พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 143

ยังไม่ทันได้ดูวีดีโอ แต่ฉันพอรู้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

เมื่อฉันได้เห็นในวีดีโอว่าป๋ออวี่ถือกระเป๋าหิ้วอันประณีตเดินไปหาภรรยาของท่านประธานคนนั้นก็รู้ได้ทันที

กระเป๋าในมือของเขาเป็นใบที่ฉันวางไว้ให้บนโต๊ะทำงานเขา และตั้งใจให้ในนามสีชิงชวน

มิน่าล่ะฉันวางไว้ในจุดที่ต้องตาขนาดนั้นเขากลับไม่พบมัน เขาคงนึกว่าเป็นของขวัญที่จะมอบให้กับภรรยาของท่านประธานแน่ หลายวันมานี้เขายุ่ง จึงไม่ได้แกะออกดู พอมาวันนี้เลยส่งเป็นของขวัญให้กับคุณหญิงของท่านประธานซะงั้น

ฉันรีบวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของเรื่องราวทั้งหมด แล้วฉันก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตัวเองจะต้องมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินวันนี้แน่นอน

ฉันเหล่ตาดูวีดีโอด้วยตาข้างเดียว เพราะฉันไม่กล้าใช้สายตาทั้งสองข้างมอง กลัวว่าตาจะบอดทั้งสองข้าง

เห็นแค่ภรรยาของท่านประธานรับของขวัญที่ป๋ออวี่ยื่นให้กับเธอ จากนั้นก็โค้งคำนับพร้อมกับกล่าวขอบคุณ และได้แกะมันทันที บางทีขนบธรรมเนียมของพวกเขาอาจเป็นการแกะของขวัญทันทีที่รับมา จากนั้นก็ต้องชมเชยมัน

เธอเปิดออกพร้อมกับหยิบกระดุมแขนเสื้อจากข้างในออกมา แสดงสีหน้าประหลาดใจ จากนั้นก็หยิบแผ่นการ์ดที่ฉันปลอมแปลงเป็นสีชิงชวนเขียนให้กับป๋ออวี่ขึ้นมา

ภรรยาของท่านประธานอ่านข้อความบนแผ่นการ์ดทุกตัวอักษรทุกประโยคโดยใช้ภาษาถิ่นของเมืองปักกิ่ง

“ป๋ออวี่สุดที่รัก: ผู้ใดที่รู้ว่าข้าถวิลหาสิ่งใด ผู้นั้นย่อมตระหนักได้ว่าข้าทุกข์ระทมกับมันเพียงไหน การคะนึงหานิจนิรันดร์นั้นคือภาพแห่งความทรงจำตลอดกาล แม้นเป็นการหวนคิดเพียงช่วงเวลาอันสั้น ทว่ามันกลับไร้ที่สิ้นสุด แม้นจะเหลือข้าอยู่เพียงผู้เดียวในใต้หล้า เหตุไฉนร่วมเกิดแต่ไม่ร่วมตาย?”

ฉันชอบกลอนโบราณมาตั้งแต่เด็กซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากคุณแม่ โดยเฉพาะบทกวีแห่งความรักแนวเศร้าโศกเสียใจ ดังนั้นฉันจึงเลือกบทกวีแห่งความรักที่เป็นฉบับต้นแบบ ต่อให้เป็นคนที่ไม่ชอบกลอนโบราณก็มองออกได้ภายในพริบตาเดียว ฉันรู้สึกว่ามันค่อนข้างที่จะชัดเจนเลยทีเดียว ป๋ออวี่มองปุ๊บก็รู้ได้ทันทีว่าสีชิงชวนรักเขาใจแทบขาดดิ้น

ภรรยาของท่านประธานอาจจะไม่ค่อยเข้าใจถึงวัฒนธรรมอันลึกซึ้งของประเทศจีน ถึงแม้จะท่องบทกวีได้ไพเราะเพราะพริ้ง แต่ไม่เข้าใจความหมายของมัน ทว่าท่านประธานที่ยืนอยู่ด้านข้างสีหน้าเปลี่ยนทันที

ท่านประธานเป็นคนจีน รู้ว่านี่คือบทกวีรัก สีหน้าออกแต่กลับได้ยินภรรยาของเขาท่องต่อไป

“กุมมือของคุณอยู่เคียงข้างจนแก่เฒ่า รักคุณตลอดไป สีชิงชวน”

ในคลิปเกิดความเงียบสงัดทั้งฮอลล์เป็นเวลา 1 นาที ประหนึ่งว่ากดปุ่มพอสเลย แต่ฉันรู้ว่าคลิปยังคงดำเนินต่อไป

ในตอนนั้นสื่อมวลชนจำนวนมากกำลังถ่ายทอดสด

ฉันถือโทรศัพท์ของเฉียวอี้อยู่ในมือตัวแข็งทื่ออยู่สักพัก ราวกับโดนจี้จุดยังไงยังนั้น

เหงื่อของฉันไหลติ๋งๆจากทางแผ่นหลัง

ฉันตายแน่ ฉันบอกตัวฉันเอง

“เซียวเซิง” เฉียวอี้หยิบโทรศัพท์ออกจากในมือของฉัน “ลุ้นไหมล่ะ?”

โครตจะลุ้นเลย

ใครจะไปนึกว่าของขวัญของฉันส่งออกไปแล้วเป็นเวลาสองวันป๋ออวี่ไม่ได้ดูเลย แถมยังนึกว่าเป็นของขวัญที่มอบให้กับภรรยาของท่านประธานอีก

แต่ก็ช่างเถอะ ประเด็นคืออยู่ต่อหน้าผู้คนและสื่อมวลชนเยอะแยะมากมายขนาดนี้ ก็เท่ากับว่าประกาศให้คนทั้งโลกได้รับรู้หมดแล้ว

ปัญหานี้ เหมือนว่าจะใหญ่โตมโหฬาร

เฉียวอี้เขย่งดูอยู่ด้านข้างโดยที่ไม่กลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ “เธอดูสีหน้าของสีชิงชวนสิ ฮาฮาฮา สุดๆไปเลย ชาตินี้คงไม่เคยได้เห็นสีหน้าแบบนี้ของเขาแล้ว”

เฉียวอี้กดเปิดวีดีโอ “ว้าว เธอดูสิ สีชิงชวนสีหน้าท่าทางเหมือนคนขี้ไม่ออกเลย”

ฉันมองไปปราดเดียว ตกใจจนเกือบจะฉี่ราด

เขามองเข้ามาในกล้อง ราวกับกำลังจ้องเขม่งฉันอยู่เลย

ฉันก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าในสายตานั้นมีอะไร ความเฉียบคมมีแน่นอน มองจากหน้าจอโทรศัพท์ฉันยังรู้สึกว่าเหมือนจะโดนเขายิงจนกลายเป็นเม่นตัวหนึ่ง

“เซียวเซิง เธอทายสิว่าชาวเน็ตจะวิเคระห์ยังไง? มีความเป็นไปได้อยู่สามอย่าง”

ฉันจ้องเฉียวอี้ด้วยสีหน้างุนงง สมองตื้อไปหมดแล้ว

“แบบแรก มีความเป็นไปได้ที่ป๋ออวี่ตั้งใจจะทำแบบนี้ เป็นเพราะเขากับสีชิงชวนอยู่ด้วยกันมานมนาน แต่ไม่ได้แสดงออก ตอนแรกพลอดรักกับเซียวซือไปก่อน พอมาตอนนี้ก็ดันแต่งงานกับเธออีก ป๋ออวี่รู้สึกว่าตัวเองจะสิ้นหวัง ดังนั้นจึงใช้โอกาสนี้มาประกาศความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่”

ฉันถึงกับยืนแข็งเป็นหิน

“แบบที่สอง มีความเป็นไปได้ที่สีชิงชวนทำเอง เธอลองคิดดู ก่อนหน้านี้ป๋ออวี่ใกล้จะแต่งงาน แหงอยู่แล้วว่าสีชิงชวนจะต้องกระวนกระวายใจ จากนั้นเขาเลยใช้ไม้ตายนี้เพื่อมาประกาศให้โลกรู้ แบบนี้ป๋ออวี่อยากหนีก็หนีไม่พ้นแล้ว ว้าว ท่าไม้ตายนี้สุดยอดไปเลย!”

ฉันถึงกับยืนแข็งเป็นหิน

“แบบสุดท้ายโอกาสความเป็นไปได้น้อยที่สุด มีแค่ห้าเปอร์เซ็นต์ของชาวเน็ตที่สนับสนุน” พอเฉียวอี้พูดสิ่งนี้ก็หน้าบานเป็นกระด้งขึ้นทันที “พวกเขาบอกว่านี่คือกับดัก แหงอยู่ว่าของขวัญชิ้นนี้สีชิงชวนเป็นคนมอบให้กับป๋ออวี่ แต่เลขาธุรการเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของขวัญที่มอบให้กับท่านประธานเลยมอบให้ภรรยาของเขาแทน สุดท้ายก็เกิดเรื่องขึ้น”

อันที่จริงยังมีแบบที่สี่

เฉียวอี้ผลักฉัน “ฮัลโหล เธอตะลึงอะไรกัน เรื่องนี้ทำเอาเธอตกใจจนตะลึงไปเลยใช่ไหม? เซียวเซิง เซียวเซิง” เฉียวอี้เอื้อมมือทั้งสองมาประกบหน้าฉัน “ทำไมสีหน้าของเธอดูแย่จัง? ตายและ เธอคงไม่ได้ตกหลุมรักสีชิงชวนเข้าแล้วใช่ไหม?”

“ไม่ใช่อย่างนั้น” ฉันผลักมือของเธอออก “จะเป็นไปได้ยังไง?”

“งั้นก็ดี” เฉียวอี้ตบหน้าอก “ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ไม่เท่าไหร่ ถ้าหากเธอชอบสีชิงชวนขึ้นมาจริงๆ งั้นพวกเราก็ยังพอหาหนทางได้ เพราะยังไงเขาก็หลงไหลในเรือนร่างของเธออยู่แล้วใช่ไหมล่ะ? เห้ย ไม่ใช่สิ” เฉียวอี้เบิ่งตาโต ฉันเห็นตัวเองในดวงตาของเธอ

ท่าทางตะลึงพรึงเพริดของฉันแทบจะเหมือนคนตายไปแล้ว

“เขาเป็นเกย์ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงหลงไหลในเรือนร่างของเธอล่ะ?”

“เฉียวอี้” ฉันหน้ามืดตาลาย เห็นเป็นภาพซ้อนอยู่ข้างหน้า “วีดีโอนี้ดูกันได้ทั่วทุกมุมโลกเลยหรือ?”

“แน่นอนสิ เธอดูยอดวิวเสียก่อน สีชิงชวนเป็นบุคคลสาธารณะมาแต่ไหนแต่ไร เป็นทั้งนายทุนรูปงาม อีกอย่างเป็นคนที่โด่งดังมีชื่อเสียง คนทั้งโลกกำลังติดตามเขาอยู่ ตอนนี้เกิดเรื่องนี้ขึ้น ไม่รู้ว่าจะมีผู้หญิงสักกี่คนจะต้องร้องไห้จะเป็นจะตาย”

ฉันต่างหากที่จะต้องร้องไห้จะเป็นจะตาย ไม่เพียงแต่จะร้องไห้จะเป็นจะตายอย่างเดียว อาจจะโดนสีชิงชวนหยิกตาย แขวนตาย ถีบตาย ดูถูกจนตาย ตุ๋นจนตายเลยด้วยซ้ำ

สรุป ยิ่งทารุณเท่าไหร่เขาก็ยิ่งสะใจ

ฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้เหงื่อเย็นไหลหยด ถึงกับบังเกิดภาพลวงตาขึ้น

มีดตัดหญ้า มีดอีโต้ มีดหั่นผัก กระบี่ ทวนวงเดือน หอก หยดเลือด…

วิธีการตายของฉันมีมากมายหลากหลายรูปแบบ

เฉียวอี้เขย่าฉันอย่างแรง “เซียวเซิง ทำไมเธอถึงสีหน้าเศร้าหมอง? ยังไงแล้วเธอก็ไม่ได้ชอบเขานี่ เธอจะกลัวอะไร อีกอย่างเมื่อสัญญาสิ้นสุดลงก็สามารถหย่ากันได้แล้วนี่นา ไม่ต้องโศกเศร้าเสียใจขนาดนี้ก็ได้”

ความโศกเศร้าของฉันได้สูญสิ้นไปแล้ว ไม่ว่าจะความรู้สึกแบบไหนก็อธิบายถึงสภาพจิตใจที่สั่นคลอนในตอนนี้ของฉันไม่ได้

“เธอว่า ระหว่างสีชิงชวนกับป๋ออวี่ ใครเป็นรุก ใครเป็นรับ?”

“เฉียวอี้ Alipayของฉันผูกกับบัตรเครดิตของฉันไว้ไหม?”

“ทำไมต้องถามเรื่องนี้ด้วย?”

“ฉันขับรถไม่ได้ เธอขับรถไปส่งฉันหน่อย!”

“เธอจะไปไหน?”

“พ่อแม่บุญธรรมยังอยู่ประเทศรัสเซียใช่ไหม พวกเราไปขอเขาซุกหัวนอนเถอะ”

“ทำไมต้องไปขอพวกเขาซุกหัวนอนด้วย?”

ฉันหันหน้าไปมองเฉียวอี้ ราวกับเป็นซอมบี้ “เฉียวอี้ พวกเราลี้ภัยกันเถอะ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)