ฉันรู้สึกเดือดกับหน้าทะเล้นของเขา ฉันตัดสินใจแล้ว ต่อไปฉันจะไม่คลุกคลีกับตาคนนี้อีก ปกติเห็นเขาน่ารัก ไร้เดียงสา ทำตัวสดใสร่าเริงแบบนี้ แต่ความจริงแล้วก็ไม่ต่างจากสีชิงชวนเลย ล้วนเป็นคนหยิ่งยโสที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองผิด
ทันทีที่ลิฟต์เปิดออกฉันก็รีบสาวเท้าเดินออกไปทันควัน จากนั้นก็เข้าห้องแล้วล็อคประตู
เขาเคาะประตูด้วยท่าทางน่าสงสาร “เซียวเซิง ผมไม่ได้ตั้งใจจะหลอกพี่นะ ที่ผมบอกว่าเป็นโรคหัวใจ เพราะกลัวพี่ไม่เล่นกับผมไง ผมแค่อยากทำตัวน่าสงสารให้พี่สนใจ ส่วนเรื่องเจ้ามาร์ชเมลโล่ เพราะพี่ไม่อยากได้ ผมเลยต้องบอกว่าร่างกายของมันไม่ขยายเพิ่มแล้ว”
เขาพูดแบบนี้แสดงว่าเขามีเหตุผลงั้นหรือ แล้วถ้าเกิดแรงจูงใจของผู้ร้ายฆ่าคนมีเหตุผล แสดงว่าต้องตัดสินว่าไร้ความผิด ปล่อยตัวไปเช่นนั้นหรือ?
ฉันขี้เกียจเสวนากับเขา ใส่หูฟังแล้วนั่งอ่านหนังสือบนเตียง
สีจิ่นยวนก็เคาะประตูไม่เลิก เขาจะให้รู้กันหมดทั้งบ้านใช่ไหม
เขารบกวนจนฉันไม่อาจอ่านหนังสือและฟังเพลงต่อ ฉันเลยจำต้องดึงหูฟังออก ขณะนี้ ฉันได้ยินเสียงของอาฮวา “คุณนายสามคะ รบกวนเปิดประตูหน่อยค่ะ คุณย่าอยู่หน้าประตูค่ะ”
สีจิ่งยวนไปอ้อนคุณย่ามาช่วยใช่ไหม?
ฉันรีบวิ่งตะบึงไปเปิดประตูทันทีทันใด แล้วก็เห็นคุณย่ายืนหน้าประตูดังคาด
สีจิ่นยวนทำหน้าทะเล้นอยู่ด้านหลังคุณย่า
ฉันทำใจรับฟังคำบ่นของคุณย่าไว้แล้ว แม้คุณย่าจะชอบฉัน แต่ถึงอย่างไรฉันก็เป็นแค่หลานสะใภ้ จะไปสู้หลานชายแท้ๆ อย่างสีจิ่นยวนได้เช่นไร
“มีอะไรเหรอเสี่ยวเซิงเซิง? ทำไมเจ้าสี่ถึงเคาะประตูห้องหนูเสียงดังลั่นแบบนี้?”
ฉันจ้องเขม็งเขาด้วยความโกรธเคืองปราดหนึ่ง “ไม่มีอะไรค่ะ”
“เพราะเจ้าสี่ตามรังควานหนูตลอดใช่ไหม แล้วเสี่ยวชวนก็ใจแคบ มันเลยทำให้หนูลำบากใจ ถูกต้องไหม?” คุณย่าก็คือคุณย่า เอ่ยปากพูดทีไรก็จี้ได้ตรงประเด็นเมื่อนั้น
ท่านยกไม้เท้าแล้วตีก้นของสีจิ่นยวน “แกไม่มีที่เล่นแล้วหรือไง ทำไมต้องรบกวนพี่สะใภ้สามตลอด รู้ทั้งรู้ว่าพี่สะใภ้สามต้องสำรวมกิริยาในบ้านหลังนี้ เพราะมีคนจ้องแต่จะจับผิดท่าเดียว แต่แกยังสร้างความเดือดร้อนให้อีก”
คุณย่าไม่ได้ตีเล่นๆ ไม้เท้าถึงก้นของสีจิ่นยวนแล้วดังปัง! สีจิ่นยวนรีบวิ่งหนีด้วยใบหน้าเหยเก “คุณย่าตีแรงจังเลย”
“ไอ้เด็กบ้า ถ้ากินยาสมุนไพรจีนหมดเมื่อไหร่ก็รีบๆ ไปต่างประเทศเลย”
อาฮวารีบไปดึงตัวคุณย่าด้วยรอยยิ้ม “นายหญิงคะ คุณชายสี่อายุน้อย ท่านตีหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ท่านอย่าทำให้ตัวเองโกรธจนเสียสุขภาพนะคะ”
ฉันรีบเข้าไปประคองคุณย่านั่งลง พลางเอาไม้เท้าออกจากมือของท่าน “คุณย่าคะ ช่างเถอะค่ะ ต่อไปสีจิ่นยวนมาหาหนูให้น้อยหน่อยก็พอค่ะ”
“ถ้าคืนนี้ย่าเห็นเสี่ยวชวน ย่าก็จะตีเขาด้วย ทำไมใจแคบแบบนี้ เมียไปคุยกับผู้ชายอื่นหน่อยก็ไม่ได้ คิดว่าอยู่ในยุคโบราณหรือไง?”
ฉันก้มหน้าไม่ส่งเสียงใดๆ คุณย่าลูบหลังมือของฉัน “เห้อ! หนูซื่อตรงเกินไป อนาคตต้องถูกเอาเปรียบแน่ หัดรู้จักโหดเหมือนเสี่ยวชวนบ้างนะ”
คาดว่าฉันคงเลียนแบบเขาไม่เป็น ฉันได้แต่ยิ้มด้วยความจนปัญญาให้แก่คุณย่า
หลังจากสีจิ่นยวนโดนตี เขาก็สงบเสงี่ยมมากขึ้น ไม่ได้มาตอแยฉันอีก
ฉันกินข้าวเย็นเสร็จสรรพก็อาบน้ำแล้วปีนขึ้นเตียง ฉันนอนมองภาพวาดสีชิงชวนกำลังหลับตาพริ้ม มันแลดูเงียบขรึมและสันติสุขยิ่ง
ไม่รู้ว่าคืนนี้เฉียวอี้กับเขาดูหนังไปถึงไหนแล้ว? จู่ๆ ฉันก็รู้สึกหวั่นๆ เพราะความคิดความอ่านของเฉียวอี้ไม่เหมือนคนทั่วไป หากเธอชอบใคร เธอก็จะไม่ปิดบังและไม่สนว่าอีกฝ่ายมีสถานะเช่นไรด้วย เธอจะเดินหน้าจีบอย่างเดียว
ถ้าเกิดสีชิงชวนถูกใจเธอขึ้นมา เธอจะจีบสีชิงชวนไหม?
ไม่ใช่เพราะฉันหวงแหนสีชิงชวนหรอกนะ แต่เพราะมิตรภาพอันยาวนานของฉันกับเฉียวอี้มันสำคัญต่อฉันมาก ฉันไม่อยากแตกคอกันเพราะเรื่องนี้
ถึงฉันจะไม่ใส่ใจ ทว่ามันก็ยังคงเป็นหนามทิ่มใจฉันอยู่ดี เพราะถึงฉันจะไม่รักสีชิงชวน ทว่าเขาก็เป็นสามีของฉันตามกฎหมาย
ฉันสะลึมสะลือไม่รู้ว่าตัวเองหลับหรือยัง รู้สึกว่ามีคนกำลังยืนจ้องอยู่หน้าเตียง
ฉันพยายามลืมตาพรึ่บขึ้น ก่อนจะเห็นสีชิงชวนดังคาด เขามักจะทำตัวลึกลับซับซ้อน เข้าห้องนอนฉันเหมือนเข้าห้องนอนตัวเองอย่างนั้น
“ฉันลุกขึ้นนั่ง “คุณจะทำอะไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...