แน่นอนว่าฉันไม่ได้ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ เครื่องสแกนเป็นมิตรกับฉันมาก มันหมุนวนรอบศีรษะของฉันหนึ่งรอบ จากนั้นสักพักมันก็ส่งฉันออกมา
สีชิงชวนรออยู่ที่เดิม ไฟของห้องซีทีสแกนมหัศจรรย์มาก เมื่อแสงไฟส่องลงบนใบหน้าของเขาก็ยิ่งทำให้เขาดูน่ามหัศจรรย์ยิ่งกว่าเดิม
มือของเขาที่ประคองฉันลงจากแท่นเย็นเล็กน้อย แต่ฉันไม่ได้คิดว่าเป็นเพราะเขาเครียด
ไม่นานผลตรวจก็ออกมา เขาเพิ่งจะอุ้มฉันมานั่งบนรถเข็น คุณหมอก็ถือผลตรวจเดินออกมาบอกพวกเราแล้ว
“คุณสีครับ ผลซีทีสแกนแสดงให้เห็นว่าสมองของคุณนายสีไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ”
“คุณหมอ ผมขอคุยด้วยหน่อย” สีชิงชวนผลตรวจไปจากมือของคุณหมอจากนั้นก็พากันเดินไปอีกด้านหนึ่ง ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนฉันเป็นโรคที่รักษไม่หายจนต้องคุยกันลับหลังฉัน
ฉันแค่ขอร้องว่าอย่าให้สีชิงชวนรู้ความจริงว่าฉันโกหกเขาเลย ไม่อย่างนั้นฉันอาจจะถูกเขาตัดมือตัดเท้าแยกร่างออกจากกัน หรือเป็นไปได้ว่าอาจจะโดนมากกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ
ผ่านไปสักพักเขาก็เดินเข้ามานั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าฉันแล้วมองตรงมาที่ฉัน
ฉันโดนเขามองจนขนลุกไปหมด “คุณหมอบอกว่าฉันเป็นโรคที่รักษาไม่หายเหรอ? ”
“เปล่า”
“แต่แววตาของคุณเหมือจะเป็นอย่างนั้น”
“เซียวเซิง คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณเป็นโรคชนิดหนึ่ง? ”
“หา? ฉันไม่รู้เลย”
“คุณเดินละเมอ” เขาบอกความจริงที่โต้แย้งไม่ได้กับฉันด้วยความเศร้าปนเจ็บแค้น
ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะบอกกับฉันตรงๆ แบบนี้ และเมื่อสักครู่นี้พอยังไม่ได้จัดการกับสีหน้าท่าทางที่แสดงออกมา จึงคาดว่าท่าทางของฉันน่าจะดูมึนงงเล็กน้อย
ฉันกะพริบตาและพยายามแสดงละครต่อ “ฉันเดินละเมอ เมื่อกี้ซีทีสแกนตรวจเจองั้นเหรอ? ”
“ซีทีสแกนไม่ได้บอกว่าคุณมีความผิดปกติใดๆ ที่สมอง ซีทีสแกนไม่มีปัญหา แต่ผมดูกล้องวงจรปิด เมื่อคืนคุณออกไปจากห้อง ไม่ได้นอนอยู่ตลอดเวลา”
“จริงเหรอ? ” ฉันเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ “ฉันออกไปจากห้องเหรอ? ฉันไม่รู้ตัวเลยสักนิด! ”
“ท่าทางของคุณที่อยู่ในกล้องวงจรปิดดูเหมือนเดินละเมอ ดังนั้น เซียวเซิง คุณเป็นโรคเดินละเมอจริงๆ ” เขาประกาศออกมาอย่างเจ็บปวด
ฉันต้องแสดงสีหน้าท่าทางออกมาได้ดูเจ็บปวดกว่าเขา และกำลังคิดว่าฉันต้องเอามือปิดปาก น้ำตาไหลพรากด้วยไหม
“คุณไม่รู้จริงๆ เหรอว่าคุณเดินละเมอ? ” เขาลูบผมฉันด้วยความสงสาร
“ไม่รู้เลย” ฉันเอ่ยอย่างเศร้าเสียใจ
“อ๋อ” เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่จู่ๆ เขาก็เอ่ยถามคำถามที่คาดไม่ถึงขึ้นมา “ในเมื่อคุณไม่รู้ว่าคุณเป็นโรคเดินละเมอ งั้นเฉียวอี้รู้ได้ยังไง? ”
ฉันกำลังจะเตรียมแสดงต่อไป แต่จู่ๆ พอมาได้ยินคำถามนี้ของสีชิงชวน ฉันก็แทบจะสำลักน้ำลายตาย
ฉันหลบสายตาเขาด้วยความลุกลี้ลุกลน ในหัวหมุนติ้วเป็นกังหันลม
“ฉันกับเฉียวอี้นอนด้วยกันบ่อยๆ เป็นเรื่องธรรมดามากๆ ที่เธอจะรู้ว่าฉันละเมอ” ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายจู่ๆ ฉันก็คิดเหตุผลดีๆ ขึ้นมาได้ และรู้สึกว่าตัวเองมีไหวพริบดีมาก
“อ๋อ แต่ว่าเฉียวอี้บอกว่าคุณเป็นคนบอกเรื่องที่คุณเป็นโรคเดินละเมอกับเธอเอง”
“อะไรนะ? ” ฉันตกตะลึงตาค้าง ฉันกับเฉียวอี้แค่สมรู้ร่วมคิดกันอย่างง่ายๆ จึงไม่ได้นัดกันไว้เลย
จู่ๆ สีชิงชวนก็ยิ้มออกมา เขาออกแรงจิกเส้นผมของฉันเล็กน้อย “เหตุผลห่วยๆ ของคุณนี่ใครเป็นคนคิดขึ้นมา? คุณหรือว่าเฉียวอี้? ”
“เจ็บๆ ” ฉันดึงผมของฉันออกมาจากมือของเขา
เมื่อกี้นี้ฉันยังคิดว่าเขาตกหลุมพรางเข้าให้แล้วอยู่เลย และยังกระหยิ่มยิ้มย่องว่าฉันสามารถหลอกสีชิงชวนได้แล้ว
แต่กลับไม่ใช่อย่างนั้น
แววตาของเขาดูเย็นชา “เมื่อคืนคุณออกไปที่สวนดอกไม้ และเห็นอยู่ชัดๆ ว่าผมกลับมาแล้วแต่ก็ไม่เข้าไปทักทาย เอาแต่มองดูผมตามหาคุณไปทั้งโรงพยาบาลแล้วก็วิ่งออกไปตามหาข้างนอกอีก”
“คุณรู้แล้วเหรอ? ”
“เมื่อกี้ก็บอกไปแล้วนี่ ผมดูกล้องวงจรปิดแล้ว ในเมื่อผมเห็นว่าคุณเดินออกจากห้องไป แล้วจะไม่เห็นว่าคุณไปที่สวนดอกไม้ได้ยังไง? ”
ฉันชะล่าใจไป คิดว่าหลอกสีชิงชวนมาได้ทั้งคืนแล้วก็จะหลอกเขาได้จริงๆ
ปลิวหายไปหมดแล้ว
จะทำยังไงดี ดูจากนิสัยใจคอของสีชิงชวนแล้ว เขาต้องบดขยี้ฉันให้ตายแน่ ฉันเล่นหลอกเขาแบบนี้
แกล้งตายล่ะ ก็เป็นไปไม่ได้อีก ฉันไม่ใช่หมีดำสักหน่อยที่จะแกล้งตายได้ทุกเวลา
ฉันแกล้งทำเป็นเวียนหัวน่าจะพอได้อยู่นะ
ฉันกุมหัว “ฉันเวียนหัว โอ๊ยเวียนหัว เวียนหัวมาก ฉันเวียนหัวจัง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...