พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 18

เวลาแห่งความสุขมักจะสั้นเสมอ ถ้าฉันหยุดเวลาได้ ฉันจะให้มันหยุดในช่วงที่ฉันมีความสุขที่สุด

ฉันจำได้ว่าคุณแม่ฉันชอบยิ้มมาก และไม่ได้ป่วยบ่อยด้วย คุณพ่อจะมาเยี่ยมพวกเราตลอด จากนั้นก็จะพาพวกเราไปเที่ยว หรือไปเดินเล่น มีอยู่ครั้งหนึ่งหญ้าที่ขึ้นตามริมทางมีหยาดน้ำค้าง แล้วน้ำค้างก็ทำถุงเท้าฉันเปียก ฉันจึงแหกปากร้องไห้ยกใหญ่ คุณพ่อคุณแม่ต้องกล่อมฉันอยู่นานกว่าฉันจะอารมณ์ดีขึ้น

เวลาต่อมา ฉันไปโรงเรียนคนเดียว และเกิดหกล้มระหว่างทาง จากนั้นถุงเท้ายาวของฉันก็ฉีกขาด ซึ่งหัวเข่าของฉันมีเลือดซึมออกมาด้วย แต่ฉันแค่เอากระดาษทิชชู่มากดทับ จากนั้นก็ไปโรงเรียนต่อ ไม่ร้องไห้แม้แต่คำเดียว

ที่แท้ช่วงเวลาที่คนเรามีความสุขมักจะอ่อนแอและบอบบางเสมอ แต่หลังจากที่เจอมรสุมในชีวิต ฉันก็ต้องกลายเป็นต้นหญ้าผู้เข้มแข็ง

โชคดีที่ต่อมาคุณพ่อพาฉันกลับไปอยู่ที่บ้าน

ฉันดิ้นดุกดิกชั่วครู่ จากนั้นก็ตื่น สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจก็คือสีชิงชวนนั่งอยู่ข้างเตียง โดยใช้สายตารังเกียจและเหลืออดมองฉัน

ที่แท้ไม่ใช่คุณแม่ แต่เป็นสีชิงชวน

เหมือนตัวฉันจะไม่ร้อนแล้ว และรู้สึกดีขึ้นเป็นกอง ฉันส่งยิ้มให้เขา “ขอบคุณที่คุณดูแลฉันเมื่อคืนนะ”

“ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้หรอก” เขาเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “ถ้าไม่ใช่โดนใครบางคนเกาะแขนแล้วเอาแต่ร้องไห้ ผมคงไม่มานั่งตรงนี้หรอก”

ฉันจึงจะรู้ตัวว่ากำลังใช้สองมือกอดแขนเขาแน่น ชุดนอนแบรนด์เนมบริเวณหน้าอกของเขาถูกฉันขยี้ซะยับยู่ยี่แล้ว และดูเหมือนจะมีคราบน้ำตากับคราบน้ำมูกด้วย

ฉันรีบปล่อยมือ ก่อนจะยกมือทำท่ายอมแพ้ “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ เวลาที่ฉันไม่สบายก็จะอ่อนแอมากเสมอ”

เขานั่งตรงหน้าฉันแล้วแกะกระดุมทีละเม็ด พลางเผยกล้ามอกอันกำยำและสวยงามออกมา

ฉันสะดุ้งโหยง จากนั้นก็กระเถิบถอยหลังด้วยสัญชาตญาณ “คุณจะทำอะไร?”

ฉันพึ่งจะหายป่วย ทำกิจกรรมที่หักโหมไม่ได้หรอก

เขาถอดชุดนอนบนกายแล้วโยนให้ฉัน “คุณทำเสื้อผมเลอะ คุณต้องซักให้สะอาด”

ออ แค่ซักผ้าเหรอ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

ฉันไม่ได้ป่วยหนัก ออกเหงื่อเล็กน้อย วันที่สองก็หายดีแล้ว

ฉันคือหนึ่งในประชากรคนว่างงาน คุณพ่อเคยชวนฉันไปฝึกทำงานในบริษัทของท่าน ทว่าแม่เลี้ยงกลับทักท้วง ราวกับว่าฉันไปเรียนรู้การทำงานในบริษัทแล้ว ฉันจะยึดทุกอย่างมาเป็นของตนอย่างนั้นแหละ

ฉันจะมีความทะเยอทะยานและโลภมากขนาดนั้นได้ยังไง ฉันเป็นคนสมถะจะตาย ฉันเคยคิดจะไปตามหาหนีอีโจว จากนั้นก็ถามเขาว่ายังรักฉันอยู่ไหม ถ้าใช่ก็จะซื้อบ้านที่ฉันกับคุณแม่เคยอาศัยอยู่ แล้วใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายด้วยกันตลอดไป

ฉันที่ไม่มีอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอัน คิดจะไปหาเฉียวอี้ ผู้ซึ่งเป็นคนว่างงานเหมือนกับฉัน แต่เธอรวยกว่าฉันหลายเท่า คุณแม่ของเธอก็เก่งกาจเหลือเกิน ทำให้เมียหลวงลงจากตำแหน่งแล้วครอบครองความเป็นคุณนายเฉียวได้สำเร็จ ดังนั้นเงินที่เฉียวอี้ใช้จ่ายในหนึ่งเดือน จึงเป็นจำนวนเงินที่เยอะกว่าฉันใช้จ่ายหลายปี

ถึงแม้ไข้จะลดแล้ว แต่ตอนลงไปชั้นล่าง ฉันยังคงรู้สึกไม่มีแรง ฉันจึงต้องจับราวบันไดลงไปช้าๆ

ฉันได้ยินพี่สะใภ้รองกับพี่สะใภ้ใหญ่ซุบซิบนินทากันใต้บันได

“เธอทายดูสิว่าเมื่อคืนฉันเห็นอะไร? โอ๊ย! ฉันจะอกแตกตาย ดูไม่ออกเลยว่าเซียวเซิงจะเป็นปีศาจจิ้งจอก เมื่อคืนเธอยั่วให้น้องสามกอดจูบเธอที่ระเบียงหน้าห้องนอนด้วย”

“ใช่เหรอ? แต่ก็ไม่แปลกหรอก ดูพฤติกรรมชอบแย่งซีนของเธอเมื่อคืนสิ”

“ดังนั้นถึงเซียวซือจะสวย แต่ไม่ได้ยั่วเก่งเหมือนเซียวเซิง ใครใช้ให้เซียวซือมอบโอกาสดีๆ แบบนี้ให้น้องสาวตัวเองล่ะ?”

“เซียวซือไม่ได้ทำมูลนิธิการกุศลซะหน่อย สาเหตุที่เธอเลิกกับน้องสามก็เพราะอันนั้นไม่ใช่เหรอ?”

ถึงแม้ฉันไม่ใช่คนชอบแอบฟัง ทว่าบทสนทนาของพวกเธอมันดึงดูดฉันเหลือเกิน พวกเธอพูดถึงฉันในทางเสียหายก่อน จากนั้นก็พูดถึงความลับด้านหนึ่งของสีชิงชวนด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)