รูปร่างหน้าตาของเซี่ยเทียนอวี้จะเรียกว่าตัวท็อปเลยก็ได้ เพราะอย่างไรแล้วเธอก็เป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่ของเมืองหลวง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์หรือออร่าใดๆ ต่างก็ล้วนถูกจับวางอย่างเข้าที่เข้าทางทั้งสิ้น
ส่วนผู้ชายที่อยู่ถัดจากเซี่ยนเทียนอวี้ แน่นอนว่าเขาคือคุณชายจี้ข่ายจากตระกูลจี้แห่งเซียงซานอย่างไม่ต้องสงสัย
สวีเอ้าเสวี่ยเดินไปที่โต๊ะด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้
ฉีเติ่งเสียนก็กำลังจะนั่งลงเช่นกัน แต่เซี่ยเทียนอวี้กลับพูดขึ้นว่า “นายคนใช้นี่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเอาซะเลย กล้าดียังไงจะมาร่วมโต๊ะ”
ฉีเติ่งเสียนยิ้มจางๆ และพูดว่า “คุณเป็นใคร คิดว่าตัวเองสูงส่งนักเหรอ”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเซี่ยเทียนอวี้ก็เคร่งขรึม เธอพูดเสียงเย็นว่า “สวีเอ้าเสวี่ย ยังไม่รีบจัดการสุนัขรับใช้ของเธออีกเหรอ ฉันกลัวว่าถ้าฉันโมโหขึ้นมา ไอ้สุนัขรับใช้นี่อาจได้กลายเป็นอาหารฉลาม!”
สวีเอ้าเสวี่ยพูดอย่างใจเย็นว่า “คุณหนูเซี่ยยังไม่รู้จักสั่งสอนสุนัขรับใช้ของตัวเองเลย แล้วยังมีหน้ามาว่าฉันด้วย นี่...เจ้าสุนัขรับใช้ นั่งไปเลย ไม่ต้องสนใจ!”
ฉีเติ่งเสียนอยากจะชกสวีเอ้าเสวี่ยสักทีสองที นี่เป็นการเหยียบจมูกขึ้นหน้ากันชัดๆ!
จี้ข่ายมองฉีเติ่งเสียนหัวจรดเท้าก่อนจะดึงสายตากลับไป วันนี้เขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ เพราะเขาแค่มาปรากฏตัวเพื่อหนุนหลังเซี่ยเทียนอวี้เท่านั้น
ชื่อเสียงของตระกูลจี้โด่งดังไปทั่วเซียงซาน
แค่เขาอยู่ที่นี่ นั่นก็ถือเป็นการข่มขู่อย่างหนึ่ง!
ความไม่พอใจฉายประกายในแววตาของเซี่ยเทียนอวี้ แต่เธอก็ขี้เกียจจะใส่ใจคนกระจอกที่ไม่น่าสนใจอย่างฉีเติ่งเสียน
“สวีเอ้าเสวี่ย เซ็นเอกสารนี่ซะ แล้วฉันจะเก็บซุปไว้ให้เธอกินสักถ้วย!” เซี่ยเทียนอวี้โยนเอกสารในกระเป๋าลงบนโต๊ะและพูดกับสวีเอ้าเสวี่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย
สวีเอ้าเสวี่ยไม่ต้องดูก็รู้ว่าเอกสารเหล่านี้เป็นเอกสารที่จะให้เธอโอนสินทรัพย์ในหนานหยาง
ในที่สุดเธอก็บุกเข้าไปในหนานหยางได้อย่างยากลำบาก แต่ทันใดนั้นก็มีคนมาชิงผลงานของเธอไป
ยิ่งไปกว่านั้นความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเซี่ยและตระกูลจ้าวก็ไม่ธรรมดา ที่เซี่ยเทียนอวี้มาหาเรื่องเธอถึงเซียงซาน มีความเป็นไปได้สูงว่าตระกูลจ้าวอนุญาตเป็นนัยๆ
ตอนที่สวีเอ้าเสวี่ยปฏิเสธคำขอร่วมมือของตระกูลหวัง ตระกูลจ้าวไม่ได้พูดอะไร แต่ภายในพวกเขาต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน พวกเขาคิดว่าในเมื่อทาสที่อาศัยตระกูลจ้าวจนยืนหยัดได้อีกครั้งอย่างสวีเอ้าเสวี่ยกล้าต่อต้านความต้องการของเจ้านาย ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องโดนจัดการ!
สวีเอ้าเสวี่ยพูดนิ่งๆ ว่า “คุณบอกให้ฉันเซ็น ฉันก็ต้องเซ็นงั้นเหรอ คิดว่าฉันไม่มีศักดิ์ศรีรึไง”
เซี่ยเทียนอวี้หัวเราะและพูดว่า “เธอต้องการศักดิ์ศรีอะไรอีก เธอไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว เธอก็เป็นแค่ทาสที่รอกินข้าวจากตระกูลจ้าวเท่านั้น! ถ้าไม่มีตระกูลจ้าวเธอจะมีวันนี้ได้เหรอ ตระกูลเซี่ยของฉันดองกับตระกูลจ้าว พอนับดูแล้วก็เท่ากับว่าฉันเป็นเจ้านายเธอเหมือนกัน! ทาสอย่างเธอกล้าไม่ฟังคำพูดของเจ้านายเหรอ”
ฉีเติ่งเสียนไม่อยากจะใส่ใจ เขาจึงเอื้อมมือไปคว้าปูตัวใหญ่บนโต๊ะก่อนจะแกะมันออกแล้วเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย
เมื่อได้ฟังคำพูดของเซี่ยเทียนอวี้ หัวใจของสวีเอ้าเสวี่ยก็ยิ่งโกรธ
เธอขอความช่วยเหลือจากตระกูลจ้าว ผู้ซึ่งบอกว่าพวกเขาเห็นคุณค่าในความสามารถของเธอและจะเคารพเธออย่างที่ควรได้รับ...
แต่ความจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้น
คนตระกูลจ้าวเหล่านี้ ปากก็บอกว่าเคารพเธอ แต่พวกเขากลับปฏิบัติต่อเธอเหมือนทาสคนหนึ่ง บางครั้งพวกเขาก็ไม่ได้ทำอย่างชัดเจนขนาดนั้น แต่คนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลจ้าวกลับพูดอย่างโจ่งแจ้งและเกินขอบเขตไปมาก
นี่คือเหตุผลที่เธอเริ่มไม่พอใจตระกูลจ้าวมากขึ้นเรื่อยๆ และเธอก็รู้สึกว่าศักดิ์ศรีของเธอถูกเหยียบย่ำ
“กิน กิน กิน สุนัขรับใช้อย่างนายก็รู้จักแต่จะกิน ไม่เห็นเหรอว่ามีคนทำให้ฉันอับอายน่ะ!” สวีเอ้าเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะตบโต๊ะด้วยความหงุดหงิด พร้อมกับหันไปหาฉีเติ่งเสียนและคำรามด้วยความโกรธ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...