เพราะแบบนี้ ห้องทำงานใหญ่ที่สีชิงชวนช่วยฉันแย่งไปเมื่อคราวก่อนก็ได้ถูกส่งมอบโดยที่ใช้เวลาไม่ถึงเดือน
แต่ว่าครั้งนี้ฉันให้ด้วยความเต็มใจ
ถึงพี่เซียวซือจะไม่ให้ตำแหน่งฉัน แต่เธอก็แลกห้องทำงานกับฉัน
ฉันย้ายของไปที่ห้องทำงานของเซียวซือ หลังจากที่ฉันนั่งลง ฉันถึงรู้สึกเหมือนว่าที่นี่เป็นที่เดียวที่เป็นของฉันอย่างแท้จริง ไปๆมาๆฉันก็กลับมาที่นี่อีกจนได้
หลังจากส่งมอบงานเสร็จ ฉันก็กำชับเธอเป็นพิเศษ โดยบอกเธอว่าหร่วนหลิงเป็นเลขาฯที่ยอดเยี่ยม หวังว่าเธอจะรักษาหร่วนหลิงไว้ได้
พี่เซียวซือไม่ได้บอกว่าเห็นด้วยหรือไม่ พูดแต่เพียงว่า “ฉันต้องลองใช้งานดูก่อนว่าเธอเป็นเลขาที่ดีหรือเปล่า ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปเพราะเธอเคยเป็นเลขาของคุณหรอก แต่ถ้าเธอไม่เป็นมืออาชีพ ฉันก็จะไม่ใช้เธอเพียงเพราะคุณคุยกับฉันไม่กี่ประโยคหรอกนะ”
ฉันคิดไว้จริงๆ ว่าพี่เซียวซือมีคุณสมบัติของท่านประธาน
ฉันยื่นมือออกไปหาเธอ “พี่ต้องทำได้ดีมากแน่”
เธอก็ยื่นมือออกมาจับมือของฉัน “หวังว่าจะไมีเสียใจทีหลังนะ”
“ฉันจะไม่เสียใจทีหลังหรอก นี่เป็นเรื่องที่ฉันตัดสินใจเอง”
เธอยิ้มให้ฉัน พิธีส่งมอบก็เสร็จสมบูรณ์ได้ง่ายกว่าที่ฉันคิดซะอีก
เมื่อฉันออกจากที่ทำงานพร้อมกล่องกระดาษแข็งในมือ ตอนนี้กลายเป็นของพี่เซียวซือแล้ว ระหว่างทางบังเอิญเจอกับหร่วนหลิงเข้า ฉันนึกว่าเธอจะไม่สนใจฉันเหมือนเคย แต่หลังจากมองฉันสักพัก เธอก็วิ่งเข้ามาช่วยฉันเอากล่องกระดาษแข็งออกไป
เมื่อก่อนทุกครั้งที่ดูโทรทัศน์และมีคนลาออก จะต้องถือกล่องกระดาษแข็งเดินจากไป ฉันคิดว่าทั้งหมดนี้ง่ายเกินไป ไปไหนมาไหนก็ต้องถือกล่องกระดาษแข็งไปด้วยทุกที่ ถืออย่างอื่นก็ได้นี่
ตอนที่ฉันกำลังเก็บข้าวของ ฉันเพิ่งรู้ว่าการใส่ของกระจุกกระจิกทั้งหมดลงในกล่องกระดาษมันสะดวกจริงๆ
ระหว่างที่ลงไปส่งฉันข้างล่าง หร่วนหลิงไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ ฉันพยายามพูดอะไรบางอย่างกับเธอ แต่ฉันรู้สึกว่าไม่มีภาษาใดจะช่วยได้
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ฉันก้าวออกมาและได้ยินหร่วนหลิงพูดกับฉันว่า “ท่านประธาน…”
"ทำไมไม่เรียกฉันว่าผู้จัดการเซียว” ฉันยิ้ม “ตอนนี้พี่เซียวซือเป็นประธานแล้ว คุณจำเป็นต้องเรียกใหม่นะ ยังไงเราก็นามสกุลเซียวเหมือนกัน ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่หรอก"
เธอพึมพำเสียงเบา “มีแต่คุณนั่นแหละที่คิดว่าไม่ต่างกัน”
“มันก็แค่ตำแหน่ง ฉันไม่อยากได้พวกนี้จริงๆ ใครทำดีก็ทำไป”
“คิดจะบอกให้เฉียวอี้รู้เรื่องนี้ตอนไหนคะ?”
“ผ่านไปอีกสักสองวัน ตอนนี้เธอก็อยู่ในสภาพสิ้นหวังเหมือนกัน”
เธอช่วยฉันย้ายกล่องกระดาษแข็งไปที่ห้องทำงานและมองไปรอบๆ "กลับมาอีกแล้ว พวกเขาไม่มีเลขาฯมาให้คุณสินะอยากให้ฉันตามมาด้วยมั้ยคะ”
“ตอนนี้ยังไม่ได้ส่งข้อมูลงานของเธอมาให้ฉันเลย ไม่ต้องหรอก”
“ทำไมคะ?”ปฏิกิริยาของหร่วนหลิงรุนแรงมาก
ฉันพูดทันที "เธอยังมีโปรเจกต์อีกสองสามโปรเจกต์ที่กำลังติดตามอยู่ จะส่งมอบให้ฉันครึ่งทางแบบกะทันหันก็ไม่ได้ เธอก็เลยบอกว่ายังไม่สายเกินไปที่จะส่งมอบให้ฉันหลังจากที่โปรเจกต์จบลงแล้ว”
“ทำไมฉันรู้สึกว่าเธอกำลังกำจัดคุณทีละนิดล่ะ?”
“โอ๊ย อย่าคิดแบบนี้สิ” ฉันตบๆ ไหล่ของเธอ “เธอขี้กังวลเหมือนกับเฉียวอี้เลย แล้วก็นะ พี่เซียวซือไม่ได้แย่อย่างที่คิดหรอก”
“ไม่ใช่ว่าเราคิดเลวร้ายกับเธอ แต่คุณมองคนอื่นดีเกินไป”
หร่วนหลิงไปทำงาน ส่วนฉันนั่งอยู่คนเดียวหน้าคอมพิวเตอร์ อันที่จริง ตอนนี้ฉันไม่มีงานอะไรให้ทำเลย งานของฉันตกเป็นของพี่เซียวซือ งานของพี่เซียวซือก็ยังไม่ได้ส่งมาให้ฉัน ฉันไม่มีอะไรให้ทำเลย ว่างจนตบแมลงวันทั้งบริษัทให้ตายได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...