เดิมทีป๋ออวี่กำลังมองตัวเลขที่กำลังเปลี่ยนไปตามชั้นอาคาร เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉันถาม เขาก็รีบหันหน้ามามองฉันทันที “อะไรนะครับ?”
“คุณอยู่ด้านบนก็น่าจะเป็นรุก แต่นิสัยของสีชิงชวนไม่เหมือนเป็นรับเลย” ฉันพูดเองเออเอง
ใบหน้าแดงก่ำของเขาราวกับเป็นผ้าแดงชาดที่บดบังดวงตาและโลกทั้งใบของฉัน
เขาเลียริมฝีปากเหมือนออกซิเจนในสมองมีน้อยก็ไม่ปาน “คุณเซียวครับ ความจริงไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะครับ...”
“เดี๋ยวๆๆ ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนี้” ฉันรีบอธิบาย “คุณกับสีชิงชวนจะมีความสัมพันธ์อะไรฉันก็ไม่ถือสาหรอกนะ และความสัมพันธ์ของฉันกับสีชิงชวนก็ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดด้วย ดังนั้นคุณวางใจได้เลย ฉันแค่อยากรู้เฉยๆ”
“คุณเซียว...” เขาหน้าแดง หูแดงไปหมด
ช่างเถอะ เขาหน้าแดงขนาดนี้ ฉันก็จะไม่ถามแล้ว
บัดนี้ลิฟต์เปิดออกแล้ว ป๋ออวี่คล้ายกับถูกปลดปล่อยจากความหนักอึ้ง รีบพาตัวเองออกไปอย่างเร็วไว ทว่าทำไมฉันรู้สึกว่าท่าเดินเขาแปลกๆชอบกล เหมือนจะเจ็บตรงไหนสักแห่ง
ตอนที่เดินมาถึงหน้าประตู ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในสมองของฉัน หรือเป็นเพราะระหว่างที่พวกเขาออกกำลังกายเฉพาะกิจกัน ทำให้พี่ชายสุดหล่อเกิดอาการเจ็บขึ้นมา?
ฉันวิ่งเหยาะๆ แล้วไปจี้หลังเขา เขาหันกลับมามองฉัน “คุณเซียว”
ฉันเอาวาสลีนในกระเป๋าให้เขา เขารับไว้ด้วยสัญชาตญาณ จากนั้นก็มองฉันอย่างไม่เข้าใจ “อันนี้คือ...”
“อันนี้ใช้ดีมากเลยนะ ผิวแตก ผิวฉีกขาด หรือจะใช้กับก้นที่ฉีกขาด” ฉันกดเสียงให้ต่ำลง “ก็ได้หมดเลย วันหนึ่งทาสองสามครั้งก็พอ”
ป๋ออวี่กุมวาสลีนไว้ในมือ เหมือนจะยังตามไม่ทัน เวลานี้สีชิงชวนที่ยืนหน้าประตูห้องคนไข้ตะโกนถาม “เซียวเซิง คุณทำอะไรอยู่”
ฉันสะดุ้งโหยง รีบโบกมือให้ป๋ออวี่เร็วๆ “ต้องใช้นะ”
ฉันวิ่งเข้าไป สีชิงชวนมองฉันหน้านิ่ว “คุณให้อะไรป๋ออวี่?”
“วาสลีน”
“มันคืออะไร?”
“เป็นตัวช่วยให้ผิวชุ่มชื่น หรือจะใช้เพิ่มความลื่นไหลก็ได้” ฉันพูดอย่างจริงจัง ทว่าใบหน้าของเขากลับมืดครึ้มซะงั้น
“สนุกมากใช่ไหมเซียวเซิง? คุณคิดว่าจับจุดอ่อนผมได้แล้วงั้นหรือ?”
“ฉันไม่กล้าหรอก” ฉันรีบยกมือศิโรราบทันควัน จากนั้นก็มองเข้าไปในห้องที่คุณย่านอนอยู่ พบว่ามีคนยืนออเต็มห้อง ซึ่งล้วนเป็นคนตระกูลสีด้วยกันทั้งสิ้น มีตั้งแต่พี่น้องไปจนถึงพี่สะใภ้ของสีชิงชวนเลย
เขาคว้าข้อมือฉันเดินผ่านกลุ่มคน พี่ชายคนโตกับคนรองทักทายปราศรัยเขา แต่เขากลับทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย
เขาจะหยิ่งไปถึงไหน กับพี่น้องตัวเองยังทำตัวห่างเหินได้เพียงนี้เชียว
เขาดึงฉันไปยังเตียงของคุณย่า สาเหตุที่คุณย่ามารักษาตัวก็เพราะหลอดเลือดอุดตัน ไม่ได้ร้ายแรงอะไร และต้นตอของโรคก็คือท่านแอบกินเค้กเนยจนทำให้เวียนหัวกะทันหัน จากนั้นก็ส่งตัวมายังโรงพยาบาล ตอนนี้คงไม่เป็นอะไรแล้ว ท่านเห็นสีชิงชวนก็รีบปาดน้ำตา
“หลานรักทำไมถึงมาเอาป่านี้ ถ้าช้ากว่านี้อีกหนึ่งก้าว หลานคงไม่ได้เจอหน้าย่าแล้ว”
“คุณย่า” สีชิงชวนหย่อนกายนั่งข้างเตียง และพูดเสียงอ่อนโยนที่ไม่มีบ่อยๆ “อย่าพูดไปเรื่อยสิครับ ต่อไปกินของจืดๆ หน่อย คุณย่าต้องอยู่ได้สองร้อยปีแน่ครับ”
“แบบนั้นจะกลายเป็นปีศาจน่ะสิ ถ้าต้องกินแต่ของจืดๆ ย่าอยู่ไปก็หม่นหมองใจเปล่าๆ” คุณย่าจับมือสีชิงชวนแล้วย้ายสายตามายังฉันกะทันหัน
“เอ๋! เสี่ยวเซิงเซิง ตอนไปไม่ได้ใส่ชุดนี้นี่ ทำไมเปลี่ยนชุดล่ะ?”
“เอ่อ...” ไม่คิดว่าคุณย่าจะช่างสังเกตแบบนี้ ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไง ใบ้กินเลยทีนี้
คุณย่าเบิกตากว้างประหนึ่งเข้าใจอะไรบางอย่างกะทันหัน จากนั้นก็ตบขาแล้วหัวเราะด้วยความดีใจ “เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว เรื่องแบบนี้มาช้าหน่อยก็ได้”
ท่านพูดแบบนี้ฉันก็หน้าแดงเรื่อสิคะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...