“นี่มันที่ไหน?”
“นี่คือที่อยู่ของศิลปิน” เฉียวอี้ยื่นคางเงยหน้าขึ้นอย่างลำพองใจ “แฟนฉันเอง เป็นจิตรกร”
ฉันไม่แปลกใจเลยสักนิด สายงานทางด้านนี้ของแฟนเฉียวอี้ครอบคลุมไปทั่วจักรวาล ไม่ว่าจะเป็นบิวตี้เทสเตอร์ นักทดสอบน้ำหอม พนักงานออฟฟิศระดับหัวหน้า ท่านประธาน หรือแม้กระทั่งปัจจุบันนี้อำนาจมืดยังถูกหยิบยื่นเข้าไปในวงการศิลปะทั้งนั้น
ฉันพยักหน้า พร้อมกับตบไหล่ของเธอ “ฉันต้องขอขอบคุณแทนเพื่อนพ้องในสายอาชีพอื่นด้วย”
เธอไม่โกรธเคืองเลย มิหนำซ้ำยังจูงมือฉันเดินเข้าไปอย่างดีอกดีใจ แนะนำฉันโดยชี้ไปทางนี้ทีทางโน้นที “ดอกไม้ในนี้แฟนฉันเป็นคนปลูกทั้งนั้น ที่นั่นเป็นห้องรับแขก ตรงโน้นมีบ่อน้ำเล็กๆอยู่แห่งหนึ่ง แฟนฉันจะไปตกปลาที่นั่นเป็นครั้งคราว นั่นๆ บริเวณนั้นแหละที่แฟนของฉันชอบไปสเก็ตช์ภาพ และนี่ก็คือห้องวาดภาพของแฟนฉัน ภาพที่เขาวาดสุดยอดมากๆ”
“ทำไมฟังจากที่คุณบรรยาย แฟนของคุณอายุรุ่นราวคราวเดียวกับรุ่นพ่อยังไงก็ไม่รู้?”
“เธอต่างหากที่เป็นรุ่นพ่อ” เธอชี้ไปข้างหน้า “นั่นไง แฟนฉัน!"
ฉันมองตามนี้วมือที่เธอชี้ออกไป เห็นชายผู้หนึ่งกำลังรดน้ำดอกไม้อยู่ในสวน เขาหันหลังให้ รูปร่างสูงใหญ่ สวมหมวกบักเก็ต ฉันรู้สึกว่าเขาค่อนข้างจะมีอายุแล้ว
“ฉินกวน!” เฉียวอี้เรียกตะโกนขึ้นด้วยความดีอกดีใจ
อีกฝ่ายหมุนตัวหันกลับมามอง พร้อมกันนั้นได้ปิดฝักบัวในมือ อีกทั้งยังถอดหมวกบนศีรษะออก ทำให้ฉันเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน
เขามีอายุแล้วจริงๆด้วย เหมือนจะสี่สิบแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ถึงเช่นกัน แต่ก็เหมือนจะมากกว่านี้หน่อยนึง
ทว่าอายุไม่ใช่ร่องรอยความแก่ที่ปรากฎบนใบหน้าของเขา แต่กลับเป็นเสน่ห์ดึงดูดที่ไม่มีอยู่ในผู้อื่น
นี่เป็นโฉมหน้าที่ทำให้ฉันรู้สึกสับสนงุนงง ประหนึ่งคุ้นเคยแต่ก็ไม่เคยพบเคยเจอที่ไหนมาก่อน
เขามีหน้าตาอันหล่อเหลา ฉันคิดว่าตอนที่เขาวัยรุ่นก็คงจะไม่ต่างอะไรกับปัจจุบันมากนัก
ชายหนุ่มบางคนก็ไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวที่เปรียบเปรยเหมือนดอกไม้ หลังจากที่ผ่านช่วงเบ่งบานของชีวิต ก็มักจะร่วงโรยไปตามกาลเวลา
แต่ชายหนุ่มบางคนกลับไม่เป็นเช่นนั้น หลังจากที่เข้าสู่ช่วงชีวิตที่กำลังเบ่งบานกลับบานสะพรั่งมากยิ่งขึ้น แบบที่ไมมีวันร่วงโรยอีก คุณว่ามันน่ากลัวไหมล่ะ
เขาชำเลืองสายตามองมาทางเรา โค้งมุมปากพร้อมทั้งส่งยิ้มให้
รอยยิ้มอันอ่อนโยนของเขาเปี่ยมไปด้วยพลังความสุขุมในการสะกดอาณาประชาราษฎร์ในใต้หล้านี้ไว้อยู่หมัด
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉันก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่าเฉียวอี้จะไม่มีวันกินทิ้งกินขว้างชายผู้นี้เหมือนอย่างที่กินแฟนเก่ามานักต่อนัก อย่างน้อยเธอก็ต้องหลงไหลในตัวเขาไปสักระยะเวลาหนึ่ง
มิน่าล่ะ เป็นถึงระดับรุ่นพ่อนี่เอง ถึงทำให้จิตใจของเธอหมกมุ่นอยู่แต่กับเขา
“ผมมาแล้ว” เขาวางฝักบัวลง พร้อมกับใช้ผ้าขนหนูที่แขวนอยู่บนเก้าอี้โยกเช็ดมือจนแห้ง “เดี๋ยวผมไปชงชามาให้ เชิญนั่งได้ตามสบายครับ”
“อย่าเพิ่ง เดี๋ยวแนะนำให้รู้จักกันก่อน” เฉียวอี้ดึงแขนของฉินกวนไว้ พร้อมทั้งเอ่ยขึ้นท่าทีสนิทสนมและเบิกบานใจ “นี่คือเพื่อนสนิทของฉัน เป็นเพื่อนแท้ที่ไม่มีวันจะแทงข้างหลังกันได้อย่างแน่นอน เซียวเซิง นี่ฉินกวน เป็นจิตรกรผู้มีชื่อเสียงเรียงนาม เขาวาดภาพวาดบุคคลได้เหมือนเฉกเช่นเดียวกับภาพถ่าย แยกไม่ออกเลยว่าอันไหนจริงอันไหนปลอม”
แต่สำหรับเฉียวอี้ การวาดรูปที่ดีก็คือการวาดให้เหมือนก็เท่านั้น
ฉันพยักหน้าตอบรับอย่างเป็นมิตร “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเซียวเซิง”
“สวัสดีครับ เชิญนั่งครับ เดี๋ยวผมไปชงชามาให้”
พวกเรานั่งลงบนเก้าอี้หวาย ตรงบริเวณริมรั้ว ทั้งข้างนอกและข้างในมีกุหลาบทิวดอร์เลื้อยเต็มไปทั้วทุกหนแห่ง ประดุจม่านเขียวขนปุกปุยปกคลุมไว้ ฉันรู้สึกว่าที่นี่มันช่างงดงามตระการตา และผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
เฉียวอี้อารมณ์สดใสร่าเริง เธอฮัมเพลงไปพร้อมกับโอ้อวดฉันอยู่ตลอดเวลา “เป็นไงล่ะ แฟนฉันหล่อมากเลยสิท่า”
“จ้า” ครั้งนี้ฉันจำต้องพยักหน้ายอมรับจากใจจริง “เขาไม่เพียงแต่จะหล่ออย่างเดียว ขนาดชูแขนย่างเท้ายังรับรู้ได้ถึงเสน่ห์เย้ายวนที่มิอาจต้านทานได้”
“หมายความว่ายังไง?” เธอเบิ่งตาจ้องเขม่งมองมาหาฉัน
ฉันผลักหน้าเธอออกพร้อมกับอมยิ้ม “ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน รู้แค่ว่าหน้าตาดีเป็นที่สุด”
“นานๆทีเธอจะชมแฟนฉันสักครั้ง” เฉียวอี้ลูบไล้คางอย่างลำพองใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...