พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 145

มีเพียงเสียงของแผ่นกระดาษ ไม่มีมีดผ่าตัดอย่างที่ฉันได้คิดเอาไว้ ฉันลืมตาขึ้นมาแอบดูมือของสีชิงชวนถือกระดาษแผ่นหนึ่งเอาไว้ ฉันดูมันอย่างละเอียดอีกครั้ง เหมือนว่ามันคือข้อตกลงการหย่าร้างที่เราเคยเซ็นเอาไว้ก่อนหน้านี้ หมายความว่าอย่างไร เขาจะหย่ากับฉันเหรอ? เหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องดีนะ ฉันดีใจได้ไม่นานก็เห็นว่าสองนิ้วข้างซ้ายของสีชิงชวนได้หนีบด้านซ้ายของแผ่นกระดาษไว้ สองนิ้วข้างขวาหนีบด้านขวาของกระดาษเอาไว้ ใช้แรงดึงนิดเดียว กระดาษก็ได้ฉีกออกเป็นสองส่วน ฉันมองเขาด้วยความงุนงง สมองของฉันหยุดทำงานหลังจากที่เขาได้เดินเข้ามา ณ ตอนนี้ฉันเหมือนคนปัญญาอ่อนคนหนึ่งไปเลย

“ทำไมต้องฉีกมันด้วย?” ฉันเหมือนคนโง่คนหนึ่งที่ตั้งคำถามแบบนี้มาถามเขา

“ผมไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นของการทำแบบนี้ของคุณคือยากจะหย่ากับผมหรือไม่ แต่ว่าตอนนี้ผมสามารถบอกคุณได้เลยว่า สัญญาการแต่งงานมันไม่มีอีกต่อไปแล้ว”

“ห๊ะ?” ฉันแทบเป็นบ้าอย่างสุดขีด

“นั่นหมายความว่า ครึ่งปีหลังเราจะไม่มีการหย่าร้างกัน”

“อะไรนะ?”

“พูดได้ว่าอำนาจการตัดสินใจหย่าร้างอยู่ที่ผมแล้ว ถ้าหากผมไม่อยากหย่า เราก็จะหย่ากันไม่ได้ไปตลอดชีวิตเลย”

“ห๊ะ?” ฉันอยู่ในสภาพเหมือนคนปัญญาอ่อน จ้องมองไปที่แผ่นกระดาษที่กลายเป็นเพียงเศษกระดาษตกอยู่ตรงใต้เท้าของฉัน ถึงเข้าใจอะไรขึ้นมานิดหน่อย อ๋อ ที่สีชิงชวนทำแบบนี้เพราะจะแก้แค้นฉันแน่ๆเลย เขารู้ว่าฉันอยากจะหย่ากับเขามาก เลยทำให้ฉันไม่สมหวังอย่างที่ได้คิดเอาไว้ แต่ว่าตอนนี้ เรื่องนี้มันไม่สำคัญสักเท่าไหร่ ขอแค่เวลานี้เขายังไม่ฆ่าฉันทิ้งก็พอ เรื่องการหย่าร้างค่อยหารือกันดีๆอีกครั้ง

ตอนนี้มันแปลว่าสีชิงชวนได้ไว้ชีวิตฉันแล้วใช่ไหม? เขาไม่น่าจะปล่อยฉันไปง่ายๆหรอกมั้ง ถึงอย่างไรก็มีคนรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว มันจะมีผลต่อภาพลักษณ์ของเขาไหมนะ ต้องทำการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์อะไรอีกไหม? อ้อ และที่เขาไม่ยอมหย่ากับฉันก็น่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้ด้วยล่ะมั้ง คงคิดว่ายังต้องการให้ฉันเป็นคุณนายสีไว้บังหน้าสินะ!

ในที่สุดสมองของฉันก็กลับมาทำงานสักที ต้องรีบหาทางคุยกับสีชิงชวนอย่างเร็วที่สุดเพื่อที่จะไม่ให้เรื่องบ้าๆนี้ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เมื่อมันจำเป็นจริงๆฉันก็ต้องยอมเสียสละตัวเอง อย่างเช่นแสดงเป็นคู่รักที่รักกันมากอะไรแบบนั้น ถึงแม้ฉันจะรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ แต่เมื่อคนทั้งโลกรู้เรื่องนี้หมดแล้วงั้นก็ประกาศมันออกมาซะเลยไม่ดีกว่าเหรอ

ฉันยังไม่ทันได้อ้าปาก โทรศัพท์ของสีชิงชวนก็มีสายเรียกเข้าเข้ามาซะก่อน เขามองดูโทรศัพท์แล้วขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ฉันแอบมองอย่างใจกล้าแล้วเห็นว่านั่นคือสายจากคุณพ่อสี ในเวลาแบบนี้ฉันว่าอย่าเพิ่งพูดเรื่องนั้นเลยดีกว่า สีชิงชวนกำลังจะถูกคุณพ่อสีซักถามอย่างแน่ๆเลย ฉันแสดงให้เห็นว่าฉันเห็นใจเขาอย่างลึกซี้ง แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้

เขารับสายแล้วยืนอยู่ตรงหน้าฉันเพื่อจะยกหูขึ้นมาฟัง “ว่าไงครับคุณพ่อ ผมว่างครับ ทราบแล้วครับ”

บทสนทนาของเขามันสั้นมากแล้วก็วางสายไป ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ได้ว่าคุณพ่อสีคุยอะไรในสายนั้น แต่ฉันก็ไม่กล้าถามอยู่ดี

“ไม่รบกวนเวลาคุณแล้ว ฉัน......” ฉันพูดยังไม่ทันจบสีชิงชวนก็ดึงฉันมาที่ประตูอย่างแรง

“คุณจะทำอะไร สีชิงชวน”

“คุณคิดว่าผมจะทำอะไรล่ะ? คนทั้งบ้านจะซักถามเรื่องนี้กับผม คุณเป็นคนริเริ่มมันขึ้นมาแล้วคุณจะยืนดูมันเฉยๆงั้นเหรอ?”

“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับฉันนะ!”

เขาดึงฉันออกนอกประตูแล้วมองมาที่ฉันอย่างเย็นชา “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณงั้นเหรอ?”

อ้อ ฉันรีบหุบปากตัวเองทันที ถึงเขาจะดึงฉันกลับไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ฉันจะอธิบายแทนเขาอย่างไรล่ะ ฉันก็เป็นเหยื่อเหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าเฉียวอี้ไปไหนซะแล้ว เวลาที่ฉันต้องการหล่อนไม่โผล่มาให้เห็นสักครั้งเลย

ฉันกับเขาฉุดรั้งกันอยู่หน้าประตูลิฟต์ “สีชิงชวน ฉันว่าคุณควรที่จะกล้าหาญกว่านี้หน่อยนะ ในเมื่อเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้แล้ว คุณก็คิดอย่างนี้สิ ให้คิดว่าฉันเองก็ช่วยคุณไว้ คนที่ไม่มีความกล้าหาญใดๆคนนี้ ช่วยทำให้ความปรารถนาของคุณได้กลายเป็นจริงไง”

“ผมยังมีความปรารถนาอื่นอีกเยอะที่ไม่กล้าไปทำให้มันสำเร็จ งั้นคุณก็ช่วยผมทำมันไม่สำเร็จทั้งหมดด้วยสิ?” เขาโมโหจนสีหน้าเปลี่ยนไป เขาโกรธจนหน้าเขียวเลย

“ฉันว่าความสามารถของฉัน” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มเกรงกลัว

“คุณสามารถทำมันได้ ตอนนี้คนทั้งโลกก็รู้แล้วว่าผมคือเกย์ คุณเป็นคนบอกผมเองนิว่าผมเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ได้ทั้งสองเพศ งั้นก็ประกาศให้คนทั้งโลกได้รับรู้มันด้วยเสียเลยสิ”

“คุณจะทำอะไร?” ฉันจ้องมองใบหน้าที่ประชิดใกล้เข้ามาหาฉัน ใจเต้นแรงจนทำอะไรไม่ถูก

ฉันอยากจะหลบแต่ก็หลบไม่พ้น เขาจับคางฉันไว้อย่างแน่นแล้วก็จูบฉันไว้ ตรงหน้าประตูลิฟต์ของโถงทางเดิน ลิฟต์เปิดๆปิดๆ คนที่เดินเข้าเดินออกมันเยอะมาก ตรงโถงทางเดินก็มีแต่คนเต็มไปหมด ในออฟฟิศก็มีคนเข้าๆออกๆ เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น จูบของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ดุร้าย ราวจะเขมือบฉันลงไปทั้งตัวเลย ฉันไม่กล้าขัดขืน กลัวปีศาจร้ายในตัวเขาจะหลุดออกมาแล้วจัดการฉันที่นี่เลย เขาโมโหจนจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว คาดว่าอาจจะทำอะไรได้ทุกอย่าง ฉันกลัวมาก กลัวจนทำอะไรไม่ถูก ฉันได้ยินเสียงหายใจหอบถี่หลายครั้ง หางตาฉันเหลือบไปเห็นเพื่อนร่วมงานผู้หญิงของฉันหลายคนไม่กล้ามองแบบเปิดเผย ทำได้เพียงแอบมองเท่านั้น ขณะนั้นเอง ฉันก็เหลือบไปเห็นคนคนหนึ่งเข้า ใส่กระโปรงทำงานสีขาวราวกับหิมะ ผ้าคลุมไหล่ยาวสีดำ ในบริษัทนี้ไม่มีใบหน้าที่เย็นชาแบบนี้เป็นคนที่สองอันขาด นั่นก็คือเซียวซือ

ฉันพยายามขัดขืน ฉันไม่ต้องการให้เซียวซือมาเห็นฉันกับสีชิงชวนใกล้ชิดกันมากขนาดนี้ ครั้งที่แล้วฉันเป็นคนบอกหล่อนเองว่าฉันกับสีชิงชวนไม่ได้เป็นอะไรกันเลย แต่ตอนนี้เหมือนว่าฉันกำลังตบหน้าตัวเองเลย แต่ว่า ไอ้โรคจิตนี่ ยิ่งฉันขัดขืนมากสักเท่าไหร่เขาก็ยิ่งใช้แรงมากขึ้นเท่านั้น ล็อคฉันไว้ในอ้อมกอดของเขา ฉันเป็นคู่ต่อสู้เขาสักที่ไหนกันล่ะ? ดวงตาของเขาดำขลับ ดำจนฉันหาเงาตัวเองจากดวงตาของไม่เจอเลย

เขาจูบฉันพร้อมกับเตือนฉันว่า “ทางที่ดีที่สุดคุณควรให้ความร่วมมือ ไม่งั้นผมไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้อีก?”

ฉันเกิดความกลัวขึ้นมาอีกครั้ง มองดูดวงตาที่ดำขลับของเขาอย่างตกตะลึง

“กอดผมไว้ เอามือมาโอบคอผมไว้” เขาสั่งฉัน

ฉันต้องเขย่งปลายเท้าไว้ถึงจะโอบคอเขาไว้ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เพื่อนร่วมงานผู้หญิงจะอึดอัดและหายใจไม่ออกจนอาจทำให้ตายได้

ฉันได้ยินเสียงของเซียวซือ “พวกคุณจำเป็นต้องมาทำอะไรแบบนี้ในบริษัทเชียวเลยเหรอ จะจู๋จี๋กันก็กลับไปที่บ้านสิ”

ฉันนึกว่าเซียวซือจะเดินหนีซะอีก เพราะเธอจะเป็นมีคนนิสัยแบบนี้เสมอมา สีชิงชวนปล่อยฉันในที่สุด ฉันเกือบหายใจไม่ทัน ฉันสังเกตเห็นว่าริมฝีปากของสีชิงชวนมีลิปสติกของฉันติดเต็มไปหมดจนทำตัวไม่ถูก ยังดีที่สีไม่เข้มมาก ฉันล้วงทิชชู่เปียกออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้เขา สีหน้าเขาไม่ได้เปลี่ยนอ ใจไม่ได้เต้นแรงอะไรเลย รับทิชชู่เปียกไปเช็ดปากทันที

เซียวซือยืนอยู่ข้างหน้าจ้องมองเราอย่างละเอียดถี่ถ้วน “ตอนนี้โลกออนไลน์แทบจะระเบิดอยู่แล้ว ฉันไม่คิดว่าประธานสีจะมีกระจิตกระใจมาพอกรักกับคุณนายสีแบบนี้”

“เกี่ยวอะไรกับผมด้วย?” สีชิงชวนแสยะยิ้ม จูงมือฉันแล้วเดินตรงไปเข้าลิฟต์เลย

เขาพูดกับเซียวซือด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง สองคนนี้ทะเลาะกันอยู่เหรอ? ฉันโดนเขาจูงเข้ามาในลิฟต์ ประตูลิฟต์ปิดเข้าหากันอย่างช้าๆ พร้อมกับปิดหน้าคนหลายๆคนไปด้วย สีหน้าของเซียวเซิงซีดเป็นพิเศษ ฉันไม่แน่ใจว่านั่นคือสีผิวเดิมของเธออยู่แล้ว หรือซีดเพราะว่าเรื่องเมื่อกี้หรือว่าซีดเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ฉันไม่รู้ว่าเธอรู้เรื่องเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศของสีชิงชวนมาก่อนหรือไม่ ถ้าหากไม่รู้ล่ะก็ มันคงต้องกระทบต่อใจเธออย่างแรงแน่นอน เธอคงจะสับสนปนเป เพราะถึงอย่างไรก่อนหน้านี้สีชิงชวนก็เคยแสดงความรักต่อเธออยู่บ่อยครั้ง มอบของขวัญให้กับเธอมากมาย และยังมีแหวนคู่คู่นั้นอีก

แล้วทำไมฉันถึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนตัวทำลายความรักอย่างไงอย่างงั้นเลย แล้วเรื่องพวกนี้มันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยล่ะ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)