พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 146

ฉันรู้สึกกระวนกระวายมากระหว่างทางกลับบ้านตระกูลสี ฉันกลัวมากว่าเขาจะเลือดขึ้นหน้าจนโยนฉันออกนอกรถให้รถทับฉันตาย แต่ยังดีที่ทั้งหมดมันก็เป็นแค่สิ่งที่ฉันเพ้อเจ้อไปเอง

เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบว่าเหล่าผู้หลักผู้ใหญ่ต่างก็อยู่กันพร้อมหน้า คุณย่านั่งอยู่ตรงกลางโซฟา คุณแม่สีและคุณพ่อสีนั่งขนาบข้างคุณย่าคนละฝั่งเหมือนกับผู้คุ้มกันซ้ายขวา

ในห้องรับแขกไม่มีใครอื่นอีก พวกท่านคงสั่งให้พวกเขาออกไปกันหมด ฉันหลบอยู่ด้านหลังสีชิงชวนและค่อยๆ เดินเข้าไปทีละก้าวๆ ราวกับบรรยากาศกำลังหยุดนิ่งและอากาศไร้การเคลื่อนไหว

ฉันว่าข่าวของวันนี้มันเป็นเรื่องไม่คาดฝันสำหรับคนในบ้านตระกูลสีอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นถึงผู้สืบทอดตระกูลสี แต่กลับเป็นเกย์ซะได้ ยังดีที่ตระกูลสีเป็นตระกูลที่ใหญ่โต ไม่ได้คาดหวังให้เขามีทายาทเพื่อสืบเชื้อสายตระกูล แต่ฉันคิดว่าตอนที่พวกเขารู้เรื่องนี้ก็คงตกใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

เราเพิ่งมาหยุดยืนอย่างมั่นคงและยังไม่ทันได้นั่งลง คุณย่าก็หยิบไม้เท้าของท่านขึ้นตีสีชิงชวน ท่านมักจะตีสีชิงชวนอยู่บ่อยๆ แล้วท่านก็ฟาดจริงๆ ไม่เคยออมมือเลยสักครั้ง

“ไอ้เด็กเลวนี่ มั่วอะไรไม่มั่ว ไปมั่วผู้ชาย!”

สีชิงชวนรีบหลบอย่างรวดเร็ว คุณย่าฟาดเขาไม่โดนจึงยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ “ย่าคิดว่าหลานเป็นคนที่เก่งที่สุดในบรรดาผู้ชายในตระกูล แต่หลานก็ยังอุตส่าห์มาทำแบบนี้เสียได้”

คุณแม่สีและคุณพ่อสีรีบประคองท่านทันที “คุณแม่คะ อย่าโกรธขนาดนี้เลยค่ะ นั่งลงแล้วมาคุยกันดีๆ ดีกว่า”

คุณย่าอารมณ์ไม่ดี ท่านหอบหายใจอย่างกระฟัดกระเฟียดจนหน้าอกกระเพื่อม

คุณแม่สีขยิบตาให้ฉัน ฉันจึงบอกออกไปว่าฉันจะพาคุณย่ากลับห้อง ไม้เท้าของคุณย่าถูกคุณพ่อสีเอาไปแล้ว ท่านจึงถอดรองเท้าของตัวเองแล้วโยนใส่สีชิงชวนแทน “หลานพูดมาซิว่าข่าวในเน็ตนั่นเป็นเรื่องจริงไหม? ที่ว่าจับมืออยู่เคียงคู่กันไปจนแก่เฒ่าอะไรนั่นน่ะ”

ครั้งนี้สีชิงชวนหลบไม่พ้น รองเท้าของคุณย่าเขวี้ยงไปโดนหว่างคิ้วเขาเข้าอย่างพอดิบพอดีจนเกิดเสียงดัง ฉันล่ะรู้สึกเจ็บแทน

“คุณย่า” ฉันทำได้เพียงเอ่ยปากขึ้น “อันนั้นหนูเขียนเองค่ะ สีชิงชวนไม่ได้เขียน”

“เสี่ยวเซิงเซิง เสี่ยวเซิงเซิงที่น่าสงสารของย่า” คุณย่ายื่นมือออกมาดึงฉันให้นั่งลง “จนถึงตอนนี้แล้ว หนูยังปกป้องเขาอีกเหรอ ย่าจะจัดการให้หนูเอง”

“คุณย่าคะ หนูเขียนเองจริงๆ ค่ะ ไม่กี่วันก่อนหนูกับสีชิงชวนทะเลาะกันนิดหน่อย หนูก็เลยมอบคัฟลิงค์ให้ผู้ช่วยป๋อ แล้วก็เลียนแบบลายมือสีชิงชวนและเขียนจดหมายรักให้ผู้ช่วยป๋อค่ะ แต่หนูไม่คิดว่าผู้ช่วยป๋อจะเข้าใจผิดแล้วเอาของขวัญนั้นไปมอบให้ภรรยาของประธานกรรมการบริหาร”

“เสี่ยวเซิงเซิง ไม่ต้องช่วยเขาแก้ตัวหรอก ย่าเห็นมานานแล้วว่าเขากับป๋ออวี่อะไรนั่นมันแปลกๆ ผู้ช่วยที่ไหน กินขี้ปี้นอน ทำอะไรก็ต้องเข้ามาจัดการทุกอย่าง เขาสองคนชอบทำเป็นยักคิ้วหลิ่วตาให้กัน ย่ารู้สึกตั้งนานแล้วว่ามันแปลกๆ”

“คุณย่าคะ” ฉันนึกขึ้นได้ว่าฉันยังมีภาพแบบและใบเสร็จคัฟลิงค์ของคุณพ่ออยู่ คัฟลิงค์อันนั้นฉันเป็นคนออกแบบเอง “คุณย่ารอหนูแป๊บหนึ่งนะคะ”

ฉันรีบวิ่งขึ้นไปหาภาพแบบและใบเสร็จคัฟลิงค์ที่ชั้นบนของบ้านทันที เมื่อหาเจอก็รีบวิ่งลงมาชั้นล่างอีกครั้งและเอามันให้พวกเขาดู

“นี่ค่ะ หนูออกแบบแล้วก็สั่งช่างที่อิตาลีทำเมื่อปีที่แล้ว ภาพนี้หนูวาดเองกับมือค่ะ”

สีชิงชวนส่งคัฟลิงค์คู่นั้นของฉันไปให้ คุณแม่สีรับไปแล้วมองมันอย่างละเอียด “เหมือนกันเลย เซียวเซิง ของหนูจริงๆ เหรอเนี่ย?”

“ใช่ค่ะ” ฉันก้มหน้ารับคำ “หนูเล่นแผลงๆ เอง ก็เมื่อไม่กี่วันก่อนใครให้เขาแกล้งตามเพื่อนสนิทหนูล่ะ หนูโกรธมากก็เลยคิดแผนนี้ขึ้นมาค่ะ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้”

ฉันรู้สึกได้เลยว่าคุณพ่อคุณแม่สีดูโล่งอกไปมาก ท่านหันไปถามสีชิงชวน “ชิงชวน เป็นแบบที่ว่าหรือเปล่า?”

“เธอพูดขนาดนี้แล้วพวกคุณยังไม่เชื่ออีก จะเชื่อข่าวในเน็ตเหรอครับ?” สีชิงชวนก็คือสีชิงชวน เขาพูดออกมาอย่างใจเย็น

คุณย่ายังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ท่านมองตาฉันแล้วพูดขึ้น “งั้นเหรอ เสี่ยวเซิงเซิง อย่าแก้ตัวแทนเขานะ เกิดเรื่องแล้วตัวเองไม่กล้ายอมรับ จะให้ผู้หญิงยอมรับผิดแทน”

“จริงๆ ค่ะคุณย่า” ฉันล้วงปากกาออกมาจากกระเป๋าตัวเองแล้วเขียนกลอนออกมาหนึ่งประโยค จากนั้นก็เซ็นชื่อของสีชิงชวนลงไป “หนูเลียนแบบเก่งมากนะ”

สามหัวรุมเข้าด้วยกันแล้ววิเคราะห์ประโยคที่ฉันเขียน ฉันเงยหน้าขึ้นมองสีชิงชวนเงียบๆ ก็เห็นว่าเขากำลังนั่งเล่นโทรศัพท์ราวกับมันไม่ใช่เรื่องของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น

จากนั้นการไต่สวนก็จบลงโดยที่พวกเขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ดูเหมือนพวกท่านจะเชื่อที่ฉันพูดแล้ว

ฉันเองก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเช่นกัน ฉันมองไปที่สีชิงชวน “หวังว่าฉันจะทำความดีชดเชยความผิดได้นะ”

“เธอโต้ตอบได้เร็วดี” ไม่รู้ว่าเขากำลังชมฉันหรือเปล่า

“มันเป็นความจริงอยู่แล้ว ฉันเป็นคนทำเองจริงๆ แต่ว่า…” ฉันมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าไม่มีใครจึงพูดขึ้น “งั้นคุณกับป๋ออวี่จะทำไงอะ? แล้วเรื่องนี้คุณจะตั้งโต๊ะแถลงข่าวไหม? เดี๋ยวฉันช่วยพูดให้”

“ผมไม่เคยแคร์อยู่แล้วว่าคนอื่นจะมองผมยังไง” เขาลุกขึ้นจากโซฟา “ผมไม่สนว่าภาพลักษณ์ผมจะเป็นยังไงในสายตาพวกเขา”

“คุณไม่กลัวว่ามันจะมีผลต่อการทำกิจกรรมของสีซื่อกรุ๊ปเหรอ?”

“ทุกคนจะอยากร่วมมือกับสีซื่อกรุ๊ปน้อยลงเพียงเพราะผมเป็นเกย์ แล้วจะทิ้งโอกาสนี้ไปเหรอ?”

“ในเมื่อเป็นแบบนั้นแล้วทำไมคุณไม่ประกาศตัวออกไปให้เร็วกว่านี้ล่ะ ถ้าคุณให้สถานะป๋ออวี่เร็วกว่านี้ ไม่แน่เขาอาจจะไม่ต้องแต่งงานก็ได้”

“เซียวเซิง” เขาหยุดพูดแล้วมองหน้าฉัน “อย่าอวดฉลาดเด็ดขาด”

เขาพูดจบก็ขึ้นไปชั้นบน ฉันเพิ่งเคยเห็นเกย์ที่หัวรุนแรงขนาดนี้เป็นครั้งแรก ถูกแฉแล้วยังจะก้าวร้าวเอาแต่ใจได้ขนาดนี้อีก แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ฉันเหมือนจะรอดด่านเคราะห์ไปอีกด่านแล้ว

ฉันกลับมาถึงห้องของตัวเองด้วยหัวใจที่ยังเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่หยุด เฉียวอี้โทรมาถามฉันว่าฉันหายไปไหน ฉันจึงถามเธอว่าเธอล่ะไปไหน เธอก็บอกว่าเธอไปซื้อทาโกะวาซาบิ เพราะอยากกินขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ไม่ช้าก็เร็วฉันคงตายเพราะความตะกละของเธอ ฉันบอกเธอว่าจะเลิกงานแล้ว ฉันคงไม่ไปที่นั่นแล้ว และอย่าลืมปิดคอมพิวเตอร์ให้ฉันด้วย

ฉันเปิดโทรศัพท์ก็ยังเห็นข่าวเรื่องของสีชิงชวนและป๋ออวี่อยู่เต็มอินเทอร์เน็ตไปหมด เรื่องนี้มันดังระเบิดเกินไป คงต้องใช้เวลาสักระยะถึงจะเคลียร์ร่องรอยได้หมด ฉันโชคดีมากจริงๆ ที่สีชิงชวนไม่ได้บีบคอฉันตาย

ประตูห้องของฉันถูกเปิดออก ทำให้ฉันตกใจมาก และเห็นว่าสีจิ่นยวนยืนอยู่หน้าประตู เขากอดกระป๋องคุกกี้ไว้ในอ้อมแขนแล้วมองฉันด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสาร

ประตูห้องฉันนี่ไร้ประโยชน์จริงๆ มีหรือไม่มีก็ค่าเท่ากัน เพราะยังไงเขากับสีชิงชวนนึกอยากจะเข้ามาเมื่อไหร่ก็เข้ามาได้ตลอดอยู่ดี

“ถ้าฉันกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่จะทำไง?” ฉันถามเขาออกไป

สีจิ่นยวนปิดประตูแล้วเดินเข้ามาข้างในและส่งกระป๋องคุกกี้ในอ้อมแขนมาให้ฉัน

“อะไรอะ?” ฉันรับมันมาเขย่าอย่างสงสัย มันหนักมากเพราะข้างในมีของอยู่

“ให้พี่”

“อะไรเหรอ?” ฉันเปิดฝากระป๋องคุกกี้แล้วเทของที่อยู่ด้านในออกมา

ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นม้วนเงินสดม้วนหนึ่งที่รัดด้วยหนังยาง มันเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินปอนด์เป็นส่วนใหญ่ เงินหยวนก็มี กองใหญ่มาก เยอะแบบโคตรเยอะเลย

สมองฉันอ๊องไปชั่วขณะ “อะไรเนี่ย?”

“เงินสดที่ผมมีทั้งหมด ผมให้พี่หมดเลย”

“ทำไม?”

“พี่เซียวเซิง” เขานั่งลงข้างๆ ฉัน “ไม่คิดว่าพี่จะน่าสงสารขนาดนี้ พี่ไม่มีอะไรแล้ว อย่างน้อยก็ยังมีเงิน เงินพวกนี้ไม่ได้ถือว่ามากมายอะไร แต่มันก็พอสำหรับที่พี่จะใช้จ่ายได้ช่วงหนึ่ง”

“นายประสาทเหรอ” ฉันยัดเงินกลับเข้าไปในกระป๋องคุกกี้แล้วคืนมันให้เขา “อยู่ดีๆ จะเอาเงินมาให้ฉันทำไม?”

“ผมรู้แล้ว” เขาพูดเสียงต่ำ “ว่าพี่สามของผมเป็นเกย์”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)