เราเห็นเฉียวอี้ที่รีบวิ่งเข้ามาจากหน้าประตูห้องน้ำ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นท่าทางตื่นตระหนกของเธอ
เธอยังคงใส่เสื้อยืดสีขาวเหมือนกับตอนที่มาหาฉันที่โรงพยาบาลตอนเที่ยง แต่น้ำตาเริ่มคลอเบ้า เกรงว่าคงจะเป็นน้ำตาที่เธอร้องไห้มาตลอดทาง
“แม่ เซียวเซิง” เธออ้าแขนมาทางเรา ฉันกำลังจะเข้าไปกอดเธอ แต่คุณแม่เฉียวกลับดึงออก
“เฉียวอี้ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาร้องไห้”
“แม่คะ ตอนนี้พ่อหนูเป็นยังไงบ้าง?” เฉียวอี้ร้องไห้น้ำมูกไหล ในความทรงจำของฉันนั้นเธอไม่ค่อยจะร้องไห้
ฉันค้นทั่วตัวจนเจอกระดาษทิชชู่หนึ่งห่อแล้วยื่นให้เธอ เธอรับมาเช็ดหน้าโดยไม่ได้แกะออกจากห่อ
ฉันช่วยเธอแกะออกแล้วยืนให้เธอหนึ่งแผ่น เธอใช้ทิชชู่เช็ดไปทั่วใบหน้า
ฉันเศร้ามากที่เห็นสภาพเธอและอดไม่ได้ที่จะกอดเธอร้องไห้
ฉันเข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียพ่อ มันเหมือนกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง
เฉียวอี้มักจะบ่นเรื่องพ่อของเธอต่อหน้าฉันบ่อย ๆ เธอบอกว่าพ่อของเธอเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง ชอบสั่งสอน ชอบควบคุมเธอ อยู่ดีไม่ว่าดีก็แนะนำลูกคนรวยให้เธอ แถมยังบังคับให้เธอทำงานในบริษัทตลอด
อย่ามองเธอเอาแต่บ่นพ่อเธอ คนที่เธอรักที่สุดคือคุณพ่อเฉียว
เธอเลยรู้สึกหวาดกลัวที่ตอนนี้อาจจะต้องสูญเสียเขาไปอย่างกระทันหัน
“เฉียวอี้” เสียงของคุณแม่เฉียวลอยอยู่เหนือหัวพวกเรา “เช็ดน้ำตาแล้วหยุดร้องไห้ซะ”
จะไม่ร้องไห้ได้อย่างไร ฉันร้องจนเวียนหัวไปหมด คนทั้งคนเกือบจะขาดน้ำ
ตอนที่พ่อของฉันประสบอุบัติเหตุฉันก็ไม่เคยร้องไห้อย่างบ้าคลั่งแบบนี้มาก่อน
คุณแม่เฉียวพาฉันกับเฉียวอี้กลับเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำอีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่สองที่ฉันล้างหน้า
เฉียวอี้องจนจมูกแดง คุณแม่ของเฉียวค้นหาทิชชู่ในกระเป๋าของเธอแต่ไม่พบสักแผ่น เมื่อกี้นี้ฉันใช้มันจนหมด
“เธอสองคนรอแม่ที่นี่ แม่จะกลับไปเอาทิชชู่”
คุณแม่เฉียวหันกลับและเดินออกจากห้องน้ำ ฉันดื่มน้ำก๊อก 2-3 จิบตอนล้างหน้าเมื่อครู่นี้ จากที่รู้สึกว่ากำลังจะขาดน้ำก็บรรเทาลงเล็กน้อย
เฉียวอี้ก็สงบลงเช่นกัน เธอสูดจมูกและมองมาที่ฉัน “เซียวเซิง ฉันไม่เคยคิดเลยว่าแม่ของฉันจะโหดถึงขนาดที่ไม่แม้แต่จะหลั่งน้ำตาสักหยด”
“แม่บุญธรรมไม่ได้โหดร้าย แต่แม่แค่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ เธอไม่สามารถล้มลงได้ เธอยังต้องเลี้ยงดูครอบครัวของเธอและทั้งบริษัท”
“การร้องไห้ไม่ได้หมายความว่าอ่อนแอ” เฉียวอี้สั่งน้ำมูก
“แต่การร้องไห้ไม่สามารถแก้ปัญหาใด ๆ ได้” ฉันพูดแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากร้องไห้กับเฉียวอี้
คุณแม่เฉียวกลับมาพร้อมกับกระดาษทิชชู่สองห่อใหญ่ จากนั้นยัดใส่มือพวกเราคนละห่อ
“เช็ดน้ำตาและสั่งน้ำมูกให้หมด แล้วออกไปหาพ่อด้วยรอยยิ้ม”
“หนูยิ้มไม่ออก” เฉียวอี้พึมพำเบา ๆ
“ยิ้มไม่ได้ก็ต้องฝืนยิ้ม แล้วลูกคิดว่าแม่จะยิ้มให้พ่อจริงใจเหรอ ลูกคิดว่าแม่ไม่มีหัวใจเหรอ?”
“อย่าแสร้งทำเป็นแข็งแกร่งขนาดนั้นซิคะ”
“มันไม่ใช่แค่การเสแสร้งว่าแข็งแกร่ง แต่มันจำเป็นที่จะต้องแข็งแกร่งขนาดนี้” คุณแม่เฉียววางมือทั้งสองข้างบนไหล่ของเฉียวอี้
เธอไม่สูงเท่าเฉียวอี้ เฉียวอี้สูง178เซ็นติเมตรซึ่งสูงกว่าคุณแม่เฉียวครึ่งหัว
คุณแม่เฉียวได้แต่เงยหน้ามองลูกสาวตัวโตที่งี่เง่าของเธอ “ถ้าการร้องไห้ทำให้อาการป่วยของพ่อของลูกหายไปได้ งั้นแม่ยอมร้องไห้ให้ตายดีกว่า แต่การร้องไห้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เราจึงต้องฮึกเหิมขึ้นมา การที่ลูกร้องไห้แงมันจะทำให้พ่อของลูกสูญเสียความมั่นใจในชีวิต แถมยังเสียกำลังใจในการต่อสู้ เฉียวอี้ เรามีเส้นทางที่ยากลำบากมากในอนาคต อย่าปล่อยให้ตัวเองท้อแท้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...