มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 916

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ความแค้นที่สวีเอ้าเสวี่ยมีต่อฉีเติ่งเสียนนั้นมากมายขนาดไหน

หากไม่มีผู้ชายคนนี้โผล่มาขั้นกลางละก็ เธอคงจะได้รวบเซี่ยงกรุ๊ปเรียบร้อยแล้ว และตัวเธอเองก็คงไม่ต้องตกมาอยู่ในที่นาดินแบบนี้

“วันนี้ฉันพอใจมากเท่าไหร่ เธอก็จะได้มากเท่านั้น!จะได้ยาจากที่ฉันไปได้มากเท่าไหร่ ล้วนขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเธอเองแล้วเอ้าเสวี่ย” ท้ายที่สุดฉีเติ่งเสียนก็ได้เอนตัวลง

สวีเอ้าเสวี่ยแค้นจนอยากที่จะฆ่าคน แต่เธอก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี เธอทำได้เพียงแต่อดทนกั้นไว้ และทำให้เต็มที่เท่านั้น ถึงจะได้ยาจากเขาในราคาสี่สิบเปอร์เซ็นต์

จริงๆแล้ว ฉีเติ่งเสียนจะให้ยาทั้งหมดแก่สวีเอ้าเสวี่ยก็ได้ ยังไงเขาก็ไม่ได้สนใจธุรกิจพวกนี้อยู่แล้ว

สวีเอ้าเสวี่ยอยากได้ยาพวกนี้ เพราะว่าต้องการที่จะหลุดพ้นจากการควบคุมของตระกูลจ้าวโดยไว และเพื่อความสะดวกในการร่วมมือกับกองกำลังในพื้นที่

ฉีเติ่งเสียนมองไปที่สวีเอ้าเสวี่ยที่ทำงานมาหลายวัน รู้สึกพึงพอใจอยู่ลึกๆ เธอไม่ได้ถูกดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงของหนานหยางตากจนผิวดำ ผิวพรรณยังคงขาวยิ่งกว่าหิมะตามเดิม

“เห็นแก่ความพยายามของเธอ ฉันให้เธอในราคาห้าสิบเปอร์เซ็นต์ละกัน!” ฉีเติ่งเสียนยิ้ม พร้อมกับยื่นมือไปเชยคางของเธอขึ้นอย่างเบาๆ

สวีเอ้าเสวี่ยอึดฮัดสองทีด้วยความเหนื่อยล้า ภายในใจเกิดเป็นความกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

ความกลัวแบบนี้ ไม่ใช่ความกลัวที่มาจากการที่ถูกฉีเติ่งเสียนควบคุมและครอบงำ แต่เป็นเพราะตัวตนที่สูงส่งของเธอ กับเรื่องแบบนี้ เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เด็ดขาด!

สวีเอ้าเสวี่ยแสยะยิ้มพูด“ฉีเติ่งเสียน ตอนนี้นายก็ดีได้แค่นี้แหละ เพราะว่าเรื่องของลู่จ้านหลงเพียงเรื่องเดียว เลยกลายมาเป็นหมาที่เฝ้าบ้าน พื้นที่ของหัวกั๋วนั้นมีมากมายหลายล้านตารางกิโลเมตร ก็ไม่มีที่ให้สำหรับนาย!ตอนนี้ ฉันเพียงแค่ปากตัวตนของนายออกไป ไม่นานก็จะมียอดฝีมือจากหลากหลายที่มาล้อมนายเอาไว้”

“เธอเสียดาย ใช่ไหมล่ะ?” ฉีเติ่งเสียนอดที่จะหัวเราะไม่ได้

“ใช่ ฉันเสียดาย!เพราะว่า ฉันอยากจะฆ่าฟันนายออกเป็นล้านชิ้น การที่ให้นายตายในมือคนอื่น ฉันจะผิดหวังแค่ไหนกัน?” สวีเอ้าเสวี่ยพูดเสียนเย็น

“การที่ได้เห็นฉันที่เซียงซาน คงจะรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยล่ะซิ?” ฉีเติ่งเสียนถาม

“ตกใจซะมากกว่าล่ะซิ ไอ้สารเลว!” สวีเอ้าเสวี่ยตอบ

“เรื่องหลักก็ทำเสร็จละ มาเถอะ ตื่มสักสองแก้ว แล้วคุยเรื่องอื่นกัน”ฉีเติ่งเสียนพลางหัวเราะพลางพูด

สวีเอ้าเสวี่ยฝืนร่างกายที่เหนื่อยล้าของตัวเองขึ้นมา แล้วเลือกใส่ชุดนอนธรรมดามาหนึ่งตัว จากนั้นเดินตามฉีเติ่งเสียนไปที่ระเบียง

ฉีเติ่งเสียนได้หยิบไวน์แดงขวดหนึ่งมาเปิดแล้วเรียบร้อย หลังจากที่เทใส่แก้วทั้งสองแก้วแล้วนั้น จึงได้ยื่นหนึ่งในแก้วนั้นเข้าไปในมือของสวีเอ้าเสวี่ย

“ตอนนี้นายหนีบหางแล้ววิ่งไปทั่วแบบนี้ สภาพเหมือนตอนนั้นที่นายถูกไล่ออกจากเมืองหลวงเลยนะ!” สวีเอ้าเสวี่ยยกแก้วขึ้นดื่ม ทันทีที่ไวน์แดงได้เข้าไปในลำคอ ทำให้ความเหนื่อยล้าของเธอหายไปถึงสามส่วน

เธอสง่าในขณะเดียวกันก็สุขุม การกระทำที่กำลังยกแก้วไวน์ดื่มนั้น อดที่จะทำให้ฉีเติ่งเสียนชื่นชมไม่ได้

สวีเอ้าเสวี่ยยกยิ้มมุมปาก “คิดไม่ถึงเลย ว่านายจะเป็นคนที่โง่ขนาดนี้ ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นหลุมกับดัก ก็ยังจะกระโดดลงไป?”

“ถ้าเธอได้เจอเข้ากับการปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ยังไงฉันก็ออกหน้าช่วยเธออยู่ดี แม้ว่าจะต้องจ่ายด้วยผลที่ตามมาที่มากกว่านี้ก็ตาม”

เมื่อสวีเอ้าเสวี่ยได้ฟัง ใบหน้าอดปรากฏร่องรอยความประหลาดใจและขมขื่นอย่างอดไม่ได้ เธอยิ้มเยาะ“นายจะทำหรอ?นายเพียงแค่เห็นฉันเป็นผลประโยชน์กับหมากตัวหนึ่งในแผนของนายก็แค่นั้น ถ้าฉันไม่ได้ตอบตกลงกับนายว่าจะแทงข้างหลังตระกูลจ้าวในช่วงวิกฤตล่ะก็ บางทีฉันอาจมีอนาคตที่ไม่แน่นอนในตอนนี้”

“ใครก็ตามที่ได้รู้จักฉัน แล้วเจอเข้ากับเรื่องแบบนี้ ฉันก็ลงมือช่วยทั้งนั้น” ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยความจริงจัง แววตามีความเศร้าเล็กน้อย จากนั้นจึงยกไวน์เข้าปาก

สวีเอ้าเสวี่ยก็ไม่ได้ถามเขาต่อ เพราะว่า เขาถึงกับยื่นมือช่วยลู่จ้านหลง งั้นก็คงจะยื่นมือช่วยเหลือคนอื่นเหมือนกัน

ความเป็นธรรม ในใจของเขานั้น สำคัญกว่าผลประโยชน์ที่ฉาบฉวยเป็นใดๆ

หรือเป็นเพราะ ความโชคร้ายที่เขาเจอเข้ากับการข่มขู่และการถูกบังคับตั้งแต่เด็ก ดังนั้น เขาถึงเข้าใจในข้อนี้ดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง