สรุปตอน บทที่ 939 เรื่องบานปลาย – จากเรื่อง มังกรผู้ทรงพลัง โดย จาง หลงหู
ตอน บทที่ 939 เรื่องบานปลาย ของนิยายนิยายโรแมนติกในเมืองเรื่องดัง มังกรผู้ทรงพลัง โดยนักเขียน จาง หลงหู เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่ผู้รับผิดชอบโรงแรมเทียนตี้ได้รับข่าว เขาก็รีบออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าคนที่ถูกซ้อมอยู่คือหวังเจี้ยนเฉิง จึงอดไม่ได้ที่จะขนหัวลุก เมื่อมองไปยังคนที่ซ้อมอีกครั้งเป็นผู้หญิง จึงเพ่งมองให้ชัด โอ้ว เป็นคุณหนูสวีเอ้าเสวี่ย......
“คุณหนูสวี คุณหนูสวี......โรงแรมเทียนตี้ของพวกเรามีกฎอยู่นะครับ!”ผู้รับผิดชอบคนนี้เดินเข้ามา ต้องการที่จะห้ามสวีเอ้าเสวี่ย
สวีเอ้าเสวี่ยยื่นมือออกมาจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของเธอ พร้อมกับพูดเสียงเย็นว่า“งั้นนายไปถามอวี้เสี่ยวหลงสิ ว่าเธอจะสนใจเรื่องนี้ไหม!”
เธอกัดฟัน จากนั้นจึงยกมือฟาดกิ่งหลิวไปบนร่างกายของหวังเจี้ยนเฉิงอีกครั้ง!
เสื้อของหวังเจี้ยนเฉิงได้ขาดออกหมดแล้ว ผิวหนักแตกแยก เต็มไปด้วยรอยเลือด......
เขาเป็นถึงกับคุณชายตระกูลหวัง เขาเคยถูกปฏิบัติแบบนี้ซะที่ไหน?!
มุมปากของผู้รับผิดชอบกระตุก เรื่องนี้เขาห้ามไม่ได้จริงๆ ฝั่งหนึ่งคือคุณชายของตระกูลหวังแห่งเมืองหลวง อีกฝั่งเป็นแก้วตาดวงใจของตระกูลสวี นอกจากนั้นฝ่ายหลังยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอวี้เสี่ยวหลงมาก่อน!
หวังเจี้ยนเฉิงอ้าปากเอาลมหายใจเข้าด้วยความเจ็บปวด พร้อมกัดฟันพูด“สวีเอ้าเสวี่ย เธอเลือกเดินทางสายมืดเองนะ ตระกูลหวังของพวกเรา จะไม่ปล่อยเธอไว้แน่นอน!”
“ไม่มืด ฉันเป็นพยาน!” ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยความจริงจัง
สวีเอ้าเสวี่ยหันกลับมาถลึงตาใส่เขาหนึ่งที ไอ้สารเลวนี่ ปากไม่มีหูรูดจริงๆเลย หากเธอมีความสามารถล่ะก็ จะจับเขาแขวนแล้วฟาดแรงๆสักยก!
สวีเอ้าเสวี่ยแสยะยิ้ม“ฉันให้โอกาสแกแล้ว ให้แกจ่ายค่าทำขวัญให้ฉัน แกเองที่เป็นคนไม่ยอมจ่าย งั้นจะโทษฉันไม่ได้!ถ้าตระกูลหวังจะมาหาเรื่องฉันล่ะก็ ยินดีต้อนรับ มาหาฉันที่หนานหยาง ฉันจะได้ทดสอบประสิทธิภาพการต่อสู้ของทหารเหล่านั้นที่ฉันรู้จักด้วย!”
สวีเอ้าเสวี่ยตอนนี้ไม่ได้เหมือนกับแต่ก่อนแล้ว เมื่อก่อนถ้าเจอเรื่องแบบนี้ อย่างน้อยก็ต้องคิดหน้าคิดหลัง แต่เธอในตอนนี้มีกำลังทั้งหมดอยู่ที่หนานหยาง แม้ว่าตระกูลหวังอยู่ในเมืองหลวงจะยอดเยี่ยมเป็นสิบเท่า ก็ไม่อยู่ในสายตาเธออยู่ดี
ฉีเติ่งเสียนได้พูดกับผู้รับผิดชอบโรงแรมว่า“นี่นี่นี่ ถอยไปด้านข้างหน่อย มันรบกวนการดูหนังของฉัน!”
ผู้รับผิดชอบชะงัก ในหัวเต็มไปด้วยเส้นสีดำ ไอ้อ้วนนี่แม๊งเป็นใครเนี่ย ถึงได้มาช่วยทำให้เรื่องบานปลายขึ้น?
สวีเอ้าเสวี่ยฟาดจนกิ่งหลิวขาดไปแล้วยี่สิบกว่าเส้น เหนื่อยจนหายใจฟืบๆ
ไม่รู้ว่าฉีเติ่งเสียนไปเอาน้ำมาจากไหน จากนั้นเปิดฝาออกแล้วจึงยื่นให้กับเธอ“ลำบากแล้ว พักผ่อนสักครู่ แล้วค่อยต่อ”
สวีเอ้าเสวี่ยถลึงตาใส่เขาหนึ่งที แต่ก็รับน้ำดื่ม จากนั้นฉีเติ่งเสียนก็ยื่นทิชชู่เปียกให้ต่อ ช่างดูแลครบครันซะจริง
สวีเอ้าเสวี่ยร้องไห้ไม่ได้ หัวเราะไม่ออก“นายแม่งเป็นโดราเอมอนหรอ?!”
ฉีเติ่งเสียนขำ“กลัวเธอเหนื่อยไง!”
หวังเจี้ยนเฉิงแสยะยิ้ม“ถุย ขี้ประจบ!”
ฉีเติ่งเสียนหัวเราะ ดูทรงแล้วมือของสวีเอ้าเสวี่ยคงจะเบาไป
สวีเอ้าเสวี่ยกรอกตามองบน พร้อมกับถือกิ่งหลิวยืนผ่อนลมหายใจอยู่ที่เดิม
ฉีเติ่งเสียนรู้แล้วว่าทำไมปกติตอนที่เรือนจำโยวตูที่แขวนปีศาจราตรีและหมาป่าโลภคนจำพวกนี้ ทำไมด้านข้างถือมีคนยืนดูเป็นกลุ่ม ถึงกับขนาดส่งน้ำเช็ดเหงื่ออะไรแบบนี้ แท้จริงแล้ว ดูคนอื่นแล้ว มันฟินจริงๆ!
อย่างไรก็ตาม วิวดีย่อมไม่อยู่นาน โทรศัพท์ของฉีเติ่งเสียนก็ดังขึ้น
คนที่โทรเข้ามาคือหวงเหวินหลั่ง
“ปรมาจารย์ฉี ผมได้ข่าวมาว่าคุณและคุณหนูสวีได้แขวนหวังเจี้ยนเฉิงแล้วฟาดโชว์ที่หน้าประตูโรงแรมเทียนตี้?”หวงเหวินหลั่งถาม
“คนแซ่หวังมันใจแคบ อยากจะยืมมือของตระกูลเหลยจัดการสวีเอ้าเสวี่ย” ฉีเติ่งเสียนตอบ
สวีเอ้าเสวี่ยเหนื่อยจนยกมือไม่ขึ้นละ“พอละ ไม่มีแรงฟาดแล้ว ความโกรธก็ได้ระบายแล้ว!”
หวังเจี้ยนเฉิงที่ถูกแขวนไว้กลางอากาศ สภาพอิดโรยเหมือนใกล้ตาย
“จำไว้ ฉันสวีเอ้าเสวี่ยไม่ว่าจะตกต่ำถึงเพียงไหน ก็ไม่ใช่คนที่จะถูกคนอย่างพวกนายรังแกเอาได้ง่ายๆ!ยิ่งไปกว่านั้น ฉันในตอนนี้ ถ้าได้ทำแล้ว ก็จะทำอย่างกำเริบเสิบสาน!” สวีเอ้าเสวี่ยแสยะยิ้มพูดกับหวังเจี้ยนเฉิง
หวังเจี้ยนเฉิงมักจะสง่างาม แต่ตอนนี้ อนาถได้แค่ไหนเขาก็อนาถได้เท่านั้น
ฉีเติ่งเสียนควักโทรศัพท์ออกมา“ฉันถ่ายรูปเขาซะหน่อย แล้วส่งให้อวี้เสี่ยวหลงดู เเล้วรอดูว่าอวี้เสี่ยวหลงจะพูดว่าอะไร!”
“แกกล้า!” หวังเจี้ยนเฉิงตะโกนด้วยความโกรธ
“ฉันกล้าที่จะแขวนนายแล้วให้ประธานสวีตีแล้ว แล้วจะไม่กล้าถ่ายรูปนายได้ยังไง?” ฉีเติ่งเสียนหัวเราะ จากนั้นตามมาด้วยเสียงแชะหนึ่งที เขาได้ถ่ายรูปที่หวังเจี้ยนเฉิงถูกมัดแบบsmไว้หนึ่งรูป
หวังเจี้ยนเฉิงโกรธแทบตาย ไอ้หมอนี่มันสารเลวจริงๆ!รูปแบบนี้ หากอวี้เสี่ยวหลงได้เห็นเข้า แบบนี้เท่ากับว่าเขาจะไม่มีหน้าไปเจออวี้เสี่ยวหลงอีกแล้ว
“ไปกัน!” สวีเอ้าเสวี่ยพูดกับฉีเติ่งเสียน“หิวแล้ว ไปหาอะไรกินก่อนละกัน”
หวังเจี้ยนเฉิงกลับเห็นเข้ากับเหลยเสวี่ยเจียวและคนของตระกูลเหลย ใบหน้าปรากฏด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก“คนของตระกูลเหลยมาแล้ว พวกแกอย่าหวังว่าจะได้ไปแม้แต่คนเดียว!”
เหลยเสวี่ยเจียวถูกสวีเอ้าเสวี่ยตบไปหนึ่งที หวังเจี้ยนเฉิงให้พวกเขาทั้งสองตีกันไปหนึ่งยก แน่นอนว่าเธอโกรธเป็นอย่างมาก จึงรีบตรงกลับบ้านเพื่อไปเรียกตัวช่วยเพิ่ม
“พ่อ ผู้หญิงคนนี้แหละที่ตบหน้าหนู ยังมีผู้ชายคนนี้ ที่ข่มขู่หนู แล้วยังพูดถึงตระกูลเหลยของเราในทางไม่ดี วันนี้จะปล่อยพวกมันไปไม่ได้เด็ดขาด!” เหลยเสวี่ยเจียวชี้ไปที่วีเอ้าเสวี่ยและฉีเติ่งเสียนพร้อมพูดด้วยความโกรธ
พ่อของเหลยเสวี่ยเจียว แน่นอนว่าคือเหลยเจิ้นฉี
อย่างไรก็ตาม เหลยเจิ้นฉีกลับไม่ได้โมโหระเบิดลงอย่างที่เหลยเสวี่ยเจียวคิด ปฏิบัติกับฉีเติ่งเสียนและสวีเอ้าเสวี่ยด้วยความนอบน้อม แต่กลับส่งสายตาเย็นชาไปให้หวังเจี้ยนเฉิงแทน อีกทั้งแววตายังแฝงไปด้วยอายสังหาร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...