ฉันคิดว่าสีจิ่นยวนจะพูดพวกเรื่องหลักการของชีวิตหรือพวกเทซุปไก่อะไรพวกนั้นกับฉันสักอีก แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมาเพื่อทานอย่างเดียวเท่านั้น
ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ เขาก็ยื่นแขนของฉันออกมาให้ฉันดู “เซียวเซิง พี่ดูโรคผิวหนังของผมสิ ยาสมุนไพรพื้นเมืองของพี่รักษาจนหายดีหมดแล้ว พ่อกับแม่ก็รู้แล้วว่าพี่เป็นคนรักษาโรคผิวหนังของผม พวกเขาบอกว่าต้องหาวันไหนสักวันมาขอบคุณพี่ดีๆ สักหน่อย”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก” ฉันกำลังจะบอกว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ก็รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย
“จริงสิ ตอนผมออกมาแม่ผมฝากอันนี้มาให้พี่ด้วย” เขายื่นถุงกระดาษใบหนึ่งมาให้ฉัน ด้านในนูนออกมาไม่รู้ว่าใส่อะไรเอาไว้
“ก็แค่ยาเคี่ยวเล็กๆ น้อยๆ แม่ฉันบอกว่าเอาไปชงกับน้ำก็ดื่มได้แล้ว ยาพวกนี้เป็นยาบำรุงแผนโบราณ ทำให้นายกินของเย็นน้อยลง”
ฉันรู้สึกขอบคุณคุณแม่สี ท่านเป็นคนที่อ่อนโยนมากมาตลอดคนหนึ่ง
แม้ว่าท่านจะไม่ชอบฉันมากๆ แต่ท่านปฏิบัติกับฉันอย่างอ่อนโยนมากมาตลอด ฉันรู้สึกขอบคุณท่านในจุดนี้มาก
ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ สีจิ่นยวนสั่งหม้อแบบสองน้ำซุปมา ฉันทานฝั่งที่ไม่ผิด
จริงๆ แล้วฉันดีขึ้นมากแล้ว อีกอย่างถ้าผ้าขี้ริ้วไม่ทานแบบเผ็ดๆ มันจะไม่อร่อยมากๆ
สีจิ่นยวนเหมือนจะมาเพื่อทานข้าวจริงๆ เดาว่าเขาก็น่าจะไม่ได้ทานหม้อไฟมานานแล้วเหมือนกัน เขาทานอย่างกับว่าเขาไม่เคยได้ทานมันมาแปดชาติแล้ว ฉันกังวลว่าเขาจะสำลักตายเอาได้
ฉันจึงเอ่ยว่า “นายค่อยๆ กินก็ได้ ฉันไม่คิดจะแย่งนายหรอก”
“พี่ก็กินด้วยสิ” ในระหว่างที่กำลังยุ่งอยู่กับการกินเขาก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับฉัน “ถ้ายังไม่กินอีก ผมจะกินหมดแล้วนะ”
“หมดแล้วก็ไม่เป็นไร สั่งอีกก็ได้”
ความอยากอาหารของสีจิ่นยวนส่งผลกระทบต่อฉัน เดิมทีหลายวันมานี้ฉันแทบจะไม่ทานอะไรเลย แต่พอสีจิ่นยวนตะกละตะกลามอยู่ตรงหน้าฉัน ความอยากอาหารของฉันก็ถูกเขากระตุ้นขึ้นมา
ฉันทานไส้ห่านเก้าเส้นที่วางอยู่บนน้ำแข็งชุดใหญ่เข้าไปคนเดียวจนหมด
ในที่สุดสีจิ่นยวนก็อิ่มแล้ว ฉันเองก็อิ่มแล้วเหมือน ฉันกุมท้องเอนหลังพิงไปกับเก้าอี้
สีจิ่นยวนเรอออกมา ส่วนฉันยังสนใจภาพลักษณ์ความเป็นกุลสตรีของฉันอยู่ จึงใช้กระดาษปิดปากไว้แล้วเรอออกมาเช่นกัน
“ต่อไปพวกเราไปกินของหวานกันเถอะ” สีจิ่นยวนเอ่ยขึ้นมา จนฉันรู้สึกตกใจ
“นายยังกินลงอยู่อีกเหรอ? ”
“เด็กผู้หญิงอย่างพวกพี่ไม่ได้มีสองกระเพาะหรอกเหรอ? กระเพาะหนึ่งสำหรับของคาว กระเพาะหนึ่งสำหรับของหวาน ในกระเพาะจะต้องมีที่เหลือไว้ให้ของหวานอยู่แล้ว”
เขาพูดมีเหตุผล พอเขาพูดขึ้นมา ฉันก็รู้สึกอยากทานของหวานขึ้นมานิดหน่อยจริงๆ
ก็ได้ ฉันจึงไปทานของหวานในร้านของหวานที่ทั้งแพงและไกลกับเขา
ของหวานของร้านอร่อยมากจริงๆ และทำออกมาได้สวยงามมาก ทั้งเพลินตาและเพลินใจโดยไม่ต้องทานเข้าไปก็ได้ แค่มองก็รู้สึกอร่อยมากแล้ว
ดังนั้นถึงจะขายแพงก็ยังรู้สึกสมเหตุสมผล
ขนมขึ้นชื่อของร้านคือชีสเค้ก หน้าตาเรียบง่ายมากๆ แต่รสชาติทำให้คนที่รักขนมหวานหยุดทานไม่ได้อย่างแน่นอน และไม่มีทางทานชีสเค้กของที่อื่นได้อีก
สีจิ่นยวนสั่งขนมหวานแปลกๆ มาเยอะมาก บางอย่างฉันก็ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่มันอร่อยมาก
เขาเป็นคนที่ลองทานของใหม่ๆ ได้ดีคนหนึ่งเลย เป็นไปได้ว่าวัยรุ่นก็อาจจะเป็นแบบนี้กันหมด
จริงๆ แล้วฉันเองก็แก่กว่าเขาแค่สามสี่ปีเท่านั้น แต่กลับรู้สึกเหมือนฉันแก่กว่าเขามากๆ
เมื่อทานของหวานเสร็จฉันก็อิ่มมากจนแทบจะอาเจียนออกมาอยู่แล้ว อิ่มจนท้องไม่เหลือที่ว่างแล้ว
หลังจากที่สีจิ่นยวนเช็กบิลเสร็จก็เอ่ยกับฉันว่า “พี่เคยกินบิงซูถั่วแดงไหม? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...