ฉีเติ่งเสียนยังรู้สึกผิดมากเรื่องที่คราวก่อนเขากับเจียงชิงเย่ว์ทะเลาะจนแยกทางกัน เมื่อมาถึงทางเข้าโรงพยาบาลเขาจึงซื้อดอกไม้ติดมือไปด้วยช่อหนึ่ง
เจิ้งโหยวปินรออย่างกระสับกระส่ายที่ประตูหน้าอยู่นานแล้ว เมื่อเห็นฉีเติ่งเสียนเดินเข้ามาเขาจึงรีบเข้าไปทักทายทันที
“ในที่สุดคุณก็มาเสียที ประธานหลี่ คนในโรงพยาบาลไร้ศีลธรรมนี่ไม่มีจรรยาบรรณแพทย์ ยื้อเวลามาทั้งคืนเลย! หนำซ้ำที่ด้านนอกยังมีพวกเหลือขอตั้งมากมาย ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยจริงๆ!” เจิ้งโหยวปินลากแขนฉีเติ่งเสียนพลางพูดไปด้วย เวลานี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ
“คุณน้องล่ะ? อาการเป็นยังไงบ้าง” ฉีเติ่งเสียนขมวดคิ้วถาม
“อาการของคุณเจียงยังทรงตัวอยู่ แต่ว่าจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด!” เจิ้งโหยวปินเอ่ยอย่างรีบร้อนพลางเดินนำฉีเติ่งเสียนขึ้นไปชั้นบน
เมื่อเข้ามาในห้องคนไข้ ฉีเติ่งเสียนจึงเห็นเสื้อผ้าขาดวิ่นเปื้อนเลือดและเจียงชิงเย่ว์ที่นอนอยู่บนเตียง
เมื่อเจียงชิงเย่ว์เห็นเขา ดวงตาที่สวยงามของเธอก็แดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอแทบจะร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้น
ฉีเติ่งเสียนสำรวจอาการบาดเจ็บของเธออย่างระมัดระวังก่อนสิ่งอื่นใด จากนั้นจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกและบอกว่า “อาการบาดเจ็บไม่ได้รุนแรงมาก คุณไม่ต้องกังวลนะ ผมจะรีบจัดการรักษาให้คุณเดี๋ยวนี้ละ”
ขณะที่พูดเขาก็วางดอกไม้ลงบนโต๊ะข้างเตียงของเจียงชิงเย่ว์
น้ำตาของเจียงชิงเย่ว์หลั่งไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่
“นี่ ทำไมยังร้องไห้อีกล่ะ” ฉีเติ่งเสียนถาม
“ในที่สุดคุณก็รู้วิธีมอบดอกไม้ให้ฉันสักที!” เจียงชิงเย่ว์พูดอย่างน้อยใจ “วันนั้นทำไมไม่รู้จักเอามาให้!”
“คุณอยากได้ดอกไม้คุณก็บอกตรงๆ สิ!” ฉีเติ่งเสียนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี รู้สึกว่าวงจรสมองของผู้หญิงคนนี้ช่างประหลาดจริงๆ ตัวเองถูกรถชนจนบาดเจ็บแท้ๆ แต่ยังเอาประเด็นเรื่องดอกไม้มาปนกันได้
เจียงชิงเย่ว์อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และบอกว่า “ฉันอยากได้ดอกไม้ แต่ฉันจะบอกคุณว่าฉันอยากได้ดอกไม้ไม่ได้”
“ฉันไม่อยากให้คุณมอบดอกไม้ให้ฉันเพียงเพราะว่าฉันอยากได้!”
“แต่ฉันอยากให้คุณมอบดอกไม้ให้ฉันเพราะคุณอยากให้!”
“คุณเข้าใจไหม?”
เมื่อเห็นว่าเจียงชิงเย่ว์กลายเป็นคนช่างพูดอีกครั้ง ฉีเติ่งเสียนที่อยู่ข้างๆ ก็ตะลึง
จากนั้นครู่ใหญ่เขาจึงพึมพำอย่างอดไม่ได้ว่า “แม่งเอ้ย...”
ทว่าเจียงชิงเย่ว์กลับมีประสาทหูที่ว่องไว เมื่อได้ยินเธอก็พูดขึ้นมาอย่างโมโหว่า “คุณว่าไงนะ!"
ฉีเติ่งเสียนโบกมือและบอกว่า “เปล่าๆ ไม่มีอะไร เรามาจัดการเรื่องสำคัญกันก่อนดีกว่า ผมช่วยจัดการกับกระดูกที่หักขอคุณได้”
“เร็วเข้า ทำไมยังไม่ส่งคนไข้ไปอีก? เตียงที่โรงพยาบาลมีจำกัด อย่าปล่อยให้มาใช้ส้วมเฉยๆ โดยไม่อึ!”
ขณะที่เจียงชิงเย่ว์กำลังจะระบายความโกรธออกมา ใครคนหนึ่งก็มาช่วยผู้ชายเฮงซวยนี่ไว้ทัน ซึ่งคนคนนั้นก็คือผู้อำนวยการอู๋แห่งโรงพยาบาลอ้ายคัง
ผู้อำนวยการอู๋เป็นหญิงสาวอายุห้าสิบกว่าๆ ไว้ผมทรงหยิกยาว สวมแว่นตาไว้บนสันจมูก
เจิ้งโหยวปินเอ่ยอย่างโมโหเกินทนว่า “คุณอู๋ อย่าให้มันมากเกินไปนะคุณ! คุณจงใจยื้อเวลารักษาคุณเจียง แล้วทีนี้ก็จะมาบอกว่ารักษาไม่ได้อย่างงั้นหรือ? บอกให้พวกคุณเตรียมเปลหามกับรถพยาบาลไว้ แต่พวกคุณก็ยังแก้ตัวหลบเลี่ยง นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่”
ผู้อำนวยการอู๋กลับหัวเราะเยาะและเอ่ยว่า “หมายความว่ายังไง? พวกเธอมันตาไม่มีแวว ไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน แบบนี้ยังจะถามฉันอีกเหรอว่าหมายความว่ายังไง?”
ฉีเติ่งเสียนไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่ก้มลงหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาพับอย่างเรียบร้อย จากนั้นจึงยัดใส่ไปในปากของเจียงชิงเย่ว์
เจียงชิงเย่ว์ชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะตกใจเบิกตากว้าง
ทว่าฉีเติ่งเสียนยกมือข้างที่บาดเจ็บของเธอขึ้นมาแล้ว จากนั้นจึงตามมาด้วยเสียงแกร๊กขณะที่กระดูกถูกจัดให้กลับเข้าที่
เจียงชิงเย่ว์ที่นอนอยู่บนเตียงเกือบจะเด้งตัวขึ้นมาเพราะความเจ็บ บนหน้าผากของเธอมีเหงื่อผุดพราย เหงื่อทำให้บาดแผลที่ยังไม่หายดีชื้นขึ้นและทำให้เธอสั่นสะท้านไปทั้งตัวเพราะความเจ็บปวด
“โฮะ คิดไม่ถึงว่าเจ้าหนุ่มนี่จะมีความสามารถกับเขาด้วย รู้วิธีต่อกระดูกด้วยเรอะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...