มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 83

ฉีเติ่งเสียนถูกกอดด้วยแขนเรียวหยกนุ่มอบอุ่นมีกลิ่นหอม ครู่หนึ่งเขารู้สึกสติกระเจิดกระเจิงไปแล้วจริงๆ

ในชีวิตเขาแทบไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้หญิงเลย

“คุณฉี ถ้าเขตตัดสินใจพัฒนาดินแดนแห่งความตายเป็นเขตการค้าจริงๆ มูลค่าที่ดินหนึ่งเอเคอร์*ก็จะเกือบหลายสิบล้านนะสิ!” ( 1 ไร่ : 0.3333 เอเคอร์)

“ตอนนี้นายมีที่ดินอยู่ในมือเท่าไหร่?”

หลี่อวิ๋นหว่านกอดคอของฉีเติ่งเสียนไว้แน่น พร้อมทั้งนั่งลงบนตักของเขาโดยไม่ลังเล ก่อนจะเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี

ฉีเติ่งเสียนพยายามสงบสติอารมณ์ คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดช้าๆ: “ที่ดินนี้ถูกจำนองโดยกลุ่มจังกรุ๊ปในสัญญาจองซื้อหุ้น ฉันรวบรวมทีละเล็กทีละน้อยได้เกือบสามสิบล้านและฉันมีเกือบสองร้อยเอเคอร์อยู่ในมือ”

“สามสิบล้านรวบรวมที่ดินได้สองร้อยเอเคอร์?!!!” หลี่อวิ๋นหว่านเกือบเป็นลม

“ใช่ ที่ดินตรงนั้นเดิมมีการวางแผนสำหรับทำการเพาะปลูก มันเป็นนโยบายพิเศษ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นที่ดินแห้งแล้ง อสังหาริมทรัพย์ของตระกูลจัง ซื้อมันเพียงเพื่อรองรับรัฐบาลและนโยบายจากเบื้องบน เมื่อได้มาแล้วมันก็ถูกทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งาน”

“เมื่อตอนที่พวกเขาเริ่มไม่ไหว พวกเขายึดที่ดินทั้งหมดในดินแดนแห่งความตายและใช้เป็นหลักประกันในการลงนามในสัญญาจองซื้อหุ้น ตระกูลเฉียวลำพังใช้เงินไปเกือบหกสิบล้าน ฉันไม่มีเงินจึงรับไปสามสิบล้าน อีกสองร้อยเอเคอร์ที่เหลือควรอยู่ในมือของชิวเมิ่ง”

หลี่อวิ๋นหว่านบ่นออกมา: “ถ้าฉันรู้ก่อนฉันจะจองซื้อหุ้นอสังหาริมทรัพย์ของจัง ตอนนี้ฉันคงได้ที่ดินนี้ไปแล้ว!”

ฉีเติ่งเสียนส่ายหัวและพูดว่า: “ในเวลานั้นเมืองยังไม่ได้ข้อสรุป ยิ่งกว่านี้เธอไม่ทราบข่าวอสังหาริมทรัพย์ของจังที่โดนล้มละลาย เธอคงไม่รู้สึกเสียดายแบบนี้หรอกใช่ไหม?”

หลี่อวิ๋นหว่านยังรู้สึกว่านี่เป็นพร ไม่ใช่คำสาป เรียกว่าคำสาปไม่ได้

หากใช้เงินเพื่อซื้อหุ้นของจังกรุ๊ป คงไม่สามารถอยู่ในบริษัทได้อีกต่อไป และจะถูกแทงจนตายได้

ใครจะคิดว่าดินแดนรกร้างที่ถูกทิ้งไว้โดยอสังหาริมทรัพย์ของจังกรุ๊ปที่ล้มละลายและหนีไปพร้อมกับเงินก้อนโต จะกลายเป็นดินแดนแห่งขุมสมบัติภายใต้การตัดสินใจของเมือง

หลี่อวิ๋นหว่านทำการคำนวณคร่าวๆ หากการคำนวณขึ้นอยู่กับระดับเศรษฐกิจของ จงไห่และนโยบายของเมืองดินแดนแห่งความตายห้าล้านหยวนต่อหนึ่งเอเคอร์เป็นประเมินการแบบคร่าวๆ และ แปดล้านหยวนต่อหนึ่งเอเคอร์สำหรับทำเลที่ดีบางจุด หากบางจุดทำเลดีมากๆ มากกว่าสิบล้านก็ไม่ใช่ปัญหา

ดังนั้น ที่ดินที่อยู่ในมือของฉีเติ่งเสียนเพียงอย่างเดียวก็มีมูลค่าอย่างน้อยหนึ่งพันล้านแล้ว

“นี่เป็นพรจากสวรรค์จริงๆ มีคนกำลังจะรวย ใครก็ฉุดไม่อยู่!” หลี่อวิ๋นหว่านอดไม่ได้ที่จะกลอกตา โดยลืมไปเลยว่าเธอยังคงนั่งอยู่ในบนตักพร้อมกับอ้อมแขนที่โอบรอบคอฉีเติ่งเสียน.....

หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอก็หันมองไปที่ฉีเติ่งเสียน ดวงตาของเธอเป็นประกายแล้วพูดว่า: “คุณฉี จะมอบพื้นที่กี่เอเคอร์ให้กับมู่จือกรุ๊ปเหรอ?”

“แน่นอน ฉันไม่สามารถให้เธอฟรีๆ นี่เป็นเพียงวิธีในการขัดขวางหู่เหมินกรุ๊ปเท่านั้น” ฉีเติ่งสียนส่ายหัว เขาไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเขาจะไม่สนใจเรื่องเงินเรื่องทอง แต่เขาก็ไม่สามารถเอาไปโยนทิ้งขว้างได้

“โอ้... คุณฉี! ขอแค่สิบหรือยี่สิบเอเคอร์เท่านั้นก็พอแล้ว!” หลี่อวิ๋นหว่านพูดอย่างตื่นเต้น ร่างกายอันสง่างามของเธอเคลื่อนไหวในอ้อมแขน

“ถ้ามันไม่ได้ผล เราจะกู้เงินมาก่อน แล้วนายก็สามารถโอนที่ดินให้กับมู่จือกรุ๊ปได้ จากนั้นเราจะเริ่มพัฒนา”

“นายจะได้รับเงินปันผลจากเงินที่ได้รับจากการพัฒนา และเมื่อเรามีเงินทุนเพียงพอ เราก็จะคืนเงินที่ดินให้กับนายด้วยเช่นกัน!”

ฉีเติ่งเสียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เซี่ยงกรุ๊ปดูถูกที่ดินมูลค่าหลายพันล้าน ในแง่ของอสังหาริมทรัพย์สำหรับเซี่ยงกรุ๊ปที่จะมีที่ดินแดนแห่งยุคใหม่แค่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว

ทางด้านเฉียวกรุ๊ปนั้น เฉียวชิวเมิ่งยังคงมีพื้นที่ในมืออีกสองร้อยเอเคอร์ ซึ่งเพียงพอแล้ว หากมีมากกว่านี้ ก็จะดึงดูดความโลภของจากผู้คนอาจจะทำให้กลายเป็นหายนะได้

“แบบนั้นก็ได้ มันเป็นความผิดของฉันที่ทำให้เธอพลาดที่ดินที่อสังหาริมทรัพย์ของจังกรุ๊ปที่ถูกทิ้งไว้ เมื่อถึงเวลาเธอก็พัฒนาพื้นที่สองร้อยเอเคอร์นี้ แต่ถึงอย่างนั้นเม็ดเงินก็ไม่ควรสูญหายไป”ฉีเติ่งเสียนกล่าวอย่างสบายๆ

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ หลี่อวิ๋นหว่านมีความสุขมากที่เธอกอดรอบคอของฉีเติ่งเสียงจับหน้าเขาแล้วพูดว่า “ขอบคุณคุณฉี ฉันดีใจมากที่มีเพื่อนที่ดีแบบนาย!”

“ให้ตายเถอะ อย่าเอาน้ำลายมาพ่นหน้าฉันได้ไหม?” ฉีเติ่งเสียนอดบ่นก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำลายออกจากใบหน้า

อารมณ์อันมีความสุขของหลี่อวิ๋นหว่านจบลงด้วยคำพูดของเขา เธอฟึดฟัดอย่างเย็นชาด้วยความโกรธ จากนั้นเธอก็วางมือไปที่อีกด้านของใบหน้าของฉีเติ่งเสียน แล้วหอมอย่างนุ่มนวลและอ่อนหวาน

ฉีเติ่งเสียนรอสักครู่ก่อนที่จะเช็ดออก และหลี่อวิ๋นหว่านก็หอมอีกครั้ง

เช็ดอีก ก็หอมอีก......

หอมเขาเจ็ดแปดครั้ง เขาก็เช็ดออกทั้งเจ็ดแปดครั้ง

หลังจากที่หลี่อวิ๋นหว่านเห็นแววตาที่หยอกล้อและเจ้าเล่ห์ในดวงตาของฉีเติ่งเสียนเธอก็กลับมามีสติอีกครั้ง ตื่นจากความฝัน กระโดดออกมาจากตักและพูดด้วยความโมโหกลบเกลื่อน: “นายตั้งใจนี่!”

ฉีเติ่เงสียนส่ายหัวแล้วพูดว่า “ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย! ฉันไม่ชอบมัน น้ำลายของมนุษย์มีแบคทีเรียอย่างน้อยหกร้อยชนิด มีจำนวนหลายร้อยล้านถึงพันล้านตัว”

“ให้ตายเถอะ!” แม้ว่าหลี่อวิ๋นหว่านจะรู้ว่าเขาตั้งใจ แต่เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะกัดฟัน

ฉีเติ่งเสียนกล่าวอย่างสงบ: “นโยบายนี้คาดว่าจะได้รับการปล่อยนโยบายภายในสองหรือสามวัน เมื่อเธอประกาศไพ่เด็ดออกมา เธอก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าหู่เหมินกรุ๊ปจะสร้างปัญหาอะไรได้”

“ถึงแม้นายจะน่ารำคาญ แต่ยังไงก็ขอบคุณแล้วกัน” หลี่อวิ๋นหว่านมองไปที่ฉีเติ่งเสียนและในสายตามีความรู้สึกพึ่งพอใจ

ผู้คุมยศเล็กๆที่ดูถูกตั้งแต่แรก ยอมรับไม่ได้ที่เฉียวชิวเมิ่งจะมีสามีเช่นนี้ จึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยเฉียวชิวเมิ่งกำจัดเขา

แต่ตอนนี้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อพาเขาไปจากเฉียวชิวเมิ่งที่ยังไม่ตื่นรู้

เธอนั่งลงข้างฉีเติ่งเสียนอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอไม่ได้นั่งในอ้อมแขนของเขา มันทำให้ฉีเติ่งเสียนผิดหวังหรือไม่กันนะ?

“หากฉันไม่สามารถตอบแทนด้วยเงิน ฉันจะชำระด้วยร่างกายของฉันแทนได้ไหม?” หลี่อวิ๋นหว่านถามอย่างน่าสงสาร โดยจับแขนของฉีเติ่เงสียนแล้วเขย่าด้วยมือเล็ก ๆ ของเธอ และจงใจยกมุมกระโปรงของเธอขึ้นเผยให้เห็นขาเรียวเล็กของเธอดูแวววับภายใต้แสงไฟ

“หึ! ไม่ตกลง... ถ้าฉันจ่ายด้วยร่างกาย ฉันจะได้ผู้หญิงเพียงคนเดียว ถ้าจ่ายด้วยเงิน ฉันก็จะได้ผู้หญิงหลายคน!” ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างมั่นใจ และตบมือเล็ก ๆ ของหลี่อวิ๋นหว่าน

หลี่อวิ๋นหว่านตกตะลึงกับคำพูดเหล่านี้ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ก็ส่งเสียงคำราม: “ไอ้ผู้ชายเฮงซวย! ฉันจะต้องเปิดเผยหน้ากากหน้าซื่อใจคดของนายต่อหน้าเมิ่งเมิ่งให้ได้!”

ฉีเติ่งเสียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “ในสายตาของเธอ ฉันไม่เคยถูกมองว่าเป็นผู้ชายที่ดีเลยหรือไง”

“ไม่เป็นไรหรอก อยู่กับฉัน นายจะมีที่ที่สำหรับนายเสมอ!” หลี่อวิ๋นหว่านพูดอย่างภาคภูมิใจ เธอกอดรอบคอของฉีเติ่งเสียนและจูบปากเขาอย่างแรง

“นี่คือจูบแรกของฉัน!”

“ธุรกิจมีผลกำไรไม่แน่นอน ถ้าฉันไม่สามารถหาเงินเพื่อชดใช้นายได้ ฉันจะจ่ายคืนให้นายด้วยร่างกายของฉัน และนี่จะถือเป็นดอกเบี้ย!”

หลังจากพูดแบบนี้ หลี่อวิ๋นหว่านก็ตระหนักว่าเธอใจร้อนเกินไป และใบหน้าของเธอก็แดงก่ำ คราวนี้เธอไม่ต้องการเร่งเร้าเขา เธอหันหลังกลับแล้วกลับไปที่ห้อง ก่อนโบกมืออย่างสง่างามแล้วพูดว่า “ไปพักผ่อนแล้ว!”

ฉีเติ่งเสียนนั่งสบาย ๆ บนโซฟาและตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ขมวดคิ้วก่อนเอ่ยตำหนิ: “ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไอ้พวกสารเลวในคุกชอบเล่าเรื่องตลกสกปรก ตอนไม่มีอะไรจะทำ.....”

ขณะที่เขาพูด เขาก็ทำท่านวดด้วยมือแล้วบ่นว่า “เหมือนว่ามันใหญ่มาก”

เช้าวันรุ่งขึ้นก่อนจะรุ่งสาง หลี่อวิ๋นหว่านจากไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกว่าเมื่อวานนี้เธอหุนหันพลันแล่นเกินไป หากเธอไม่แสดงความยับยั้งชั่งใจ ฉีเติ่งเสียนอาจเข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนง่ายๆ เกินไป

หลังจากอีกคืนที่ที่หัวสมองของฉีเติ่งเสียนเต็มไปด้วยเรื่องขา จนกระทั่งช่วงบ่ายได้รับโทรศัพท์จากเฉียวชิวเมิ่ง โดยบอกว่าได้นัดหมายกับหัวหน้าโครงการของ เซี่ยงกรุ๊ปเพื่อรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน และได้ขอให้เขาไปด้วยกัน......

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง