ไฮซานโลวเก๋อ เป็นร้านอาหารที่โดดเด่นในเซียงซาน ซึ่งตั้งอยู่ที่ท่าเรือริมทะเล
ร้านอาหารแห่งนี้เป็นเรือขนาดใหญ่ แบ่งออกเป็นห้าชั้น แขกทุกคนต่างทานอาหารบนเรือ และยังสามารถจ่ายเงินเพื่อให้พนักงานเสิร์ฟสาวสวยที่มากความสามารถสวมชุดกี่เพ้าที่ยั่วยวนเล่นกู่เจิง
แม้กระทั่ง นางแบบชื่อดังหลายคนยังเป็นพนักงานเสิร์ฟคนเรือนี้ เพียงหวังว่าตัวเองจะถูกบอสใหญ่สักคนมาชอบ หลังจากนั้นก็เข้าสู่ตระกูลที่ร่ำรวย
“ใครเป็นผู้สนับสนุนไฮซานโลวเก๋อแห่งนี้? ทำได้อลังการมาก” ฉีเติ่งเสียนหันไปถามสวีเอ้าเสวี่ย
“คนของตระกูลเหอไงล่ะ! ที่เซียงซานมีคนรวยตั้งเยอะ” สวีเอ้าเสวี่ยหัวเราะแล้วพูด
หลังจากพูดจบ เธอก็ยกก้าวเดินนำหน้าไป ฉีเติ่งเสียนเลยต้องเดินตามไป
สวีเอ้าเสวี่ยเห็นพวกเขาทั้งสองเดินไปข้างหน้าผ่านกระจกด้านหนึ่ง ในใจก็แอบสะใจเล็กน้อย รู้สึกตัวเองเป็นเหมือนพี่ใหญ่ แต่ฉีเติ่งเสียน เป็นเหมือนบอดี้การ์ด
แต่ฉีเติ่งเสียนกลับชื่นชมและชอบความแตกต่างของสวีเอ้าเสวี่ยมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนอนด้วยกันทำเป็นอาย พออยู่ข้างนอกก็กลายเทพธิดาที่ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สามารถเอื้อมถึงได้
“คุณสวีมาแล้ว เชิญชั้นบนครับ” เมื่อชายในชุดสูทที่มีสำเนียงคนในเมืองหลวงอย่างชัดเจนเห็นสวีเอ้าเสวี่ยจากนั้น พูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า“คุณเซี่ยรออยู่ชั้นบนมานานแล้ว”
สวีเอ้าเสวี่ยฮัมอืมอย่างนิ่งเฉย แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน
ในสายตาของชายชุดสูทคนนี้มีท่าทีที่กำลังแสดงความดูถูก และพูดเสียงเบาอย่างดูถูกว่า “มีอะไรน่าเสแสร้ง ไม่ใช่ว่ากำลังตกระกำลำบากหรอกหรอ? ถ้าหนานหยางยังทิ้งได้ละก็ แค่เป็นผู้ชายก็สามารถเล่นคุณได้แล้ว!”
จู่ๆสวีเอ้าเสวี่ยก็หันศีรษะมาอย่างฉับพลัน พูดอย่างเย็นชาว่า “ไอ้กระจอก คุณพูดว่าอะไรนะ พูดอีกครั้ง ให้ฉันฟังหน่อยสิ?”
“ฮ่าๆ คุณสวีสั่งให้ผมทำอะไรผมก็ต้องทำงั้นหรอ? หรือว่าคุณสวีคิดว่าตัวเองยังเป็นอัจฉริยะของเมืองหลวงหรือยังไง?” ชายในชุดสูทคนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงบอดี้การ์ดหรือผู้ติดตามของเซี่ยเทียนอวี้ แต่ก็กล้าที่จะไม่กลัวสวีเอ้าเสวี่ย
สวีเอ้าเสวี่ยเหล่ตาแล้วหยุดนิ่ง พูดอย่างช้าๆ “คุกเข่าลง ตบปากตัวเองร้อยครั้ง อย่าให้ฉันได้พูดเป็นครั้งที่สอง!”
ชายในชุดสูทพูดอย่างเหยียดหยาม “คุณสวีรีบขึ้นไปชั้นบนดีกว่า คุณขู่ฉันไม่ได้หรอก”
ฉีเติ่งเสียนดูฉากนี้ด้วยความสนใจ คนเหล่านี้ต่างรู้สึกว่าสวีเอ้าเสวี่ยเป็นหมาตกกระป๋อง ทุกคนต่างต้องการเหยียบย่ำเธอ
ในความเป็นจริง ชีวิตก็เป็นแบบนี้ เมื่ออยู่จุดที่สูงที่สุด ใครๆก็คอยให้กำลังใจ แต่ตอนที่กำลังตกระกำลำบาก ใครๆก็อยากซ้ำเติม อยากเหยียบย้ำให้จมกองโคลน
แต่สวีเอ้าเสวี่ยเป็นคนเข้มแข็ง แม้ว่าชีวิตของเธอจะถูกเหยียบย่ำลงไปในโคลนจริงๆ เธอก็ต้องสู้ต่อไปใช่มั่ยล่ะ?
สวีเอ้าเสวี่ยหันไปถามฉีเติ่งเสียน “จะว่ายังไง?”
ฉีเติ่งเสียนตะลึงครู่หนึ่งและพูดว่า “เกี่ยวอะไรกับผมด้วย?!”
“ฉันคิดว่าฉันควรลองบาเลนเซียกาที่เพิ่งซื้อมาใหม่นั่นมั้ย แต่ก็ช่างเถอะ ของมันไม่มีค่าฉันก็ควรจะโยนมันทิ้ง!” สวีเอ้าเสวี่ยพูดด้วยเสียงนิ่งเฉย
ทันใดนั้นฉีเติ่งเสียนไม่สามารถนั่งดูเฉยๆได้อีก แต่สวีเอ้าเสวี่ยก็เป็นคนรักเก่าของเขา ลูกน้องคนหนึ่งของเซี่ยเทียนอวี้ กล้าดียังไงถึงหยาบคายกับเธอได้ขนาดนี้? ทำไมไร้กาลเทศะได้เช่นนี้?
ใครจะทนได้ล่ะ?
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับบาเลนเซียกา เหตุผลหลักๆคือเขาไม่สามารถเห็นคนอื่นปราบปรามสวีเอ้าเสวี่ยแบบนี้ใช่มั้ยล่ะ?
ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ว่าจะทางอารมณ์หรือเหตุผลก็ไม่สามารถเห็นผู้ชายคนอื่นรังแกผู้หญิงได้!
ดังนั้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขายืนหยัดด้วยความเที่ยงธรรม และความชอบธรรม แล้วกล่าวด้วยเสียงที่เข้ม “คุกเข่าลง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...