น่าเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง พ่อบ้านส่งรถพร้อมคนขับมาให้ฉันจริงๆ รถเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ลูกเล่นฟังก์ชั่นภายในสุดล้ำสมัย หลังจากที่ได้นั่งเข้าไปก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนดาราสาวยังไงยังนั้นเลย
ส่วนคนขับก็มารยาทงาม โค้งคำนับโดยการโค้งตัวถึง 90 องศา หน้าผากจะต้องแนบกับสะดือเลยทีเดียว
ฉันรู้สึกเกรงใจจนต้องโค้งคำนับกลับ โชคดีที่ฉันกระดูกกระเดี้ยวยังแข็งแรง หน้าผากก็ยังแนบกับสะดือได้อยู่
ทว่าตอนอยู่บนรถฉันพึมพำอยู่ตลอด กลัวว่าคนขับจะพาฉันไปที่ไหนก็ไม่รู้
ฉันชำเลืองหางตาไปมองเขาอย่างลับๆล่อๆตลอดเส้นทาง แต่ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าฉันคิดมากเกินไป คิดว่าคนอื่นจะเลวทรามไปเหมือนกันหมด แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ คนขับกลับส่งฉันถึงหน้าประตูบริษัทได้อย่างปลอดภัย
สีชิงชวนปล่อยฉันไปอย่างง่ายดายเช่นนี้เชียวหรือ ทำให้ฉันรู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ บางทีเขาอาจจะไม่ได้สั่งให้ทำถึงขนาดนี้ก็เป็นได้ ฉันขอบคุณคนขับ จากนั้นก็เดินเข้าบริษัทไป
พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงเฉียวอี้ตะโกนเรียก
ฉันจึงชะงักฝีเท้ารอเธอ เธอรีบวิ่งมาโอบไหล่ฉันไว้ และทั้งคู่ก็เดินเข้าไปด้วยกันอย่างสนิทสนมชิดเชื้อ สายตาที่รปภกับพนักงานหน้าเคาน์เตอร์จับจ้องแทบจะถลุนออกมาเลย
จู่ๆฉันก็นึกถึงเรื่องนักข่าวเมื่อวานนี้ เมื่อเช้าในขณะที่กำลังเดินทางมา ฉันได้หาข่าวที่เกี่ยวกับสีชิงชวนโดนเฉียวอี้ตบแต่กลับหาไม่เจอ มิน่าล่ะสีหน้าของพวกเขาน่าจะยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ยังนึกว่าเฉียวอี้แย่งสีชิงชวนไปแล้วยังต้องมานับญาติกับเธออีก
ในสายตาของพวกเขาฉันมันก็แค่ไอ้ทึ่ม
ฉันจึงถามเฉียวอี้ว่า “เรื่องเมื่อวานทำไมถึงไม่ออกข่าวล่ะ?”
“เธอรู้ไหมว่าประชาสัมพันธ์ของสีชิงชวนร้ายกาจแค่ไหน” เฉียวอี้ขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน “รู้ทั้งรู้ว่าเป็นคนที่ฉันหามา แต่กลับไม่มีข่าวเล็ดลอดออกไปเลยสักนิด แม่งเอ้ย”
เธอเอ่ยคำสบถขึ้นอีกแล้ว “ฉันจ่ายเงินไปแล้วด้วย นักข่าวกระจอกพวกนั้น หากว่าต่อไปพ่อฉันจัดงานแถลงข่าว อย่าหวังว่าจะได้ออกข่าวหน้าหนึ่งอีกเลย”
ฉันตบบ่าของเฉียวอี้ “ไม่เผยแพร่ออกไปก็ดีเหมือนกัน คนแบบสีชิงชวนจิตใจคับแคบ หากว่าผู้อื่นได้เห็นภาพช็อตนั้น ต่อไปเราคงจะอยู่ได้ไม่เป็นสุขเหมือนกัน”
“ทำไมต้องกลัวเขาด้วย? เขาก็แค่ตัวคนเดียว ทั้งยังไม่ใช่ปีศาจร้ายอีกต่างหาก”
“เธอเข้าใจผิดแล้ว คนแบบสีชิงชวนน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าปีศาจร้ายเสียอีก”
ฉันกับเฉียวอี้เดินออกจากลิฟต์มาด้วยความร่าเริง บังเอิญเจอเซียวหลิงหลิงและเซียวซือเข้าพอดี เห็นพวกเราโอบไหล่กัน เซียวหลิงหลิงถึงขั้นมองบน เซียวเซิงก็ชะงักฝีเท้าของตัวเองด้วยเช่นกัน
“ฉันจะต้องประกาศให้เพื่อนร่วมงานทราบล่วงหน้าไหม ต่อไปถ้าเจอเธอจะไม่เรียกว่าคุณนายสีอีก คุณนายสีจะต้องเปลี่ยนตัวในเร็ววัน ซึ่งบางทีอาจจะเป็นคนข้างๆเธอก็เป็นได้!”
“ทำไมล่ะ?” เฉียวอี้โอบไหล่ของฉัน ยิ้มแก้มปริ “เป็นเพราะสีชิงชวนไม่ได้จีบคุณใช่ไหม คุณก็เลยอิจฉาตาร้อน?”
“เป็นเพราะฉันแต่งงานแล้วต่างหาก!” เฉียวอี้ทำให้เซียวหลิงหลิงโฟกัสไปในทิศทางอื่น
เฉียวอี้หัวเราะฮาฮา “คุณพี่ ขอร้องล่ะนะ ถ้าคุณไม่มีอะไรทำก็หัดส่องกระจกชะโงกดูเงาตัวเองบ้าง ศักดิ์ศรีของตัวเองอยู่ไหน ฉันคิดว่าแม้สีชิงชวนจะชอบของแปลกก็ไม่เข้าหาคุณหรอก คุณมั่นใจในตัวเองมากไป ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี”
“เซียวเซิง!” เซียวหลิงหลิงโกรธจนกระทืบเท้า เธอเถียงสู้เฉียวอี้ไม่ได้ก็เลยมาลงกับฉันแทน “ฉันเคยเจอคนปัญญาอ่อน แต่ไม่เคยเจอคนปัญญาอ่อนอย่างเธอ ผัวจะโดนแย่งทั้งคน กลับไปเป็นเพื่อนกับคนที่แย่งผัวตัวเองซะงั้น เมื่อไหร่ที่มันปีนมาขี้เยี่ยวบนหัว เธอยังต้องเตรียมกระดาษทิชชู่ให้มันอีกใช่ไหมเนี่ย?”
การเปรียบเปรยของเซียวหลิงหลิงมักจะทำให้กินอาหารไม่ลงอยู่เสมอ ฉันไม่อยากทะเลาะกับเซียวหลิงหลิงที่บริษัท เฉียวอี้พร้อมรบอยู่เสมอ คันไม่คันมืออยากจะต่อยด้วยแบบจัดหนักจัดเต็ม เห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีฉันจึงรีบลากเธออกจากตรงนั้นทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...