ตอนที่ไปเยือนเมืองกวางหยางเขตพิเศษเตียนเป่ยของอวี้สือกั๋ว ฉีเติ่งเสียนรู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
ความสามารถในการรับรู้ของเขาดีกว่าคนปกติมาก โดยเฉพาะสัมผัสที่หก
เมื่อลงจากเครื่องบิน เขาก็รู้สึกได้ว่าเมืองแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยกลิ่นที่ชวนให้ผู้คนรู้สึกขยะแขยง เป็นกลิ่นสาบแห่งความชั่วร้ายและกลิ่นคาวเลือด
เพื่อที่จะไม่เป็นที่สนใจของผู้คน เฉินหยูจึงตั้งใจแปลงโฉมของตัวเอง เนื่องจาก หน้าตาของเธอค่อนข้างเป็นเป้าสายตาของผู้คน
กวางหยางแห่งนี้ เป็นที่ที่ท้องถิ่นมีกองกำลังติดอาวุธ ดังนั้น การแย่งชิงคนกลางถนนจึงมีเกิดขึ้นเป็นปกติ
“สถานที่ปักหลักเธอเลือกไว้เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” ฉีเคิ่งเสียนหันกลับมาถามเฉินหยู แต่ไหนแต่ไรงานของเธอจะมีระเบียบแบบแผนมาตลอด
“ห๊ะ ไม่นะ!”เฉินหยูชะงักตอบผิดจากปกติ
ฉีเติ่งเสียนมุมปากกระตุก “เธอคงไม่ได้กะจะอยู่โรงแรมหรอกใช่ไหม?โรงแรมที่นี่ไม่ปลอดภัย คนพร้อมที่จะบุกห้องปล้นอยู่ตลอดเวลา” เขากล่าว
“งั้นฉันก็นอนห้องเดียวกับนายเป็นอันจบปัญหา แบบนี้ก็เข้าทางนายเลยล่ะซิ?”เฉินหยูตอบ
ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยความดูถูก “ฉันเห็นเธอเป็นเพื่อน แต่เธอกลับอยากที่จะเป็นเมียของฉัน!ชิ๊!”
คำพูดนี้ของฉีเติ่งเสียนทำให้เฉินหยูอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ไอ้หมานี่มันมีความสามารถ สมแล้วที่เป็นที่หนึ่งของใต้หล้า
“โอเคโอเค ไม่ล้อนายเล่นแล้วก็ได้ ก่อนหน้าที่จะมาฉันได้ติดต่อกับเฉินเซียนเหอไว้แล้ว คนของเขา น่าจะรออยู่ด้านนอกแล้วแหละ” เฉินหยูพูดด้วยรอบยิ้ม
“เธอไม่ได้มาเพื่อจัดการกับเฉินเซียนเหอหรอกหรอ?เผยไต๋ออกมาขนาดนี้ ไม่กลัวที่จะปัญหาเลยซินะ!”ฉีเติ่งเสียนตะลึงเล็กน้อย
“มียอดฝีมือที่เป็นที่หนึ่งของใต้หล้าแบบนายอยู่ข้างกาย ถ้าฉันยังกลัวเรื่องแค่นี้อยู่อีก ไม่เท่ากับว่าขี้กลัวยิ่งกว่าหนูอีกหรอ?”เฉินหยูขำไปพูดไป พร้อมกับยืนมือไปจับเข้าไปที่แขนของฉีเติ่งเสียน แสดงออกอย่างสนิทสนม
เฉินหยูปลอมตัว ฉีเติ่งเสียนก็เช่นกัน เขาพึ่งจะสร้างเรื่องใหญ่ที่หัวกั๋วมา จึงจำเป็นต้องธรรมดาลงสักหน่อย
ท่าทางของทั้งสองที่เดินไหล่เคียงกัน ให้ความรู้สึกราวกับคนเป็นแฟนกันก็ไม่ปาน
ไม่นาน ทั้งสองคนก็ขึ้นไปบนรถที่เฉินเซียนเหอสั่งให้มารับ
“ดูเหมือนว่าหน้าตาของคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเฉินจะใช้ไม่ได้การเท่าไหร่เลยนะ คนเขาถึงไม่ออกหน้ามารับด้วยตัวเอง?”ฉีเติ่งเสียนถามอย่างอดไม่ได้
“เป็นไปได้มากเพราะเขาไม่รู้จุดประสงค์ของฉัน ดังนั้นเลยต้องการที่จะสังเกตท่าทางของฉันก่อน ปกติ” เฉินหยูตอบกลับเสียงเรียบ
ฉีเติ่งเสียนไม่รู้ว่าจะภูมิใจดี หรือจะว่าเธอว่าคิดน้อยไปดี คงจะคิดจริงซินะว่าการมีเขาอยู่ข้างกาย แล้วจะยิ่งใหญ่เกรียงไกร?
ไม่นานทั้งสองก็ถูกส่งถึงที่ปักหลัก ตั้งแต่เริ่มจนจบเฉินเซียนเหอยังไม่โผล่หน้ามาเลย เพียงแต่ให้ลูกน้องมาบอกกับเฉินหยูว่าเขาติดธุระ หากว่างแล้วจะรีบมาหาโดยทันที
สถานที่ปักหลักที่นี้ถือว่าไม่เลว อาคารสไตล์ตะวันตกขนาดเล็กสองชั้น อุปกรณ์ครบครัน การตกแต่งถือว่าพอใช้ได้ อย่างน้อยก็ไม่ได้ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกถึงความไม่สบาย
“กวางหยางนี้ แบ่งกองกำลังอาวุธได้สามกอง กองกำลังใหญ่สุดเป็นของกองกำลังปกครองมั่วคัง ลูกน้องในมือราวสองแสนกำลังคน ซึ่งใกล้เคียงกับเอนท์กรุ๊ปมากที่สุด”
“การที่เฉินเซียนเหอปักหลักอยู่ที่นี่ได้ เพราะการพึ่งสัมพันธไมตรีกับมั่วคัง นอกจากนั้น กำลังพลของมั่วคังล้วนประจำการตามถนน หากถูกเขาสั่งกองกำลังให้ขวางทางล่ะก็ เฉินกรุ๊ปจิวเวลรี่อย่าหวังว่าจะได้หยกแม้แต่ก้อนเดียว”
เฉินหยูหยิบแผนที่ออกมาหนึ่งเล่ม พร้อมกับอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันของกวางหยางให้กับฉีเติ่งเสียนได้ฟัง
หลังจากนั้น เธอได้ยื่นมือชี้ไปที่จุดสองสามจุดบนแผนที่ พร้อมพูดว่า “ที่เหล่านี้เป็นบ่อนพนันและไนท์คลับของเอนท์กรุ๊ป โดยสองที่นี้ที่อยู่ภายใต้การดูแลของโอวโม่”
“หุ้นส่วนที่หยวนเซิงลู่ร่วมมืออยู่ที่นี่ ก็คือเอนท์กรุ๊ปถูกไหม?” ฉีเติ่งเสียนถาม
เฉินหยูพยักหน้าเล็กน้อย “ถูกต้อง เป็นเอนท์กรุ๊ป โจวกวางหรงเป็นประธานของเอนท์กรุ๊ป ในอดีตร่ำรวยจากการปลูกฝิ่นขาย ตอนนี้หรอ กลายมาเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ โรงทานรายใหญ่ เหอะเหอะ......”
นักประกอบการที่อาศัยการดูดเลือดคนเพื่อหาเงินแบบเอนท์กรุ๊ป เพื่อรักษาหน้าตาแล้ว ส่วนมากก็จะจัดตั้งการบริจาคอะไรแบบนี้
โจวกวางหรงก็มาบริจาคเงินให้กับสองสามโรงเรียนในหัวกั๋ว ยังได้ออกสื่อจากแหล่งสื่อท้องถิ่นอีกด้วย เมื่อคิดดูแล้วก็น่าเหน็บแนมซะจริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...