ฉันแอบหนีจากบ้านพักตากอากาศของสีชิงชวน โชคดีมากที่ไม่เจอสีชิงชวนแล้วก็ยัยเซ่อเบธด้วย ฉันเดินทื่อๆ หลังตรงเหมือนแท่งดินสอคล้ายกับตัวหมากรุกที่กำลังเดินอยู่ตลอด
ฉันหนีออกจากพื้นที่บริเวณบ้านพักแล้ว จากนั้นก็ส่งโลเคชั่นให้เฉียวอี้ หล่อนมาถึงภายในสิบห้านาที
เฉียวอี้ดุเขา “ไสหัวไปนั่งข้างหลังไป เซียวเซิงจะนั่งข้างหน้า ทำไมไม่ขยับอีกไม่ใช่ว่าฉี่ราดหรอกนะ?”
เขามองดูฉันที่อยู่นอกหน้าต่างทำให้ฉันนึกถึงเพลงๆ หนึ่งขึ้น ชื่อเพลงว่า ‘เถี่ยชวงเล่ย’
“เฉียวอี้ เธอขับรถหรือจรวดเนี่ย? ดูสิ เด็กมันตกใจหมด”
“เขาป๊อดเองเถอะ คิดไม่ถึงเลยว่าสีชิงชวนจะมีน้องชายที่ป๊อดขนาดนี้”
“ทั้งๆ ที่เป็นระยะทางที่ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเนี่ยนะ”
“ก็กลัวเธอรอเก้อไง”
“ช่างเถอะเดี๋ยวฉันนั่งข้างหลังเอง”
ฉันขึ้นรถไปตั้งนานแล้วสีจิ่นยวนถึงจะได้สติกลับมาแล้วมองมาข้างหลัง “เฉียวอี้มีปัญหาทางจิต หล่อนอยากชนผมให้ตาย”
“ตัวหล่อนเองก็อยู่บนรถไม่ใช่หรือไง?” ฉันปลอบใจยิ้มๆ “ไม่หรอกน่า”
“เซียวเซิง ต่อไปคุณอย่านั่งรถหล่อนอีกเลย อย่างกับคนไม่กลัวตายอย่างไงอย่างงั้น”
“นายหุบปากไปเถอะ” เฉียวอี้สตาร์ทรถ ฉันเตือนหล่อน “อย่าขับเร็วเกินนะฉันทนไม่ไหว”
“โอเค รับทราบ” เฉียวอี้ทำมือโอเคกับฉันแล้วมุ่งไปทางโรงพยาบาล
“ทำไมต้องไปโรงพยาบาลด้วย ใครป่วยงั้นเหรอ? สีจิ่นยวนนายป่วยเป็นโรคอะไร?” เฉียวอี้พลางขับรถพลางหันไปถามสีจิ่นยวน
เขาตกใจจนรีบหมุนหัวเฉียวอี้กลับไป “คุณตั้งใจขับรถไป”
“ทำไมป๊อดขนาดนี้เนี่ย?” เฉียวอี้เยาะเย้ยเขาแล้วหันกลับมาถามฉัน “สีจิ่นยวนเป็นอะไรงั้นเหรอ? สมองพิการรึเปล่า?”
สองคนนี้ตลกจริงๆ ต่างคนต่างว่าอีกฝ่ายสมองพิการ พิการหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองแต่ละคนแล้ว
ถึงโรงพยาบาลฉันให้เฉียวอี้รอพวกเราอยู่บนรถ หล่อนเป็นคนไม่สนใจเรื่องส่วนตัวของคนอื่นอยู่แล้ว ถ้าไม่บอกหล่อน หล่อนก็จะไม่ถาม
ฉันพาสีจิ่นยวนไปพบหมอที่รักษาเขา อายุราวห้าสิบปีและดูเป็นคนมีอำนาจมาก
สีจิ่นยวนเลิกแขนเสื้อขึ้นเปิดแผลให้คุณหมอดู คุณหมอพยักหน้า “อืม ดูท่าแล้วยาที่จ่ายให้คราวก่อนได้ผลดีมาก ดีขึ้นเกินครึ่งแล้วนะ”
“หมอครับ ไม่ใช่…” สีจิ่นยวนกำลังจะพูด ฉันก็จี้สีจิ่นยวนไปหนึ่งครั้ง เขามองฉันอย่างงุนงง
ฉันบอกกับคุณหมอ “ช่วยตรวจเลือดให้เขา แล้วดูว่าสาเหตุของอาการแพ้ซาลงบ้างหรือยังได้ไหมคะ”
“ได้” คุณหมอพยักหน้า “เดี๋ยวหมอเขียนใบสั่งให้”
ระหว่างทางที่ไปเจาะเลือดเขาถามฉันว่า “ทำไมไม่พูดความจริงกับหมอไปล่ะว่ายาที่เขาให้มาไม่มีประโยชน์เลย เป็นเพราะยาทาแล้วก็ยาเม็ดของคุณต่างหาก”
“ลองตรวจดูก่อน ไม่งั้นถ้านายไปบอกเขาว่าไม่ได้ใช้ยาของเขา เดี๋ยวเขาก็บอกว่าตรงนี้มีปัญหาตรงนั้นมีปัญหาอีก”
พวกเราไปชำระเงินแล้วไปเจาะเลือด สีจิ่นยวนกลับกลัวเลือดเสียอย่างนั้น ระหว่างรอร่างใหญ่ร่างหนึ่งก็เริ่มสั่นเทาเหมือนจะเป็นลม
“เป็นอะไร?”
เขาหันหน้าไปอีกทางไม่กล้ามองพยาบาลกำลังเจาะเลือดคนอื่น “ผมกลัวเลือดน่ะ”
“ไม่ได้ให้นายไปเจาะเลือดคนอื่นสักหน่อย นายหลับตาทำเหมือนไม่เห็นสิ”
“เซียวเซิงผมกลัวอ่ะ” น้ำเสียงของเขาเล็กเหมือนกับลูกแมวน้อย
“ให้นายยืมไหล่ฉันแล้วกัน” ฉันเพิ่งจะยื่นไหล่ให้เขา เขาก็กอดแขนของฉันไว้ทันที ทำให้ใบหน้าของเขาแนบเข้ากับซอกคอของฉัน
ฉันไม่รู้ว่าอาการกลัวเลือดเป็นยังไง มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?
โชคดีที่เฉียวอี้ไม่ได้ตามมาด้วย ไม่อย่างนั้นหล่อนคงได้หัวเราะเยาะสีจิ่นยวนไปจนตายแน่
เฉียวอี้ใจเด็ดใจกล้าตั้งแต่เด็ก ตอนเด็กๆ ตอนที่มีการตรวจสุขภาพที่โรงเรียน แล้วมีคุณหมอมาเจาะเลือดให้ เด็กๆ ทุกคนต่างก็แย่งกันต่อแถวข้างหลัง มีแต่หล่อนคนเดียวที่แทรกไปต่อแถวข้างหน้าจะอยู่คนแรกให้ได้ เจาะไปข้างหนึ่งแล้วยังจะเจาะอีกข้างหนึ่งอีก เพราะอยากได้ลูกอมเพิ่ม
ถึงคิวสีจิ่นยวน ฉันช่วยเข้าเลิกแขนเสื้อขึ้น มืออีกข้างหนึ่งของเขาจับฉันแน่นแล้วซุกเข้าไปในซอกคอของฉันทั้งหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...