นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร นิยาย บท 12

สรุปบท บทที่ 12 เทศกาลโคมไฟ : นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร

บทที่ 12 เทศกาลโคมไฟ  – ตอนที่ต้องอ่านของ นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร

ตอนนี้ของ นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร โดย เสวี่ยเจีย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายย้อนยุคทะลุมิติทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 12 เทศกาลโคมไฟ  จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ขณะนี้สวนหลังจวนสกุลมู่หรงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ

มู่หรงจิ่นนั่งอยู่ข้าง ๆ ราวกับคนนอก ขณะมองดูทุกอย่างด้วยความใจเย็น

ฮูหยินเฒ่ามู่หรงไม่สามารถหุบยิ้มได้เพราะมู่หรงหมินเขียนบทประพันธ์ได้ดียิ่งนัก หากนำคำแรกของแต่ละย่อหน้ามารวมกันแล้วจะมีความหมายว่า “การรวมญาติ” ซึ่งสอดคล้องกับธรรมเนียมของเทศกาลไหว้พระจันทร์

แม้ว่ามู่หรงเซิ่งจะไม่ได้กล่าวคำใด แต่สายตาที่เต็มไปด้วยความจริงจังและความภาคภูมิใจแสดงให้เห็นว่าเขาค่อนข้างภูมิใจกับลูกชายตัวน้อยอย่างมาก

“ตอนนี้หมินเอ๋อร์ของเราโตเป็นหนุ่มแล้ว! ลูกหลานตระกูลมู่หรงของเรายอดเยี่ยมยิ่งนัก!”

ตอนนี้มู่หรงผิงเมามายแล้ว ทว่าเขาก็ยังไม่ยอมวางจอกสุราในมือ

เมื่อได้ยินคำชื่นชมเหล่านั้น มู่หรงจิ่นก็หัวเราะเยาะในใจ หากมู่หรงผิงกล่าวเช่นนี้ในเวลาสติครบถ้วน บรรยากาศที่นี่คงจะน่าอึดอัดไม่น้อย

ในจวนตระกูลมู่หรงแห่งนี้มีหญิงสาวอัปลักษณ์ที่พวกเขาเรียกว่า “คุณหนูใหญ่ไร้ประโยชน์!” แม้ว่าตระกูลมู่หรงจะไม่ต้องการยอมรับนาง แต่อย่างไรเสียก็นับว่าเป็น “ลูกหลานตระกูลมู่หรง”

ทว่าวันนี้มู่หรงจิ่นสังเกตเห็นว่าฮูหยินเฒ่าที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะคลี่ยิ้มบาง ๆ แม้ใบหน้านางจะเปื้อนยิ้ม ทว่านางกลับไม่ได้แสดงท่าทีใด เป็นไปได้หรือไม่ว่าเพลงที่นางบรรเลงเมื่อครู่จะทำให้อีกฝ่ายเกรงกลัว ?

ใช่แล้ว ขยะและตัวตลกที่คนตระกูลมู่หรงและคนภายนอกดูถูกเหยียดหยามและหัวเราะเยาะมาตลอดสิบหกปี กลับบรรเลงผีผาในงานเลี้ยงรวมญาติด้วยทักษะอันแพรวพราวและโดดเด่น ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ฮูหยินเฒ่ามู่หรงมองนางในมุมมองใหม่ !

ขณะที่มู่หรงจิ่นกำลังจ้องมองฮูหยินเฒ่าอยู่นั้น นางก็รู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องตนอยู่ ดังนั้นมู่หรงจิ่นจึงหันไปมองมู่หรงเซิ่งที่กำลังจ้องมองนางด้วยสายตาซับซ้อน ก่อนที่มู่หรงจิ่นจะส่งยิ้มทักทายผู้เป็นบิดา

ไม่นานมู่หรงเซิ่งก็เบือนสายตามองไปทางอื่นพลางเผยสีหน้าเหยเกเล็กน้อย

“โอ้ ! นายท่าน ท่านเมามากแล้วเจ้าค่ะ!”

อานซิ่วอิ๋งเป็นคนมีไหวพริบอย่างมาก เมื่อเห็นว่าหลิวเหม่ยน่ากำลังจ้องมองมู่หรงเซิ่ง นางจึงรีบลุกยืนขึ้นแล้วเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ มู่หรงผิง

“ฮูหยินเฒ่า ท่านลุง นายท่านเมามายมากจนทำให้พวกท่านหัวเราะเยาะแล้ว !”

อานซิ่วอิ๋งประคองมู่หรงผิงที่ไม่อาจยืนอย่างมั่นคงได้ ก่อนหันไปยิ้มและกล่าวขอโทษฮูหยินเฒ่าและมู่หรงเซิ่ง

“ไม่เป็นไร ! วันนี้เป็นวันจัดงานเลี้ยงรวมญาติพวกเราทุกคนล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมากมาย อีกทั้งลูกพี่ลูกน้องเป็ฯคนใจดี หากเขาพอใจที่จะดื่มอีกสักสองสามแก้ว ข้าก็ไม่มีปัญหา !”

แม้มู่หรงเซิ่งจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตาของเขากลับไม่ได้ยิ้มไปด้วย เขาดูถูกเย้ยหยันลูกพี่ลูกน้องผู้นี้มาตั้งแต่ยังเยาว์วัย เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ได้อุทิศตนเรียนด้านการแพทย์ แต่กลับชื่นชอบเพลงและดนตรี

“แม่ท่านลุงจะพูดเช่นนั้น แต่ตอนนี้ดึกมากแล้ว พวกเราจำเป็นต้องกลับแล้วเจ้าค่ะ !”

เหตุใดอานซิ่วอิ๋งจะไม่รู้ว่ามู่หรงเซิ่งคิดอย่างไร แต่ผู้ใดใช้ให้มู่หรงผิงไม่ใช่ทายาทสายตรงเล่า ? ดังนั้นนางจึงต้องกล้ำกลืนฝืนทน !

เมื่อซินเอ๋อร์ของนางแต่งงานกับอ๋องเยี่ยนในฐานะนางสนม มู่หรงจิ่นก็จะกลายเป็นตัวประหลาดอัปลักษณ์และอาจจะใช้ชีวิตอยู่ในจวนอ๋องได้ไม่นาน

เมื่อถึงเวลานั้น หากอ๋องเยี่ยนขึ้นครองบัลลังก์ ซินเอ๋อร์ของนางก็จะกลายเป็นกุ้ยเฟย ! หากตระกูลมู่หรงต้องการอยู่รอด พวกเขาจะต้องแห่กันมาขอความช่วยเหลือที่หน้าประตูบ้านของนาง และในตอนนั้นพวกเขายังกล้าหยิ่งยโสอยู่อีกหรือ !

ความโหดเหี้ยมในแววตาของอานซิ่วอิ๋งไม่อาจรอดพ้นสายตาของมู่หรงจิ่นไปได้ นางกวาดสายตามองทุกคนในครอบครัวที่ภายนอกต่างหัวเราะอย่างมีความสุข แต่เนื้อแท้กลับมีปีศาจอยู่ภายในจิตใจ !

“ในตอนนี้งานเลี้ยงรวมญาติของตระกูลเราจบลงแล้ว ลูกพี่ลูกน้องของข้าจะได้กลับไปพักผ่อนที่บ้านเสียที !”

หลังจากสิ้นเสียงของมู่หรงเซิ่ง มู่หรงหมินก็ลุกออกจากที่นั่งของเขา

“ท่านย่า ท่านสัญญากับข้าว่าวันนี้จะไปเที่ยวเทศกาลโคมไฟกับข้ามิใช่หรือขอรับ !”

มู่หรงหมินเผยท่าทีกังวลทันทีที่ได้ยินว่างานเลี้ยงสิ้นสุดลงแล้ว

“ข้าไม่อนุญาต ! ตอนนี้ดึกดื่นแล้วและภายในงานเทศกาลโคมไฟก็เสียงดังไม่น้อย หากมีคนอื่นเดินชนเจ้าแล้วข้าจะทำอย่างไร ?”

ฮูหยินเฒ่ารักหลานชายที่นางเลี้ยงมาด้วยมือตนเองตั้งแต่เล็กจนโต ดังนั้นนางจึงรู้สึกกลัวและเอ่ยห้ามเขาออกไป แม้มู่หรงหมินจะมีอายุสิบสามปีแล้ว แต่ฮูหยินเฒ่ามู่หรงยังคงปฏิบัติต่อเขาเหมือนกับเด็กอายุเจ็ดหรือแปดขวบ

“ท่านย่า ! ท่านจะกลับคำได้อย่างไร ! วันนั้นข้าเล่นหมากรุกชนะท่านและท่านก็ได้ให้สัญญากับข้าแล้ว ! ข้าอยากไปเที่ยวเทศกาลโคมไฟ !”

เมื่อมู่หรงหมินได้ยินว่าตนจะไม่ได้ไปเยี่ยมชมเทศกาลโคมไฟตามที่คาดหวังไว้ เขาก็เผยท่าทีเกรี้ยวกราดทันใด ทำให้หัวใจของฮูหยินเฒ่าโศกเศร้าอย่างมาก

เมื่อได้ยินเช่นนั้นมู่หรงหมินก็ดึงแขนมู่หรงจิ่นให้ออกไปทันที หลังจากนั้นคนอื่น ๆ ก็เดินตามไป ไม่นานสวนหลังจวนก็เงียบลง

“นายท่าน ท่านเมาแล้วเจ้าค่ะ !”

ขณะนี้ใบหน้าของหลิวเหม่ยน่าไม่น่ามองนัก แม้ผู้อื่นอาจไม่สังเกต แต่นางกลับเห็นได้อย่างชัดเจน

มู่หรงเซิ่งมีท่าทีเหม่อลอยตั้งแต่นังมู่หรงจิ่นบบรรเลงผีผา หนำซ้ำดวงตาของเขายังจับจ้องไปที่นางอย่างไม่วางตากาอนกระดกสุราเข้าไปหลายจอก

“อืม ใครก็ได้ไปส่งฮูหยินเฒ่าพักผ่อนที่เรือนไม้จันทน์ด้วย !”

เมื่อมู่หรงเซิ่งโบกมือ บ่าวรับใช้ก็ประคองฮูหยินเฒ่ากลับไปที่เรือน

“เช่นนั้นพวกเราขอตัวก่อนเจ้าค่ะ !”

เมื่ออานซิ่วอิ๋งเห็นเช่นนั้น นางก็สั่งให้บ่าวรับใช้พยุงมู่หรงผิงกลับไปที่จวน

“นายท่าน...”

หลิวเหม่ยน่าพยายามประคองมู่หรงเซิ่งให้ลุกยืนขึ้น ทว่าเขากลับหยุดนางเอาไว้

“คืนนี้ข้าจะนอนที่ห้องตำรา ! เจ้าก็รีบกลับไปพักผ่อนล่ะ !”

จากนั้นมู่หรงเซิ่งก็มุ่งหน้าไปยังห้องตำรา

“เจ้าค่ะ !”

หลิวเหม่ยน่ามองตามแผ่นหลังของมู่หรงเซิ่งพลางกัดฟันกล่าว

มู่หรงจิ่น เจ้ามันตัวอัปมงคล ข้าจะปล่อยเจ้าไปไม่ได้แล้ว !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร