นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร นิยาย บท 8

เช้าวันไหว้พระจันทร์

มู่หรงจิ่นตื่นมาด้วยนาฬิกาชีวภาพแห่งจิตวิญญาณ นางลืมตาขึ้น มองไปที่เตียงไม้ที่สีหลุดลอกอยู่เหนือศีรษะของนาง และผ้าม่านเตียงที่ถูกล้างจนกลายเป็นสีขาวซีด พลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

เสิ่นหว่านชิงทิ้งทรัพย์สินของนางไว้ ไม่มีแม้แต่ชิ้นเดียวที่ถูกละทิ้ง และสมุดบัญชีที่ผู้ดูแลร้านส่งมาก็ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร

นางไม่คาดคิดว่าในช่วงสิบหกปีที่ผ่านมา รายได้สุทธิของกิจการเหล่านี้จะสูงถึงห้าพันตำลึงเงิน! นอกจากนี้ยังมียุ้งฉางขนาดเล็กที่เก็บผลผลิตธัญพืชในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

นางเปลี่ยนจากคนจนเป็นผู้หญิงที่รวยด้วยโชคลาภ ความแตกต่างนั้นใหญ่เกินไปหน่อย!

แม้ว่านางจะมีเงินและทรัพย์สินมากมาย แต่นางก็ไม่สามารถใช้มันได้อย่างเปิดเผย! แม้ว่าฮูหยินเฒ่ามู่หรงและมู่หรงเซิ่งจะไม่มีความคิดใดๆ เกี่ยวกับเงินและทรัพย์สินของนาง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหลิวเหม่ยน่าจะไม่คิด!

แต่...

มู่หรงจิ่นมีแววเจ้าเล่ห์ในดวงตาของนาง และถ้าไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้มันอย่างลับๆ ไม่ได้ จะทำอย่างไรกับเงินเหล่านี้ดีล่ะ? ต้องวางแผนให้รอบคอบถึงจะถูก!

“คุณหนู! ท่านตื่นหรือยัง?”

เสียงของเสี่ยวหลิงดังมาจากนอกประตู ขัดจังหวะความคิดของมู่หรงจิ่น

"เข้ามาเถอะ!"

มู่หรงจิ่นลุกขึ้นจากเตียง เสี่ยวหลิงถือกะละมังมาล้างหน้าให้นาง

หลังอาหารเช้า มู่หรงจิ่นไปเดินเล่นใต้ต้นไทรในสวนเพื่อสร้างความกระฉับกระเฉง

แผลถูกแส้บนร่างกายของนางงอกเนื้อใหม่ จึงมีอาการคันและตึงเล็กน้อย นี่เป็นเรื่องปกติ

มู่หรงจิ่นพยายามออกกำลังกายทุกเช้าเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม หนึ่งเพื่อส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตและแผลจะหายเร็วขึ้น สองคือร่างกายนี้อ่อนแอเกินไปต้องออกกำลังกาย

ตลอดสี่วันนี้ นอกจากมู่หรงจิ่นจะดูสมุดบัญชีที่เหล่าผู้ดูแลร้านส่งมาแล้ว แล้วยังถามแม่นมหลี่และเสี่ยวหลิงอย่างอ้อมค้อมเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่มีในความทรงจำอยู่ไม่น้อย แม้จะเชื่อถือไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็พอรู้เรื่องอยู่บ้าง

หลังกินอาหารกลางวันเสร็จ ฮูหยินเฒ่ามู่หรงส่งคนไปบอกว่ามีแขกมา ให้มู่หรงจิ่นเตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปเรือนไม้จันทน์

"คุณหนู อยากได้ทรงผมแบบไหนเจ้าคะ" เสี่ยวหลิงหยิบหวีไม้แล้วช่วยมู่หรงจิ่นหวีผมให้เรียบ

"ยิ่งง่ายยิ่งดี!"

มู่หรงจิ่นมองเสื้อผ้าใหม่ที่หลิวเหม่ยน่าส่งมาข้างๆ เป็นผ้าไหมสีชมพูขลิบทอง กระโปรงปักด้วยดอกสาลี่ที่กำลังบานสะพรั่งหรือเป็น งดงามและสะอาดสะอ้านมาก

“ข้าไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าชั้นใน แค่ใส่ชุดชั้นนอกก็พอ!”

เสี่ยวหลิงไม่เข้าใจ แต่ก็ทำตามที่มู่หรงจิ่นสั่ง

หลายวันมานี้ ไม่ว่าจะเป็นแม่นมหลี่หรือว่าเสี่ยวหลิง ก็สั่งเกตเห็นว่ามู่หรงจิ่นเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้มู่หรงจิ่นนิ่งเงียบไม่ค่อยพูด มักจะอัดอู้อยู่แต่ในเรือน และใบหน้าอาบน้ำตาเป็นบางครั้ง

ตอนนี้แม้นางจะไม่ชอบพูด แต่ก็ยังพูดประเด็นสำคัญเป็นบางครั้ง และยังเดินเล่นในสวน และดูสมุดบัญชี มีความคิดของตัวเอง อีกอย่างความคิดเหล่านี้พวกนางไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ตอนทำกลับมีประสิทธิผล

ดังนั้นตอนนี้แม่นมหลี่และเสี่ยวหลิงชินไปแล้ว แม้จะสงสัยในการตัดสินใจและท่าทีของมู่หรงจิ่น แต่ก็ยังเชื่อและทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไข

เพิ่งจะก้าวออกจากเรือนจิ่นยู่ มู่หรงจิ่นก็หัวเราะเยือกเย็นในใจ

สมกับเป็นจวนตระกูลหมอหลวง แม้จะเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง แต่ก็เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและดอกไม้หลากสีสันในทุกที่ ไม่เหมือนเรือนจินยู่ของนาง วัชพืชขึ้นรกและใบไม้ร่วงอยู่ทั่วไป

ทันทีที่เข้าสู่เรือนไม้จันทน์ ก็จะได้ยินการสนทนาที่สนุกสนานภายใน

มู่หรงจิ่นเข้าไปในห้องด้านหลังด้วยสายตาเศร้าสร้อย เห็นฮูหยินเฒ่ามู่หรงนั่งอยู่บนเบาะหลัก จึงคุกเข่าคำนับลง

“คำนับท่านย่า ขอให้ท่านย่าอายุยืนนาน!”

ในเรือนเงียบลง และเสียงของมู่หรงจิ่นดังมาจากด้านหลังผ้าคลุมสีขาว เสียงที่ไพเราะเสนาะหู กำลังทักทายอย่างนุ่มนวลและจริงใจ ซึ่งทำให้ฮูหยินเฒ่ามู่หรงและคนอื่นๆ ตะลึงงัน

"พี่ใหญ่ตรงเวลาจริงๆ ท่านป้าดื่มชาไปหนึ่งเหยือกแล้ว!"

วันนี้มู่หรงเหยาสวมชุดกระโปรงหยูเกาะอกสีเหลืองขนห่าน และมีนกยูงสีทองเดินอยู่บนหัว เมื่อพูด พู่บนขนนกจะเคลื่อนไหว และนกยูงก็ดูเหมือนจริง

มู่หรงจิ่นไม่ตอบบทสนทนา แต่เย้ยหยันในใจ มู่หรงเหยากำลังบอกเป็นนัยว่านางปล่อยให้แขกรอนาน และนางไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะเหยียบตัวเอง

“ออกมาเถอะ!” ฮูหยินเฒ่ามู่หรงก็ได้ยินคำพูดของมู่หรงเหยา ก็หุบยิ้มพร้อมพึมพำเสียงเบา

“ขอบคุณท่านย่า!”

มู่หรงจิ่นถึงจะเงยหน้ามองฮูหยินเฒ่ามู่หรงที่อยู่ตรงหน้า แม้อายุจะเข้าหกสิบ แต่กลับมีสีหน้าแจ่มใส และดูมีชีวิตชีวา สีหน้าที่เผยความเคร่งขรึมนั้นทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว

ในเวลานี้ นางกำลังนั่งอยู่บนที่นั่งหลักในเรือน สวมกระโปรงสีน้ำตาลเข้มปักด้วยไหมสีทอง ผมสีเทาของนางถูกมวยเป็นทรงเผชิญนภา และนางสวมปิ่นหยกเลี่ยมทอง มองมู่หรงจิ่นอย่างเย็นชา

“นี่คือท่านป้าของเจ้า แล้วยังน้องหญิงซิน!”

เนื่องจากมีคนนอกอยู่ด้วย ฮูหยินเฒ่ามู่หรงจึงต้องแสดงให้คนอื่นเห็น แม้ว่าจะไม่ชอบก็ตาม

“หลานสาวคำนับท่านป้าเจ้าค่ะ!”

มู่หรงจิ่นได้ยินก็หันไป ทำความเคารพผู้หญิงที่นั่งด้านล่างซ้ายของฮูหยินเฒ่ามู่หรง

"โย! จิ่นเอ๋อร์โตปานนี้แล้วหรือ! ตอนนี้สะโอดสะองแล้ว!"

ผู้หญิงคนนี้เป็นแขกของวันนี้ เป็นภรรยาของมู่หรงผิง ญาติผู้น้องของพ่อของมู่หรงจิ่น นามว่าอานซิ่วอิ๋ง

“ท่านป้าไม่ได้เจอเจ้ามาหลายปีแล้ว มานี่สิ นี่เป็นของขวัญเล็กน้อยจากท่านป้า เจ้าอย่าได้รังเกียจล่ะ!”

มู่หรงจิ่นเห็นสตรีอายุราวๆ สามสิบปีตรงหน้า นางสวมกระโปรงสีแดงขอบทอง มวยผมทรงหางม้า สวมปิ่นทรงผีเสื้อ ดวงตาเรียวยาว

ตอนนี้นางกำลังเอาปิ่นอัญมณีแดงให้ในมือของมู่หรงจิ่น ยิ้มนั้นทำให้คนขนลุก

“ขอบคุณท่านป้าจริงๆ !”

มู่หรงจิ่นมองปิ่นในมือ แล้วยิ้มเย้ยหยัน นี่กำลังข่มเหงตัวเองอยู่หรือ? เห็นว่าตัวเองปักปิ่นดอกท้อที่ทำจากเงินแท้ นึกว่าตัวเองไม่เคยเห็นโลกกว้าง อยากใช้ปิ่นอัญมณีแดงมาทำให้ตัวเองตกตะลึงหรือไร?

"ฮึ่ม! ท่าทางที่ไม่เคยเห็นโลกกว้างมันน่าผวาจริงๆ !"

มู่หรงจิ่นได้ยินเสียงจึงหันศีรษะไปด้านข้าง และเห็นคนที่นั่งถัดจากอานซิ่วอิ๋ง บุตรีของนางมู่หรงซิน มองไปที่มู่หรงจิ่นด้วยท่าทางเหยียดหยาม

มู่หรงซินอายุได้สิบห้าปีในปีนี้ อ่อนกว่ามู่หรงเหยาสองเดือน มีใบหน้าที่สวยงาม และมักจะชอบเดินตามหลังมู่หรงเหยา

แม้ว่ามู่หรงซินจะพูดคำเหล่านี้ด้วยเสียงต่ำ แต่ทุกคนก็ได้ยิน

อานซิ่วอิ๋งปิดปากของนางด้วยผ้าเช็ดหน้า แต่นางไม่สามารถซ่อนการเสียดสีที่มุมปากของนางได้

ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ ! มู่หรงจิ่นพึมพำในใจอย่างเย็นชา นางแสร้งทำเป็นไม่เห็นการเยาะเย้ยในสายตาของพวกเขา เดินไปที่ที่นั่งด้านขวาล่างของฮูหยินเฒ่ามู่หรง

"โย แม่นางโตเป็นสาวก็เปลี่ยนไปเยอะจริงๆ เด็กสาวสามคนจากตระกูลมู่หรงกลายเป็นสาวในพริบตาแล้ว!"

อานซิ่วอิ๋งมองไปที่มู่หรงจิ่นในขณะนี้ และดูเหมือนจะคร่ำครวญถึงกาลเวลา แต่ไม่มีความเศร้าในดวงตาของนาง

“ใช่แล้ว คุณหนูรองและคุณหนูซินต่างก็เข้าพิธีปักปิ่นแล้ว พูดคุยถึงเรื่องออกเรือนได้แล้ว ไม่รู้ว่าคุณหนูรองจะโชคดีเหมือนคุณหนูใหญ่หรือไม่ที่จะได้พระราชทานงานสมรสจากฝ่าบาท!”

หลิวเหม่ยน่าพูดต่อราวกับว่าเป็นเรื่องในครอบครัวทั่วไป

มู่หรงจิ่นก็ดูปกติดี นางอยากเห็นว่าพวกเขาอยากเล่นละครแนวไหน!

“ท่านป้าหลิวไม่มีอะไรต้องกังวล ฮองเฮาองค์ปัจจุบันชื่นชมเหยาเอ๋อร์มาก ฉายาของเหยาเอ๋อร์คือ 'ยอดหญิงที่หนึ่งในต้าเซียว' ไม่ใช่ว่าใครหน้าไหนก็จะได้รับฉายานี้ได้ ฮูหยินเฒ่าว่าใช่หรือไม่?”

อานซิ่วอิ๋งยิ้มอย่างมีเลศนัย และมองไปที่ฮูหยินเฒ่ามู่หรง

หลิวเหม่ยน่าได้ยินอานซิ่วอิ๋งพูด รอยยิ้มก็แข็งค้างที่มุมปาก

มู่หรงเหยาชื่นชมในอ๋องเยี่ยน ฮูหยินเฒ่ามู่หรงรู้ดีที่อานซิ่วอิ๋งพูดตอนนี้หมายความว่าอย่างไร

“อืม แม้ว่าเหยาเอ๋อร์จะเป็นบุตรีอนุภรรยา แต่นางก็ฉลาดมาตั้งแต่เด็ก และได้รับพรสวรรค์ด้านการแพทย์จากตระกูลมู่หลงของข้า นางยังสามารถขยันขันแข็งด้านการเรียน ทั้งยังช่ำชองในศิลปะ 4 แขนงที่เหล่าปัญญาชน อายุเท่านี้ มีสักกี่คนที่ทำได้ถึงขั้นนี้?”

ฮูหยินเฒ่ามู่หรงได้ยินอานซิ่วอิ๋งงชมมู่หรงเหยา สีหน้าของนางผ่อนคลายลงมาก และแม้แต่น้ำเสียงก็พึงพอใจมากขึ้นเล็กน้อย

“ไม่เป็นไรหรอก ฮูหยินเฒ่าสอนมาดี!”

หลิวเหม่ยน่าแม้จะยิ้มแต่รอยยิ้มกลับไม่ถึงหางตา นางเดาไว้แล้วว่างานเลี้ยงของครอบครัวในวันนี้ไม่ง่าย และต้องมีจุดประสงค์ที่มู่หรงจิ่นจะเข้าร่วม

"คุณป้าหลิวไม่จำเป็นต้องถ่อมตน แม้แต่เจ้าอาวาสชิงหยวนวัดอานเจายังกล่าวว่า 'บุตรสาวของมู่หรงคือลักษณะของหงส์!' ลูกสาวที่ใช้ได้ที่สุดในบรรดาบุตรสาวของตระกูลมู่หรงของพวกเราคือเหยาเอ๋อร์แล้ว 'หงส์' นี้ไม่ใช่เหยาเอ๋อร์ได้อย่างไร!"

ตั้งแต่สมัยโบราณผู้คนชอบใช้มังกรเพื่ออธิบายถึงจักรพรรดิและหงส์เพื่ออธิบายฮองเฮา คำพูดนี้ของอานซิ่วอิ๋งหมายความว่ามู่หรงเหยาจะได้เป็นฮองเฮาในอนาคต!

มู่หรงจิ่นมองดูกลุ่มสตรีที่อยู่ข้างหน้านางพูดจาคล้อยตามกัน พูดเหมือนมีเรื่องเช่นนั้นจริงๆ

แค่ว่าหลังจากที่มู่หรงเหยาได้ยินคำพูดเช่นนั้นของอานซิ่วอิ๋ง สีหน้าดูแย่ขึ้นเล็กน้อย นิ้วมือจับกระโปรงไม่หยุด เหมือนว่านางไม่สนใจ “ตำแหน่งฮองเฮา” ของนาง

ก็ใช่! คนที่มู่หรงเหยาชอบคืออ๋องเยี่ยน ไม่ใช่องค์ไท่จื่อ(รัชทายาท)!

ตอนนี้ไม่เพียงแต่คนนอกที่บอกว่านางจะออกเรือนให้กับองค์ไท่จื่อ แม้กระทั่งฮูหยินเฒ่าก็ยังบอกว่าจะให้มู่หรงเหยาแต่งงานกับองค์ไท่จื่อ มู่หรงเหยาจะไม่กระวนกระวายได้อย่างไร?

"ฮูหยิน คำพูดนี้พูดไปเรื่อยไม่ได้เชียวนะ!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร