คำว่าพันธ์ทางมันไม่น่าฟังเอาซะเลย
แม่เลี้ยงเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก ตอนที่คุณพ่อยังมีชีวิตอยู่ เธอไม่เคยพูดคำหยาบคายเช่นนี้เลย ถึงแม้เธอจะเกลียดชังฉันมากก็ตาม ทว่าก็แสร้งทำดีกับฉันต่อหน้าคุณพ่อเสมอ
ตอนนี้หน้ากากจอมปลอมฉีกขาดแล้ว
ฉันรีบเดินกลับเข้าห้องนอนของตัวเอง ไม่ได้ฟังว่าเซียวซือตอบยังไง
ฉันเดินไปนั่งขอบเตียงแล้วเห็นบนโต๊ะมีดอกทิวลิปที่ใส่ในแจกันไว้ อันนี้ต้องเป็นคำสั่งของคุณพ่อแน่ ถึงปกติฉันจะไม่อยู่บ้าน แต่ท่านก็สั่งให้คนใช้วางดอกไม้ที่ฉันชื่นชอบไว้ในห้อง
ต่อไปจะไม่มีชีวิตแบบนี้อีกแล้ว
เมื่ออยู่ตัวคนเดียว ความเสียใจก็ผุดขึ้นมาอย่างช้าๆ ฉันเหมือนลอยอยู่เหนือแม่น้ำ จากนั้นความเสียใจก็ค่อยๆ ซึมเข้าสู่ใบหน้าฉัน
ฉันกำลังหลับตาอยู่ แต่ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงผลักประตูห้องนอนของฉัน แล้วก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนึ่งคู่เดินมานั่งข้างเตียงฉัน จากนั้นก็ลูบใบหน้าฉัน
ฉันลืมตาพรืบแล้วเห็นเฉียวอี้
“หลับแล้วเหรอ?”
“ยัง” ฉันส่ายหน้า จะข่มตาหลับได้อย่างไร ฉันไม่ใช่คนไร้หัวใจสักหน่อย
“เซียวเซิง สถานการณ์ตอนนี้รุนแรงมากเลยนะ” เธอขมวดคิ้วแน่นเป็นปม
“ทำไมเหรอ?”
“ตอนนี้คุณอาเสียชีวิตแล้ว แม่เลี้ยงของเธอก็จะเผยธาตุแท้ออกมา เมื่อวานยังคิดจะไล่เธอออกจากบ้านอยู่เลย”
“อืม” ฉันขานรับอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันแค่ทำพิธีฌาปนกิจศพของคุณพ่อเสร็จก็พอ”
“โธ่เอ้ย!” เธอนั่งยองๆ ตรงหน้าฉัน จากนั้นก็เอามือคางเท้าตัวเองแล้วจ้องฉันด้วยความเครียด “แม่ฉันมาในช่วงบ่าย ท่านบอกว่าฉันต้องเตือนสติเธอให้ดี”
“คุณป้าพูดว่าอะไร?”
“ท่านบอกว่าคนอย่างแม่เลี้ยงเธอต้องแย่งทุกอย่างไปจากเธอแน่ ต่อให้เธอไม่ไม่แย่งชิงกับพวกเธอ แต่พวกเธอก็ไม่ซาบซึ้งในความดีของเธอหรอก”
“ฉันก็ไม่ได้ให้พวกเธอซาบซึ้งในความดีของฉันสักหน่อย”
“ฉันจะบ้าตายกับเธออยู่แล้ว ตอนนี้เธอแน่ใจหรือยังว่าไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของคุณอา? เธอรู้ไหม ถ้าแม่เลี้ยงเธอไล่เธอออกในฐานะที่เธอไม่ใช่ลูกในสายเลือด แล้วเธอจะอยู่ในบ้านตระกูลสีได้ยังไง?”
“ก็ช่างสิ เพราะการแต่งงานของพวกเรา เขาก็แค่ใช้อารมณ์ชั่ววูบ ส่วนฉันก็แค่ทำตามเท่านั้น” ฉันพลิกกาย ทว่าเฉียวอี้พลิกตัวฉันกลับไปมองหน้าเธอ จากนั้นก็จับไหล่ทั้งสองข้างของฉันแล้วจ้องเขม็งฉัน
“เซียวเซิง เธอต้องลุกขึ้นสู้แล้ว เมื่อก่อนเธอมีคุณอาปกป้อง แต่ตอนนี้คุณอาไม่อยู่แล้ว เธอต้องรู้จักปกป้องตัวเอง”
เฉียวอี้โมโหแล้วจริงๆ ดวงตาเริ่มมีน้ำตารื้นออกมาประกายแสงระยิบระยับ
ฉันรู้ว่าเพื่อนคนนี้หวังดีกับฉันจริงๆ ฉันลุกขึ้นนั่งแล้วจับมือเธอเบาๆ “ฉันรู้แล้ว เธออย่าโมโหเลย”
“เซียวเซิง เธอรู้ไหมว่าตอนนี้ใครทำให้แม่เลี้ยงเธอยำเกรงได้?”
ฉันส่ายหน้า “ไม่รู้”
เธอกระเทือนเท้าที่ฉันไม่เอาไหน “เธอใช้สมองคิดหน่อยไม่ได้เหรอ? ก็ต้องเป็นสีชิงชวนอยู่แล้ว”
เมื่อพูดถึงสีชิงชวนฉันก็นึกถึงหมี่ที่เขาทำให้กินเมื่อคืนทันที
“ออ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...