อะไรนะ? ให้เรียกพวกเขาจากโต๊ะเหล้ามาอย่างดื้อๆ แล้วตอนนี้จะให้ฉันบอกพวกเขาว่าฉันจะพักผ่อนอย่างงั้นเหรอ?
ฉันยื่นโทรศัพท์ให้เฉียวอี้ดูทันที หล่อนครุ่นคิดอยู่สักพัก “ได้ ฉันจะไปไล่พวกเขาเอง”
สักพักเฉียวอี้ก็กลับมาบอกฉัน “พวกเขาต่างยืนเซ่ออยู่ตรงประตูเหมือนกับกองไม้เลย!”
“เธอบอกพวกเขาว่ายังไง?”
“ฉันบอกว่าเธอรอจนเหนื่อยแล้ว ต้องการพักผ่อนสักครู่ รอให้พวกเขามากันครบแล้วค่อยว่ากันอีกที”
เฉียวอี้เป็นเด็กสอนได้ เรื่องแบบนี้ถ้าให้ฉันทำ ฉันคงทำไม่ได้หรอก
“สีชิงชวนคิดจะทำอะไรฉันไม่รู้หรอกนะ แต่ฉันคิดว่าเขาคงอยากสร้างความน่าเกรงขามให้กับเธอ ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะยืนเซ่ออยู่ข้างนอก แต่สิ่งที่พวกเขากลัวคือสีชิงชวน ไม่ใช่เธอ”
เฉียวอี้เป็นคนที่ชอบพูดตามความจริง ฉันเองก็พอจะเดาได้ว่าสีชิงชวนทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร เขาแค่ไม่อยากเห็นฉันอยู่ในสภาพที่ไม่มีตัวตนเวลาอยู่ที่ไหนก็ตาม ทั้งๆที่เป็นถึงประธานของเซียวซื่อกรุ๊ปแต่กลับเทียบไม่ได้แม้แต่ผู้จัดการน้อยๆคนหนึ่งเลย ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ ฉันไม่มีเส้นสายที่แน่นพอในเซียวซื่อกรุ๊ป และไม่เหมือนอย่างแม่เลี้ยงที่ถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรม มีเหตุผลเพียงพอก็สามารถพูดได้อย่างเต็มที่ ฉันมองผ่านกระจกบนประตู แล้วเห็นหัวของผู้คนขยับไปมาอยู่ข้างนอก ผู้บริหารระดับสูงน่าจะมากันครบแล้วล่ะ
ฉันบอกกับเฉียวอี้ว่า “ให้พวกเขาเข้ามาเลยดีไหม!”
“ในเมื่อมากันแล้ว ก็ปล่อยให้พวกเขารออีกสักหน่อยสิ เธอลองคิดดูนะ คนทั้งบริษัทต่างก็รู้เรื่องที่เธอป่วย แต่กลับไม่มีใครพูดขึ้นมาสักคนว่าจะมาเยี่ยมเธอเลย ฉันจะบ้าตาย” เฉียวอี้โยนองุ่นเข้าปากลูกหนึ่งแล้วเคี้ยวมัน “ถ้าเป็นฉัน จะให้พวกเขายืนอยู่ข้างนอกทั้งคืน”
ฉันทำเรื่องแบบนี้ไม่ลง ฉะนั้นฉันจึงดูไม่มีความน่าเกรงขามในสายตาพวกเขาสักนิดเลยใช่ไหม ฉันเป็นห่วงว่าคนมาเยอะเกินไป แล้วจะกระทบต่อความเป็นระเบียบของทางโรงพยาบาล แต่พวกเขาต่างก็เงียบสงบกันมาก ยืนเซ่ออยู่ข้างนอกราวกับหัวไชเท้าเป็นลูกๆ ไม่ส่งเสียงอะไรเลย
น่าจะผ่านไปราวๆหนึ่งชั่วโมง ผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งมาเคาะประตูเบาๆ เฉียวอี้เดินไปที่เปิดตูแล้วแง้มประตูออก “มีอะไรคะ?”
“ประธานเซียวตื่นหรือยังครับ ทุกคนมากันครบสักพักหนึ่งแล้วครับ”
“มาได้นานแค่ไหน?” เฉียวอี้ดูดุมาก “เป็นเพราะพวกคุณมากันช้า ปล่อยให้ท่านประธานนั่งรอจนหลับไป หรือจะให้ฉันปลุกเขาตอนนี้เลยไหม? ท่านประธานเป็นไข้แต่ยังเป็นห่วงบริษัท แล้วพวกคุณแต่ละคนต่างก็ไม่รู้จักมาเยี่ยมท่านประธานเองซะบ้าง?”
ทุกคนต่างเงียบกริบ โดนเฉียวอี้ด่าจนไปต่อไม่ถูกเลย พอหล่อนด่าเสร็จก็ปิดประตู กลับมานั่งกินผลไม้ต่อข้างเตียงฉัน ฉันบอกให้หล่อนเอาไปล้างก่อน หล่อนตอบว่า อย่าไปใส่ใจเรื่องสุขอนามัยมากเกินไป กินแล้วมีภูมิต้านทานไม่เจ็บไม่ป่วย แต่ผลไม้เหล่านี้ล้วนเป็นผลไม้ออร์แกนิก ไม่ได้ใช้ยาฆ่าแมลง กินไปก็ไม่ทำให้ตายหรอก
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง ฉันทนไม่ไหวจนต้องโทรหาสีชิงชวน “คุณคิดจะให้พวกเขายืนอยู่ข้างนอกอีกนานแค่ไหน?”
“คุณอย่าถามผม คุณถามตัวคุณเองดีกว่า”
“ฉันไม่อยากให้พวกเขายืนอยู่ข้างนอกแม้แต่วินาทีเดียว”
“งั้นคุณก็เรียกพวกเขาเข้าไป แล้วทำการขอโทษที่ทำให้พวกเขาต้องมาเสียเวลาสิ รับรองได้เลยว่าต่อไป เวลาที่พวกเขาเจอคุณในบริษัทจะคิดว่าคุณเป็นแค่อากาศ”
“แล้วจะให้พวกเขายืนรออีกนานแค่ไหนล่ะ?”
“คุณไม่ต้องสนใจหรอก คุณพักผ่อนก่อนเถอะ!”
มีคนยืนอยู่ข้างนอกเยอะขนาดนี้ จะให้ฉันหลับได้ยังไง?
เฉียวอี้ดื้อดึงที่จะแอบฟังฉันคุยกับสีชิงชวนอยู่ข้างๆฉัน พอฟังจบ หล่อนก็เปี่ยมไปด้วยพลัง “คืนนี้ฉันจะปูผ้านอนที่นี่ ถูกต้อง เธอไม่ต้องสนใจพวกเขาหรอก นอนก่อนได้เลย ดูสิว่าพวกเขาจะรอได้นานแค่ไหน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...