หวังเจี้ยนเฉิงได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ของโรงแรมเทียนตี้สองคนที่หิ้วปีกเขาไว้ได้ก่อน ที่เขาจะยืนแทบไม่ได้
สวีเอ้าเสวี่ยทำร้ายเขาอย่างรุนแรง จนทำให้ช่วงเวลาเกือบครึ่งชีวิตของเขาหายไป!
“พ่อ ต้องแก้แค้นให้ฉันกับพี่เฉิง!” เหลยเสวี่ยเจียวพูดกับเหลยเจิ้นฉี น้ำเสียงดูอ้อนวอน
คนที่เห็นเหตุการณ์บางคนที่มองดูด้วยความตื่นเต้นอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างเมื่อเห็นเหลยเจิ้นฉี ตระกูลเหลยที่ปกติเป็นคนเงียบมาก ไม่ค่อยได้ออกไปไหน
แต่คราวนี้หลยเสวี่ยเจียวถูกทำร้าย คงทำให้เหลยเจิ้นฉีตกใจ จินตนาการได้ว่ามันจะทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ขนาดไหน!
ชั่วครู่หนึ่งพวกเขาทั้งหมดรู้สึกว่าฉีเติ่งเสียนกับสวีเอ้าเสวี่ยถึงคราวซวยแล้วไม่มีใครในเซียงซานที่จะทนความโกรธของตระกูลเหลยได้
หวังเจี้ยนเฉิงยังพูดกับเหลยเจิ้นฉี: “คุณอาเหลย โปรดตัดสินแทนเราด้วย!”
ใบหน้าของสวีเอ้าเสวี่ยเต็มไปด้วยความเฉยเมย แม้ว่าเหลยเจิ้นฉีจะน่ารำคาญ แต่เธอก็ตบหลยเสวี่ยเจียวเข้าให้แล้ว เขาไม่กล้าพุ่งมาหาเธอแน่
เพราะเธอเชิญปรมาจารย์ศาสตร์ฮวงจุ้ย อู๋กั่วฮั่วให้มาดูตระกูลเหลย
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีฉีเติ่งเสียนที่ยืนอยู่ข้างเธอ ผู้ชายคนนี้เป็นบุคคลสูงศักดิ์ที่ตระกูล เหลยไม่สามารถข่มขู่ได้ พวกเขายังต้องถูกควบคุมอยู่ในบ้านอีกสักสองหรือสามวันถึงจะพอ
“นายคือหวังเจี้ยนเฉิงแห่งตระกูลหวังในเมืองหลวงงั้นเหรอ?” เหลยเจิ้นฉีมองไปที่หวังเจี้ยนเฉิงและถามอย่างใจเย็น
“ใช่ ผมคือหวังเจี้ยนเฉิง!” หวังเจี้ยนเฉิงตอบรับทันที เขาต้องให้ความเคารพลูกชายคนโตของเหลยเทียนซื่อคนนี้ด้วย
การเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหลยเจิ้นฉีและเขาถามว่า: “มายืมมือลูกสาวฉัน คิดว่าสมองนายฉลาดมากขนาดนั้นเลยใช่ไหม?”
หลังจากที่หวังเจี้ยนเฉิงได้ยิน เขาก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและพูดว่า: “อาเหลย นี่ไม่ใช่ความคิดผม!”
เหลยเสวี่ยเจียวพูดอย่างร้อนรน: “พ่อ อย่าพึ่งเข้าใจผิด พี่เฉิงไม่ได้หลอกใช้ฉันจริงๆ! ฉันอยากช่วยเขาด้วยความสมัครใจ และอีกอย่างเป็นเพราะผู้หญิงตัวเหม็นที่แซ่สวีน่ารังเกียจนี่ ...”
เหลยเจิ้นฉีหันกลับมาและตะโกนด้วยความโกรธ: “หุบปาก! ยายลูกสมองหมู ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกคนอื่นหลอกใช้งั้นเหรอ?”
เหลยเสวี่ยเจียวหน้าซีดหลังจากถูกเหลยเจิ้นฉีตะโกนใส่ เธอตกตะลึง
เธอถูกเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เด็กและได้รับความชื่นชมอย่างมากในตระกูลเหลยมาตลอด แทบไม่มีใครตะโกนใส่เธอแบบนี้ด้วยว้ำ
หวังเจี้ยนเฉิงกลืนน้ำลายและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม: “คุณอาเหลย ผมไม่มีเจตตาหลอกใช้เสวี่ยเจียว เรื่องนี้ผมสามารถสาบานต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้าได้”
“นายคิดว่าไม่มีใครรู้ว่านายกำลังคิดอะไรแบบนั้นใช่ไหม? ต้องการยืมชื่อเสียงของตระกูลเหลยของเราเพื่อกดดันให้คุณสวี ยอมก้มหัวให้นาย รู้หรือเปล่าว่าคุณสวีเป็นแขกตระกูลเหลยของเรา เป็นคนสูงศักดิ์ของตระกูลเหลยของเรา!” เหลยเจิ้นฉีอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย
เลห์เหลี่ยมเล็กๆ น้อยๆ ของหวังเจี้ยนเฉิงถูกซ่อนจากสายตาของเหลยเจิ้นฉีได้อย่างไร
เขามีจุดมุ่งหมายชัดเจน รู้โดยไม่ต้องคิดเลยว่าหวังเจี้ยนเฉิงกำลังใช้ประโยชน์จากความชอบของเหลยเสวี่ยเจียว ต้องการใช้ชื่อของตระกูลเหลยเพื่อบังคับให้สวีเอ้าเสวี่ยยอมจำนน
ตราบใดที่ตระกูลเหลยอ้าปาก ไม่ว่าสวีเอ้าเสวี่ยจะแข็งแกร่งแค่ไหน เธอก็ต้องยอมอย่างนั้นใช่ไหม?
หวังเจี้ยนเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม: “คุณอาเหลย โปรดอย่าคิดเองเออเอง แล้วมาตัดสินคนอื่นแบบนี้”
“ถ้าอย่างนั้น ก็กลับไปที่เมืองหลวง และอย่ามาที่เซียงซานมาวุ่นวายกับสาวของฉันอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะหักขาทิ้งให้หมด” เหลยเจิ้นฉียิ้มเยาะ
เมื่อหวังเจี้ยนเฉิงได้ยินคำพูดที่หยาบคาย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที และเขาก็ขมวดคิ้วและพูดว่า: “เหลยเจิ้นฉี ผมคิดว่าคุณเป็นผู้อาวุโสที่มีชื่อเสียงผมจึงให้เกียรติเรียกคุณว่าอา! อย่าทะนงตัวเกินไป คุคิดจริงๆว่าพวกเรา ตระกูลหวังอ่อนแอหรือไง?”
เหลยเจิ้นฉีพูดอย่างเย็นชา: “ไม่ว่าตระกูลหวังของนายจะเป็นอะไรก็ตาม มันไร้สาระและก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน! แต่ถ้านายต้องการใช้ประโยชน์จากลูกสาวของฉัน ฉันจะฆ่านาย ฉันจะให้เวลานายยี่สิบสี่ชั่วโมง ออกไปเซียงซานซะ และอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ไม่อย่างนั้นฉันหักขาของนายแน่!”
หลังจากที่ทุกคนได้ยิน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...