การต่อต้านสีชิงชวนก็อะไรที่สนุกดีนะ มันทำให้ฉันรู้สึกสบายใจจากภายในสู่ภายนอก
ฉันพูดกับสีชิงชวนว่า “ไม่ต้องหรอก ฉันยังมีนัด”
จากนั้นก็ตัดสายทิ้ง อันที่จริงวินาทีที่กดตัดสาย ฉันยังรู้สึกใจสั่นเล็กน้อย ฉันไม่แน่ใจว่าคนที่ขี้น้อยใจอย่างสีชิงชวนจะทำยังไงกับฉันต่อ
เฉียวเจี้ยนฉีชูซี่โครงที่ถืออยู่ในมือขึ้น “ผัดกระเทียมหรือว่าผัดพริกเกลือดี”
“อย่างละครึ่ง”
“โอเค” แปลว่าเขาเห็นด้วย จากนั้นก็แย่งโทรศัพท์จากมือฉันไปไว้ในกระเป๋าของฉัน “ต่อต้านครั้งหนึ่งก็ทำให้สบายใจแค่ครั้งเดียว แต่ถ้าต่อต้านไปเรื่อยๆก็จะสบายใจเรื่อยๆนะ”
ฉันมักรู้สึกว่าเฉียวเจี้ยนฉีกำลังพาฉันไปในทางที่ไม่ดี แต่การทำแบบนี้มันทำให้รู้สึกสบายใจสุดๆ พวกเราซื้อผักต่างๆมาเยอะมาก หอยเชลล์วันนี้ก็สวยมากด้วย ใหญ่เท่าฝ่ามือเลย เนื้อหอยที่อยู่ด้านในดูสดมาก ไข่เยอะจนแทบจะปลิ้นออกมาเลยทีเดียว
“อันนี้จะเอาไปทำเมนูหอยเชลล์อบวุ้นเส้นหรือเปล่า?”
“คนต่างชาติชอบทานวุ้นเส้นกันมาก เพราะเมืองของพวกเขาไม่มีอะไรพวกนี้” เฉียวเจี้ยนบอกฉัน “ในต่างประเทศสามารถขายหอยเชลล์อบวุ้นเส้นได้ในราคาที่สูงมาก ลูกค้าบางคนไม่ชอบทานหอยเชลล์ เลือกทานแต่วุ้นเส้นก็มี”
“การกินของแต่ละประเทศแตกต่างกันมากจริงๆ”
“มันเป็นความอยากรู้อยากเห็นนอกพรมแดนมากกว่า คนเราจะอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยมี ก็เหมือนกับสิ่งที่ผู้ชายมีต่อผู้หญิง” เขาเปลี่ยนเรื่องมาพูดถึงเรื่องของฉันอีกครั้ง “ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยทำความรู้จักกับสีชิงชวนมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินเรื่องของมาเหมือนกัน เพราะเขาก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง”
“ทำไมต้องเอ่ยถึงเขาอยู่ตลอดเลย?”
“เพราะคุณมีจิตใจที่ไม่สงบไง คุณอยากได้เขามาครอบครองใช่ไหม?”
ฉันกำลังช่วยเขาเลือกผักบร็อคโคลี่อยู่ และคำถามของเขาทำให้ฉันถึงกับต้องเอาใบหน้าซ่อนไว้หลังผักบล็อคโคลี่กันเลยทีเดียว
“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้อยากครอบครองเขาสักหน่อย”
“เซียวเซิง การที่ปากไม่ตรงกับใจมันไม่มีทางทำให้คุณได้ในสิ่งที่อยากได้หรอกนะ หากว่าคุณอยากได้สีชิงชวนจริงๆ เราก็มาใช้วิธีที่จะทำให้ได้เขามาครอบครอง”
“ไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่”
“ความอิจฉา สามารถทำให้คนเราแสดงความในใจออกมาได้” เฉียวเจี้ยนฉีหยิบผักบล็อคโคลี่ที่อยู่ในมือฉันไป “แต่ละอันไม่ได้แตกต่างกันมาก ไม่จำเป็นต้องเลือกให้ละเอียดขนาดนั้นก็ได้”
“ไม่มีความหมายหรอก เขาจะแสดงความอิจฉาออกมาให้เห็นโดยไม่ลังเลใจ”
“นั่นเพราะว่าเขาไม่รู้สึกว่าโดนคุกคามไง สีชิงชวนเขาคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด เลยไม่เคยรู้จักความลำบากมาก่อน”
“ทำไมคุณถึงรู้จักเขาดีขนาดนี้?”
“ผมกับเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นตอนเรียนมหาวิทยาลัย และเขาเคยแย่งแฟนของผมไป”
ฉันมองเขาอย่างงงงวย เขาเลือกขิงสดแล้วโยนใส่ในรถเข็นจากนั้นก็ยิ้มให้ฉัน “ล้อเล่นน่ะ ผมกับเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นตอนเรียนมหาวิทยาลัยจริงๆ เขาเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน อยู่แค่ปีเดียวก็ออกไปแล้ว พวกเราไม่เคยคลุกคลีกัน แต่ไม่ว่าสีชิงชวนจะอยู่ที่ไหนก็เป็นที่พูดถึงของคนอื่นอยู่เสมอเลย คนทั้งมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อสายจีนหรือว่าคนต่างชาติ ขอแค่เป็นผู้ชาย ทุกคนจะเกลียดเขากันทั้งนั้น”
“ทำไมล่ะ?”
“เพราะว่าผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบเขากันทุกคน และเป็นเพราะเขา เลยทำให้พวกเราต้องอยู่กันเป็นคนโสด”
“คุณด้วยเหรอ?” ทำไมฉันถึงไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดด้วยนะ ถึงแม้เฉียวเจี้ยนฉีจะดูไม่สะดุดตาเท่าสีชิงชวนในแวบแรกที่มอง แต่ว่าเขาเองก็หล่อไม่เบาเหมือนกันนะ ทั้งๆที่มีรูปร่างที่สูงใหญ่เหมือนกัน เป็นไปไม่ได้ที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนมาชอบเขาเลย
“ดาวมหาวิทยาลัยของเรา เป็นผู้หญิงที่มาจากประเทศไอซ์แลนด์ มีดวงตาสีฟ้า สวยไม่มีที่ติ” เขาขมวดคิ้วเพื่อพยายามนึกหน้าตาของสาวสวยของคนนั้น “เส้นผมของเธอเหมือนกับสาหร่ายทะเลเลย”
“สิ่งที่คุณกำลังบรรยาย มันน่าจะประมาณระดับหนังสือนิทานเทพนิยายแอนเดอร์สันเลยนะ” ฉันอดไม่ได้ที่จะพูดแทรก
เขาหัวเราะชอบใจ “เป็นแบบนั้นจริงๆ”
“คุณชอบดาวมหาวิทยาลัย แต่ดาวมหาวิทยาลัยชอบสีชิงชวนใช่ไหม?”
“ใช่ไหมล่ะ มันดูเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเลยเนอะ ที่คนสวยจะต้องชอบคนหล่อและรวย” เขายักไหล่ “แต่ก็ยังดีที่ผมได้เจอคุณ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...