“ผมคิดว่าคุณจะไม่รับสายผมแล้วซะอีก”
“จะเป็นไปได้ยังไง” ฉันจับลำต้นของต้นไม้ไว้แล้วเหม่อมองแสงระยิบระยับบนหลังมือที่สาดส่องลงมือจากพระอาทิตย์ผ่านช่องบางๆ ของใบไม้
“วันนั้นเฉียวอี้วิ่งมาหาผม”
“อืม”
“เธอบอกว่าอยากให้ผมถอนฟ้อง”
“อืม”
“ทำไมล่ะ คุณไม่อยากหย่ากับสีชิงชวนเหรอ?”
“มันคนละประเด็นกัน” ฉันเห็นสีชิงชวนกำลังยืนพูดคุยกับวิศวกรหลายคนอยู่ใต้แสงอาทิตย์อันสดใส แสงแดดตกกระทบบนตัวของเขาราวกับแสงบนเวทีที่กำลังส่องไปที่เขาแต่เพียงผู้เดียว
“แต่ผมว่ามันคือประเด็นเดียวกัน”
“อีโจว” คราวก่อนเราก็จบกันไม่ดีกับหัวข้อนี้แล้ว ฉันไม่อยากทะเลาะกันเรื่องไร้สาระอีก “เรื่องหย่าน่ะ หย่าแน่นอนอยู่แล้ว แต่ประเด็นมันไม่ถูก ฉันยังยืนยันคำเดิมว่า คุณถอนฟ้องซะ ส่วนฉันกับสีชิงชวนหย่ากันแน่นอนอยู่แล้ว”
“เซียวเซิง” หนีอีโจวเรียกชื่อฉัน
“หื้ม” ฉันขานตอบโดยสัญชาตญาณ
“ถ้าคุณอยากกำจัดสีชิงชวนออกไปจริงๆ คุณก็ต้องทำให้เขาเกลียดคุณสิ แล้วที่คุณเป็นห่วงชื่อเสียงเกียรติยศของเขาแบบนี้มันเป็นเพราะอะไรกัน?”
“เพราะสาเหตุของเรื่องทุกอย่างมันเกิดจากฉัน ฉันก็แค่ทำไปเพื่อความสบายใจของตัวเองเท่านั้น”
“จริงเหรอ?” หนีอีโจวชะงักไปครู่หนึ่ง “ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ ผมจะทำตามที่คุณขอทุกอย่างเลย”
“ขอบคุณนะ” ฉันโล่งใจ “ขอบคุณมากนะอีโจว”
“ผมไม่รับคำขอบคุณของคุณ เพราะผมไม่รับคำขอบคุณที่คุณพูดเพื่อสีชิงชวน” น้ำเสียงของหนีอีโจวที่ได้ยินผ่านโทรศัพท์แผ่วเบามากราวกับแค่ลมพัดผ่านก็สามารถปลิวไปตามสายลมได้
ฉันกำลังจะวางสายจากหนีอีโจว แต่เขาก็พูดขึ้นว่า “เซียวเซิง แม่ของผมมาที่เมืองฮวาแล้วนะ”
“หา?” ฉันตกใจเล็กน้อย น้ำเสียงก็พลันเปลี่ยนไปด้วย “คุณน้ามาแล้วงั้นเหรอ”
“อืม ท่านอยากเจอคุณมาก”
“ฉันก็อยากเจอท่านเหมือนกัน” ฉันพูด “แต่ว่าคงต้องอีกสองสามวันถึงจะไปได้”
“ท่านจะอาศัยอยู่ที่บ้านผมชั่วคราว คุณไปทำธุระของคุณก่อนเถอะ จะเจอเมื่อไหร่ก็ได้”
“โอเค งั้นเดี๋ยวฉันจะไปหาคุณหลังจากกลับไปแล้วนะ”
“อืม”
“บาย”
ฉันถือโทรศัพท์ห่างออกจากหู แต่กลับได้ยินหนีอีโจวพูดว่า “เซียวเซิง แม่ผมคิดว่าตอนนี้เราคบกันแล้วน่ะ”
ถึงแม้โทรศัพท์จะอยู่ห่างจากหูของฉันพอควร และคำพูดของเขาก็ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก แต่ฉันก็ยังได้ยินมัน
ฉันแนบโทรศัพท์เข้ากับใบหูอีกครั้ง “อะไรนะ?”
“แม่ผมคิดว่าเราคบกัน และจะแต่งงานกันแล้ว”
“อีโจว คุณรู้ทั้งรู้ว่าตอนนี้ฉัน…”
“ช่วงนี้อาการของแม่ผมไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่” หนีอีโจวขัดคำพูดของฉันเบาๆ
“หมายความว่าอะไร?”
“โรคอัลไซเมอร์น่ะ”
หัวใจของฉันตกไปถึงตาตุ่มเหมือนกับภาพพระอาทิตย์ตกดินที่เห็นเมื่อคืนบนเรือ มันจมหายไปกับเส้นขอบฟ้าในทันไร
“เป็นไปได้ยังไง คุณน้าอายุยังน้อยอยู่เลย”
“บางครั้งโรคแบบนี้ก็เกิดได้โดยไม่เลือกอายุ บางทีอาจเป็นเพราะการตายของพ่อผมมันส่งผลกระทบต่อแม่ผมมาก ดังนั้นอารมณ์จิตใจของท่านเลยแปรปรวน มีหลายๆ เรื่องที่ท่านจำไม่ได้แล้ว แต่ท่านยังจำคุณได้”
“อีโจว” ฉันเช็ดใต้ดวงตาที่เปียกปอน “ถ้ากลับถึงเมืองฮวาเมื่อไหร่ ฉันจะไปหาพวกคุณทันที”
“เซียวเซิง มีบางเรื่องที่ผมไม่สามารถอธิบายให้แม่ผมฟังได้เลย”
“ฉันรู้แล้วๆ”
หลังจากวางสายจากหนีอีโจว จิตใจของฉันก็ย่ำแย่มาก
สิ่งที่แย่ที่สุดในช่วงที่คนเรากำลังเติบโตนั้นก็คือการเห็นคนรักรอบตัวค่อยๆ แก่ชราและลืมเรื่องราวต่างๆ ในอดีตไป
ทุกคนล้วนเหมือนกันหมด…กลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวว่าจะลืมทุกสิ่ง แม้แต่ตัวเองก็ไม่อาจจำได้
ฉันยืนจับต้นไม้ไว้นานพอควรจนได้ยินเสียงของเซียวซือ
“เซียวเซิง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...