มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 949

สรุปบท บทที่ 949 ตระกูลจี้: มังกรผู้ทรงพลัง

ตอน บทที่ 949 ตระกูลจี้ จาก มังกรผู้ทรงพลัง – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 949 ตระกูลจี้ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายโรแมนติกในเมือง มังกรผู้ทรงพลัง ที่เขียนโดย จาง หลงหู เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

รูปร่างหน้าตาของเซี่ยเทียนอวี้จะเรียกว่าตัวท็อปเลยก็ได้ เพราะอย่างไรแล้วเธอก็เป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่ของเมืองหลวง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์หรือออร่าใดๆ ต่างก็ล้วนถูกจับวางอย่างเข้าที่เข้าทางทั้งสิ้น

ส่วนผู้ชายที่อยู่ถัดจากเซี่ยนเทียนอวี้ แน่นอนว่าเขาคือคุณชายจี้ข่ายจากตระกูลจี้แห่งเซียงซานอย่างไม่ต้องสงสัย

สวีเอ้าเสวี่ยเดินไปที่โต๊ะด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้

ฉีเติ่งเสียนก็กำลังจะนั่งลงเช่นกัน แต่เซี่ยเทียนอวี้กลับพูดขึ้นว่า “นายคนใช้นี่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเอาซะเลย กล้าดียังไงจะมาร่วมโต๊ะ”

ฉีเติ่งเสียนยิ้มจางๆ และพูดว่า “คุณเป็นใคร คิดว่าตัวเองสูงส่งนักเหรอ”

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเซี่ยเทียนอวี้ก็เคร่งขรึม เธอพูดเสียงเย็นว่า “สวีเอ้าเสวี่ย ยังไม่รีบจัดการสุนัขรับใช้ของเธออีกเหรอ ฉันกลัวว่าถ้าฉันโมโหขึ้นมา ไอ้สุนัขรับใช้นี่อาจได้กลายเป็นอาหารฉลาม!”

สวีเอ้าเสวี่ยพูดอย่างใจเย็นว่า “คุณหนูเซี่ยยังไม่รู้จักสั่งสอนสุนัขรับใช้ของตัวเองเลย แล้วยังมีหน้ามาว่าฉันด้วย นี่...เจ้าสุนัขรับใช้ นั่งไปเลย ไม่ต้องสนใจ!”

ฉีเติ่งเสียนอยากจะชกสวีเอ้าเสวี่ยสักทีสองที นี่เป็นการเหยียบจมูกขึ้นหน้ากันชัดๆ!

จี้ข่ายมองฉีเติ่งเสียนหัวจรดเท้าก่อนจะดึงสายตากลับไป วันนี้เขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ เพราะเขาแค่มาปรากฏตัวเพื่อหนุนหลังเซี่ยเทียนอวี้เท่านั้น

ชื่อเสียงของตระกูลจี้โด่งดังไปทั่วเซียงซาน

แค่เขาอยู่ที่นี่ นั่นก็ถือเป็นการข่มขู่อย่างหนึ่ง!

ความไม่พอใจฉายประกายในแววตาของเซี่ยเทียนอวี้ แต่เธอก็ขี้เกียจจะใส่ใจคนกระจอกที่ไม่น่าสนใจอย่างฉีเติ่งเสียน

“สวีเอ้าเสวี่ย เซ็นเอกสารนี่ซะ แล้วฉันจะเก็บซุปไว้ให้เธอกินสักถ้วย!” เซี่ยเทียนอวี้โยนเอกสารในกระเป๋าลงบนโต๊ะและพูดกับสวีเอ้าเสวี่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย

สวีเอ้าเสวี่ยไม่ต้องดูก็รู้ว่าเอกสารเหล่านี้เป็นเอกสารที่จะให้เธอโอนสินทรัพย์ในหนานหยาง

ในที่สุดเธอก็บุกเข้าไปในหนานหยางได้อย่างยากลำบาก แต่ทันใดนั้นก็มีคนมาชิงผลงานของเธอไป

ยิ่งไปกว่านั้นความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเซี่ยและตระกูลจ้าวก็ไม่ธรรมดา ที่เซี่ยเทียนอวี้มาหาเรื่องเธอถึงเซียงซาน มีความเป็นไปได้สูงว่าตระกูลจ้าวอนุญาตเป็นนัยๆ

ตอนที่สวีเอ้าเสวี่ยปฏิเสธคำขอร่วมมือของตระกูลหวัง ตระกูลจ้าวไม่ได้พูดอะไร แต่ภายในพวกเขาต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน พวกเขาคิดว่าในเมื่อทาสที่อาศัยตระกูลจ้าวจนยืนหยัดได้อีกครั้งอย่างสวีเอ้าเสวี่ยกล้าต่อต้านความต้องการของเจ้านาย ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องโดนจัดการ!

สวีเอ้าเสวี่ยพูดนิ่งๆ ว่า “คุณบอกให้ฉันเซ็น ฉันก็ต้องเซ็นงั้นเหรอ คิดว่าฉันไม่มีศักดิ์ศรีรึไง”

เซี่ยเทียนอวี้หัวเราะและพูดว่า “เธอต้องการศักดิ์ศรีอะไรอีก เธอไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว เธอก็เป็นแค่ทาสที่รอกินข้าวจากตระกูลจ้าวเท่านั้น! ถ้าไม่มีตระกูลจ้าวเธอจะมีวันนี้ได้เหรอ ตระกูลเซี่ยของฉันดองกับตระกูลจ้าว พอนับดูแล้วก็เท่ากับว่าฉันเป็นเจ้านายเธอเหมือนกัน! ทาสอย่างเธอกล้าไม่ฟังคำพูดของเจ้านายเหรอ”

ฉีเติ่งเสียนไม่อยากจะใส่ใจ เขาจึงเอื้อมมือไปคว้าปูตัวใหญ่บนโต๊ะก่อนจะแกะมันออกแล้วเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย

เมื่อได้ฟังคำพูดของเซี่ยเทียนอวี้ หัวใจของสวีเอ้าเสวี่ยก็ยิ่งโกรธ

เธอขอความช่วยเหลือจากตระกูลจ้าว ผู้ซึ่งบอกว่าพวกเขาเห็นคุณค่าในความสามารถของเธอและจะเคารพเธออย่างที่ควรได้รับ...

แต่ความจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้น

คนตระกูลจ้าวเหล่านี้ ปากก็บอกว่าเคารพเธอ แต่พวกเขากลับปฏิบัติต่อเธอเหมือนทาสคนหนึ่ง บางครั้งพวกเขาก็ไม่ได้ทำอย่างชัดเจนขนาดนั้น แต่คนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลจ้าวกลับพูดอย่างโจ่งแจ้งและเกินขอบเขตไปมาก

นี่คือเหตุผลที่เธอเริ่มไม่พอใจตระกูลจ้าวมากขึ้นเรื่อยๆ และเธอก็รู้สึกว่าศักดิ์ศรีของเธอถูกเหยียบย่ำ

“กิน กิน กิน สุนัขรับใช้อย่างนายก็รู้จักแต่จะกิน ไม่เห็นเหรอว่ามีคนทำให้ฉันอับอายน่ะ!” สวีเอ้าเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะตบโต๊ะด้วยความหงุดหงิด พร้อมกับหันไปหาฉีเติ่งเสียนและคำรามด้วยความโกรธ

ฉีเติ่งเสียนระบายยิ้ม “ล้อเล่นรึไง เซี่ยเทียนเฉียวมันไม่ใช่มนุษย์ เขาฆ่าคน เผาและผ่าเอาไตคนอื่นที่กวางหยางนั่น แล้วทำไมคนอื่นจะผ่าเอาไตเขาบ้างไม่ได้”

“เซี่ยเทียนเฉียวโหดร้ายมาก ดังนั้นเธอจงดูไว้...”

“ชื่อเสียงของตระกูลเซี่ยจะทำให้คุณหนูสวีของเรากลัวได้ยังไง!”

จี้ข่ายที่เงียบมาตลอดเงยหน้ามองฉีเติ่งเสียนและพูดช้าๆ ว่า “ชื่อเสียงของตระกูลเซี่ยไม่มากพอที่จะทำให้คนในเซียงซานเคารพ งั้นถ้าเป็นตระกูลจี้ล่ะ”

ฉีเติ่งเสียนยักไหล่พลางพูดว่า “ตระกูลจี้เหรอ แค่โจรเรียกค่าไถ่สักคนก็สามารถทำให้ตระกูลจี้ชุลมุนวุ่นวายได้แล้ว ดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่ากลัวนะ”

จี้ข่ายชะงักอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นสีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้น

สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดสำหรับคนตระกูลจี้คือเวลาที่มีคนเอาเรื่องนี้มาพูด เพราะนี่เป็นเรื่องน่าอายสำหรับตระกูลจี้!

ตระกูลจี้โอ้อวดตัวเองว่าเป็นที่หนึ่งในเซียงซาน แต่มีโจรลักพาตัวที่กล้าลักพาตัวสมาชิกครอบครัวของพวกเขาและยังเอาเงินสดไปพันล้านด้วย!

เซี่ยเทียนอวี้มองสวีเอ้าเสวี่ยและพูดอย่างเย็นชาว่า “สวีเอ้าเสวี่ย วันนี้เธอไม่ได้คิดจะมาคุยดีๆ กับฉันใช่ไหม”

“ก็คุณหนูเซี่ยทำผิดเองรึเปล่าล่ะ คุณไม่ได้คิดจะมาเจรจากับฉันตั้งแต่แรก คุณแค่อยากแย่งผลงานที่ฉันสร้างขึ้นในหยางหนานเท่านั้น แล้วฉันต้องยกมันให้คุณด้วยรอยยิ้มเหรอ” สวีเอ้าเสวี่ยส่งปลาดิบเข้าปากตัวเองอย่างเอื่อยเฉื่อย ขณะเคี้ยว เธอก็ตอบกลับอย่างสง่างาม

จี้ข่ายจึงพูดว่า “ถึงคุณจะไม่เห็นด้วย มันก็ไม่มีประโยชน์ คนของคุณหนูเซี่ยสามารถไปที่หนานหยางและรับช่วงต่อธุรกิจเหล่านั้นได้ แต่คุณจะไม่ได้ออกจากหอชมวิวกลางทะเล! แน่นอนว่าถึงวันนี้คุณจะโชคดี แต่พรุ่งนี้คุณก็ไม่ได้ออกจากเซียงซานอยู่ดี”

“จำคำพูดฉันไว้เลย!”

ขณะที่เขากำลังพูด นักสู้ผู้เก่งกาจก็ปรากฏตัวบนดาดฟ้าแห่งนี้โดยไม่ทันรู้ตัว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง