ่งเสียนจึงพูดขึ้นอย่างใจเย็น

เพียงคำพูดไม่กี่คำ แต่ผู้คนที่ได้ยินกลับรู้สึกว่าเขากำลังอดกลั้น ราวกับว่าตนเองเป็นพระโพธิ์สัตว์ ทำไมเขาถึงยังเก็บเจียงชิงเย่ว์ไว้กันนะ?

ในตอนนี้ บางคนถึงกับเตรียมพร้อม เพราะถึงยังไงเจียงชิงเย่ว์ก็ได้ชื่อว่าเป็นสาวงามที่สวยที่สุดในเมืองโมตู หากได้พาเธอกลับบ้านคงเป็นการเติมเต็มที่สมบูรณ์แบบเลยก็ว่าได้!

ในขณะเดียวกัน เจียงซานไห่ยังคงส่งสายตายั่วยุไปให้ฉีเติ่งเสียนอย่างไม่ลดละ

ทั้งสามตระกูลหลักของเมืองโมตู ไหนจะเหยียนมู่หลงจากกรมยุทธการ ต่างก็สนับสนุนเขา ไม่ว่าฉีเติ่งเสียนจะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางที่จะสามารถหยุดยั้งไม่ให้เขาขึ้นสู่ตำแหน่งได้!

“การขายป้ายหยกให้ฉันถือเป็นการตัดสินใจที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตของคุณ!” เจียงซานไห่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งภายในใจ เขารู้สึกภาคภูมิใจและสะใจเป็นอย่างมาก

เขารู้สึกว่าเงินสองพันล้านไม่ใช่การสูญเสียเลย และเมื่อเขาขึ้นสู่อำนาจ เขาจะมีโอกาสมากมายที่จะได้รับเงินสองเท่าจากฉีเติ่งเสียน

เหวินซือซุ่นมองฉีเติ่งเสียนด้วยความกังวลและพูดว่า: "คุณฉี คุณเสียสติไปแล้วเหรอ? การแย่งชิงอำนาจแบบนี้ไม่ใช่การแข่งขัน มันแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง...อำนาจของเจียนซานไห่ในตอนนี้ทรงพลังเกินไป!"

ฉินถางหู่เม้มริมฝีปากของตนเองแน่นและพูดว่า: "แม้ว่าผู้คนจะออกมาเพื่อปฏิเสธเขา แต่ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร! เพราะคนที่มีอิทธิพลในเมืองโมตูส่วนใหญ่ยืนเคียงข้างเขา และพวกเขาก็จะต้องเอาเรื่องนี้ไปพิจารณา”

ภายในของเมืองโมตู ซึ่งเป็นองค์กรชุมชนขนาดใหญ่ของจีน มีความซับซ้อนมากมาย

ไม่เช่นนั้น หลี่เหอถูที่เป็นคนชอบความสันโดษ คงจะไม่ออกมาพบฉีเติ่งเสียน และปล่อยให้เขาเป็นผู้ถือหางเสือของโมตูหลงเหมินไปแล้ว

หลี่เหอถูมองว่าเขาเป็นเหมือนปลาดุกที่ถูกปล่อยลงไปในน้ำโคลน หากใครที่ทำลายผลประโยชน์แล้วล่ะก็ เขาจะขับไล่ออกไปทีละคน

ฉีเติ่งเสียนโบกมือและพูดขึ้นด้วยท่าทีสงบว่า"ทำไมเป็นกังวลขนาดนั้น? ทำไมถึงคิดว่าเขาจะได้เป็นผู้ถือหางเสือ? ป้ายหยกของจริงยังอยู่ในมือฉันอยู่เลย"

แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ถึงอย่างนั้น เสียงส่วนใหญ่ก็อยู่ข้างเจียงซานไห่

เจียงซานไห่รู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก เขาวางแผนมาหลายปี ทุ่มเททั้งหยาดเหงื่อและเลือดเนื้อ เปลี่ยนแม้กระทั่งบุคคลิกของเขาเพื่อให้เป็นอย่างทุกวันนี้ แล้วคิดว่าที่ทำไปทั้งหมด ไม่ใช่เพราะตำแหน่งหรือยังไง? !

“เอาล่ะ สนทนาเพียงเท่านี้ก่อน ต่อไปจะถึงเวลาสำคัญของเราที่จะเริ่มขึ้นแล้ว!” เจียงซานไห่ประกาศเสียงดังพร้อมกับโบกมือ

ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกของเขา แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างเป็นทางการให้เป็นผู้ถือหางเสือ แต่ดูเหมือนว่าเขาได้กลายเป็นผู้ถือหางเสือเมืองโมตูหลงเหมินแล้จริงๆ

เมื่อเสียงกลองดังขึ้น แขกทุกคนจึงนั่งลง

คนของโมตูหลงเหมินสวมชุดสูทสีดำดูภูมิฐานกันทุกคน

“ตึง! ตึง! ตึง"

ฉีเติ่งเสียนที่นั่งอยู่ด้วยสีหน้าที่สงบ ท่าทางของเขาสง่างามและสุขุม ราวกับว่าไม่แยแสอะไรเลย

แต่ทุกคนรู้สึกว่าเขาแค่แสร้งทำเป็นไม่แยแส หากเจียงซานไห่ได้ขึ้นเป็นผู้ถือหางเสือจริงๆแล้วล่ะก็ เขาคงเป็นคนแรกที่เดินหนีออกไป!

“คุณฉี ฉันไม่สามารถสงบได้เหมือนคุณ…” ฉินถางหู่พูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มอันขมขื่น“หัวใจของฉันเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาข้างนอก!”

“ยูยะผู้ล้าสมัย” ฉีเติ่งเสียนพูดขึ้น

ฉินถางหู่ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร

หยางกวนกวนเหลือบมองไปด้านข้าง ช่างไม่รู้อะไรเลย กลับไปแล้วเช็คไฟล์ซะบ้าง ไม่ว่าจะในแฟลชไดร์หรืออะไรก็ตาม หามันให้เจอแล้วลบมันทิ้งซะ!

ซ่งจือเหมยเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ฉีเติ่งเสียน

ฉีเติ่งเสียนเห็นความวิตกกังวลบนใบหน้าของซ่งจือเหมย เขาจึงยิ้มและพยักหน้าให้เธอเพื่อให้เธอได้รู้สึกมั่นใจขึ้นมาบ้าง

หลี่อวิ๋นหว่านที่นั่งอยู่ข้างๆ ซ่งจือเหมย มองไปที่เธอและมองไปที่ฉีเติ่งเสียนเช่นกัน

เมื่อเจียงซานไห่กล่าวสุนทรพจน์ขึ้น เขาพูดเกี่ยวกับประวัติการพัฒนาของโมตูหลงเหมิน คำพูดและการเรียบเรียงเรื่องราวที่เขาใช้ถือว่าไพเราะและสละสลวย ผู้คนที่ฟังต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ราวกับว่ากำลังฟังเรื่องเล่าอยู่

หลังจากกล่าวไปได้สักครู่ใหญ่ ก็มีคนเอาเก้าอี้ออกมา

“นี่คือตำแหน่งผู้ถือหางเสือของเราซึ่งสืบทอดกันมากว่าร้อยปี!” เจียงซานไห่ยิ้มและชี้ไปที่เก้าอี้ที่ทำจากไม้จันทร์แดง

“ตอนนี้ตำแหน่งผู้ถือหางเสือได้ว่างมานานแล้ว ดังคำกล่าวที่ว่า ฝูงมังกรจะขาดผู้นำไม่ได้…”

"ดังนั้น การประชุมเมืองโมตูหลงเหมินในครั้งนี้ถือเป็นการเลือกผู้ถือหางเสือคนใหม่ของเมืองโมตูหลงเหมินของเรา!"

ที่ด้านล่าง ผู้คนของโมตูหลงเหมินต่างยกมือขึ้นพร้อมส่งเสียงตะโกน: "คุณเจียง คุณเจียง!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง