เฉียวอี้ส่งฉันไปถึงหน้าประตูแล้วถามขึ้นว่า “จะให้ฉันเข้าไปเป็นเพื่อนไหม เธอส่งเสื้อผ้าให้เขาเสร็จสรรพก็ออกมาได้แล้ว งั้นฉันรอเธออยู่ที่นี่ดีกว่า เดี๋ยวเราไปกินปิ้งย่างกัน”
ฉันเตรียมจะรับปากเธอไป ทันใดนั้นป๋ออวี่ได้ส่งข้อความมาหา “คุณหนูเซียว งานเลี้ยงค็อกเทลใหญ่ๆแบบนี้โดยปกตินอกจากผม คุณสีก็ไม่พาใครไปออกงานอีก หากคุณไม่มีธุระก็รบกวนช่วยอยู่เป็นเพื่อนเขาด้วยครับ”
ฉันถือโทรศัพท์ขึ้นมาให้เฉียวอี้ดู “ฉันไปกินปิ้งย่างกับเธอไม่ได้แล้วนะ”
“สีชิงชวนน่ารำคาญเสียจริง เข้าร่วมงานเลี้ยงยังต้องให้คนอื่นอยู่เป็นเพื่อนอีก? กลัวจะเดินหลงแล้วจะกลับบ้านไม่ถูกหรือยังไง?”
“เศรษฐีทุกคนก็มักจะมีนิสัยเสียเป็นของตัวเอง เธอรีบไปเถอะ!”
“ถ้าหากสีชิงชวนปล่อยเธอทิ้งไว้ที่นี่ โทรหาฉันนะ เดี๋ยวฉันมารับ”
“อืม น่ารักที่สุด” ฉันทำท่าจะไปหอมแก้มเธอ แต่เธอกลับหลบออก “ปาปารัสซี่”
“บ้าหรอ พวกเราจะกลัวปาปารัสซี่ทำไม?”
“อย่าลืมสิ ตอนนี้พวกเราเป็นพี่น้องกำมะลอที่ดูรักกัน แต่จ้องจะแทงข้างหลังกันนะ
“งั้นเธอยังคิดจะมารับฉันอีก?”
“ไปรับเธอก็สร้างภาพได้เหมือนกัน!”
ฉันลงจากรถโบกไม้โบกมือให้เฉียวอี้ มองดูรถที่ขับออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นฉันก็เดินเข้าไปในศูนย์จัดประชุม ที่นี่ใหญ่โตดุจพระราชวัง ฉันเดินไปเดินมาจนหลงทาง
ฉันจนปัญญาจริงๆ จึงทำได้เพียงโทรหาสีชิงชวน “เอิ่ม ฉันไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงจุดไหน คุณอยู่ที่ไหน?”
“ถ้าผมบอกตำแหน่งที่ผมอยู่ไปคุณจะหาเจองั้นเหรอ?”
ก็จริงอยู่ ฉันขบคิดอยู่สักพัก “งั้นฉันส่งโลเคชั่นไปให้?”
เขาวางสายไป ในสายฉันสัมผัสได้ถึงพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมาจากตัวเขา รู้สึกเบาๆว่าฉันจะมีชีวิตได้ไม่สงบสุขซะแล้ว
ฉันส่งโลเคชั่นไปให้สีชิงชวน จากนั้นก็รออยู่ที่เดิม ที่นี่มีทางแยกออกไปหลายทาง ฉันไม่รู้ว่าควรจะเดินไปเส้นทางไหน ป้ายจราจรก็ค่อนข้างสับสน
ฉันนั่งรออยู่ข้างน้ำพุของสวนดอกไม้ วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน ละอองน้ำพุที่โปรยมาบนร่างกายทำให้รู้สึกสดชื่นมากๆ แสงอาทิตย์สาดส่องไปที่น้ำพุทำให้เกิดเป็นรุ้งกินน้ำขึ้นมา ทิวทัศน์งดงามตระการตาปรากฎขึ้นทันใด ทำให้ฉันเกือบจะกระโจนตัวขึ้นเพราะความตื่นเต้น
ไม่มีใครที่ไม่ชอบของสวยๆงามๆหรอก เมื่อได้เห็นสายรุ้งความทุกข์ที่บังเกิดจากการโทรเมื่อครู่นี้ก็ได้มลายหายสิ้นไปทันที
ฉันจ้องมองอยู่นมนาน จนกระทั่งเสียงน่ารำคาญของสีชิงชวนทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ “คุณจะจ้องน้ำพุนี้ไปอีกนานไหม?”
ฉันรีบหมุนตัวกลับมา ไม่รู้ว่าสีชิงชวนมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เขายืนอยู่ใต้ต้นไม้ทำให้แสงอาทิตย์ส่องไม่โดนตัวเขา ราวกับว่าใต้ร่มไม้กับกลางแจ้งไม่ใช่โลกใบเดียวกัน
สีชิงชวนทำให้ฉันที่กำลังเบิกบานสงบลงได้ภายในพริบตาเดียว
ฉันรีบกอดเสื้อผ้าวิ่งไปหาเขา “ชุดของคุณ”
ฉันวิ่งขาพันกันจนสะดุดล้มไปในอ้อมกอดของเขา ซึ่งฉันสาบานได้ว่านี่เป็นอุบัติเหตุ เขาประคองฉันไว้ สายตาคู่นั้นลึกซึ้งยิ่ง
“อยากกอดผมขนาดนั้นเชียว?”
“ฉันสะดุดนิดหน่อย จะเอาชุดให้คุณน่ะ”
เขารับชุดมาหมุนตัวแล้วเดินไปข้างหน้า ฉันไม่รู้เลยว่าควรจะตามเขาไปดีไหม ฉันรู้สึกว่าเขาน่าจะไม่ต้องการให้คนติดตามไปเป็นเพื่อน เขาคงไม่อยากให้ฉันไปเกะกะ
เขาเดินไปไม่กี่ก้าวก็ชะงักฝีเท้าทันที จากนั้นก็มองกลับมาหาฉัน “คุณจะยืนตรงนั้นไปตลอดเลยหรือไง?”
ฉันจำต้องวิ่งดุ่มๆตามไป รองเท้าส้นสูงที่ใส่ก็หลวมทำให้ฉันเดินอย่างทุลักทุเล เขาก้าวเท้าย่ำเดินฉับๆ ฉันต้องวิ่งตามถึงจะทัน
เขาหันกลับมาชำเลืองมองแวบหนึ่ง “คุณแต่งตัวแบบนี้ไปงานเลี้ยงกับผมเนี่ยนะ?”
ฉันแต่งตัวแบบไหนเหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...