พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 19

“นี่มันที่ไหน?”

“นี่คือที่อยู่ของศิลปิน” เฉียวอี้ยื่นคางเงยหน้าขึ้นอย่างลำพองใจ “แฟนฉันเอง เป็นจิตรกร”

ฉันไม่แปลกใจเลยสักนิด สายงานทางด้านนี้ของแฟนเฉียวอี้ครอบคลุมไปทั่วจักรวาล ไม่ว่าจะเป็นบิวตี้เทสเตอร์ นักทดสอบน้ำหอม พนักงานออฟฟิศระดับหัวหน้า ท่านประธาน หรือแม้กระทั่งปัจจุบันนี้อำนาจมืดยังถูกหยิบยื่นเข้าไปในวงการศิลปะทั้งนั้น

ฉันพยักหน้า พร้อมกับตบไหล่ของเธอ “ฉันต้องขอขอบคุณแทนเพื่อนพ้องในสายอาชีพอื่นด้วย”

เธอไม่โกรธเคืองเลย มิหนำซ้ำยังจูงมือฉันเดินเข้าไปอย่างดีอกดีใจ แนะนำฉันโดยชี้ไปทางนี้ทีทางโน้นที “ดอกไม้ในนี้แฟนฉันเป็นคนปลูกทั้งนั้น ที่นั่นเป็นห้องรับแขก ตรงโน้นมีบ่อน้ำเล็กๆอยู่แห่งหนึ่ง แฟนฉันจะไปตกปลาที่นั่นเป็นครั้งคราว นั่นๆ บริเวณนั้นแหละที่แฟนของฉันชอบไปสเก็ตช์ภาพ และนี่ก็คือห้องวาดภาพของแฟนฉัน ภาพที่เขาวาดสุดยอดมากๆ”

“ทำไมฟังจากที่คุณบรรยาย แฟนของคุณอายุรุ่นราวคราวเดียวกับรุ่นพ่อยังไงก็ไม่รู้?”

“เธอต่างหากที่เป็นรุ่นพ่อ” เธอชี้ไปข้างหน้า “นั่นไง แฟนฉัน!"

ฉันมองตามนี้วมือที่เธอชี้ออกไป เห็นชายผู้หนึ่งกำลังรดน้ำดอกไม้อยู่ในสวน เขาหันหลังให้ รูปร่างสูงใหญ่ สวมหมวกบักเก็ต ฉันรู้สึกว่าเขาค่อนข้างจะมีอายุแล้ว

“ฉินกวน!” เฉียวอี้เรียกตะโกนขึ้นด้วยความดีอกดีใจ

อีกฝ่ายหมุนตัวหันกลับมามอง พร้อมกันนั้นได้ปิดฝักบัวในมือ อีกทั้งยังถอดหมวกบนศีรษะออก ทำให้ฉันเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน

เขามีอายุแล้วจริงๆด้วย เหมือนจะสี่สิบแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ถึงเช่นกัน แต่ก็เหมือนจะมากกว่านี้หน่อยนึง

ทว่าอายุไม่ใช่ร่องรอยความแก่ที่ปรากฎบนใบหน้าของเขา แต่กลับเป็นเสน่ห์ดึงดูดที่ไม่มีอยู่ในผู้อื่น

นี่เป็นโฉมหน้าที่ทำให้ฉันรู้สึกสับสนงุนงง ประหนึ่งคุ้นเคยแต่ก็ไม่เคยพบเคยเจอที่ไหนมาก่อน

เขามีหน้าตาอันหล่อเหลา ฉันคิดว่าตอนที่เขาวัยรุ่นก็คงจะไม่ต่างอะไรกับปัจจุบันมากนัก

ชายหนุ่มบางคนก็ไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวที่เปรียบเปรยเหมือนดอกไม้ หลังจากที่ผ่านช่วงเบ่งบานของชีวิต ก็มักจะร่วงโรยไปตามกาลเวลา

แต่ชายหนุ่มบางคนกลับไม่เป็นเช่นนั้น หลังจากที่เข้าสู่ช่วงชีวิตที่กำลังเบ่งบานกลับบานสะพรั่งมากยิ่งขึ้น แบบที่ไมมีวันร่วงโรยอีก คุณว่ามันน่ากลัวไหมล่ะ

เขาชำเลืองสายตามองมาทางเรา โค้งมุมปากพร้อมทั้งส่งยิ้มให้

รอยยิ้มอันอ่อนโยนของเขาเปี่ยมไปด้วยพลังความสุขุมในการสะกดอาณาประชาราษฎร์ในใต้หล้านี้ไว้อยู่หมัด

เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉันก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่าเฉียวอี้จะไม่มีวันกินทิ้งกินขว้างชายผู้นี้เหมือนอย่างที่กินแฟนเก่ามานักต่อนัก อย่างน้อยเธอก็ต้องหลงไหลในตัวเขาไปสักระยะเวลาหนึ่ง

มิน่าล่ะ เป็นถึงระดับรุ่นพ่อนี่เอง ถึงทำให้จิตใจของเธอหมกมุ่นอยู่แต่กับเขา

“ผมมาแล้ว” เขาวางฝักบัวลง พร้อมกับใช้ผ้าขนหนูที่แขวนอยู่บนเก้าอี้โยกเช็ดมือจนแห้ง “เดี๋ยวผมไปชงชามาให้ เชิญนั่งได้ตามสบายครับ”

“อย่าเพิ่ง เดี๋ยวแนะนำให้รู้จักกันก่อน” เฉียวอี้ดึงแขนของฉินกวนไว้ พร้อมทั้งเอ่ยขึ้นท่าทีสนิทสนมและเบิกบานใจ “นี่คือเพื่อนสนิทของฉัน เป็นเพื่อนแท้ที่ไม่มีวันจะแทงข้างหลังกันได้อย่างแน่นอน เซียวเซิง นี่ฉินกวน เป็นจิตรกรผู้มีชื่อเสียงเรียงนาม เขาวาดภาพวาดบุคคลได้เหมือนเฉกเช่นเดียวกับภาพถ่าย แยกไม่ออกเลยว่าอันไหนจริงอันไหนปลอม”

แต่สำหรับเฉียวอี้ การวาดรูปที่ดีก็คือการวาดให้เหมือนก็เท่านั้น

ฉันพยักหน้าตอบรับอย่างเป็นมิตร “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเซียวเซิง”

“สวัสดีครับ เชิญนั่งครับ เดี๋ยวผมไปชงชามาให้”

พวกเรานั่งลงบนเก้าอี้หวาย ตรงบริเวณริมรั้ว ทั้งข้างนอกและข้างในมีกุหลาบทิวดอร์เลื้อยเต็มไปทั้วทุกหนแห่ง ประดุจม่านเขียวขนปุกปุยปกคลุมไว้ ฉันรู้สึกว่าที่นี่มันช่างงดงามตระการตา และผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก

เฉียวอี้อารมณ์สดใสร่าเริง เธอฮัมเพลงไปพร้อมกับโอ้อวดฉันอยู่ตลอดเวลา “เป็นไงล่ะ แฟนฉันหล่อมากเลยสิท่า”

“จ้า” ครั้งนี้ฉันจำต้องพยักหน้ายอมรับจากใจจริง “เขาไม่เพียงแต่จะหล่ออย่างเดียว ขนาดชูแขนย่างเท้ายังรับรู้ได้ถึงเสน่ห์เย้ายวนที่มิอาจต้านทานได้”

“หมายความว่ายังไง?” เธอเบิ่งตาจ้องเขม่งมองมาหาฉัน

ฉันผลักหน้าเธอออกพร้อมกับอมยิ้ม “ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน รู้แค่ว่าหน้าตาดีเป็นที่สุด”

“นานๆทีเธอจะชมแฟนฉันสักครั้ง” เฉียวอี้ลูบไล้คางอย่างลำพองใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)