ทำไมคุณแม่เฉียวปล่อยไปง่ายๆแบบนี้ล่ะ ฉันรู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าเขาไม่กังวลกับการก่อกวนของอู๋ซือเหมยเลย
เมื่อพูดถึงอู๋ซือเหมย ฉันก็นึกถึงเฉียวเจี้ยนฉี
ฉันถามเฉียวอี้ “ก่อนหน้านี้ที่บอกว่าเฉียวเจี้ยนฉีจะไปดำรงตำแหน่ง เขาได้ไปไหม?”
“มาสิ” เฉียวอี้พูด “เขามาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มากับอู๋ซือเหมย อู๋ซือเหมยกล่าวในที่ประชุมใหญ่ว่าให้พ่อของฉันจะมอบหุ้น 50% ให้กับเฉียวเจี้ยนฉี”
“แล้วเฉียวเจี้ยนฉีว่าไง?”
“เขาบอกว่าพ่อยังอยู่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาแบ่งอะไรทั้งนั้น”
“แล้วตอนนี้เขาไปทำตำแหน่งอะไรล่ะ?”
“ผู้อำนวยการฝ่ายขาย”
"นั่นไม่ใช่ตำแหน่งการจัดการนี่!" ฉันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ฉันคิดว่าอย่างน้อยเขาน่าจะเป็นผู้จัดการทั่วไปของกลุ่มหรือตำแหน่งระดับที่สูงกว่า
"ผู้อำนวยการฝ่ายขายของเราถูกพักงานเนื่องจากปัญหาทางการเงินพอดี คนขาด เฉียวเจี้ยนฉีจึงอาสา เขาทำธุรกิจมากมายในร้านอาหารในเครือต่างประเทศ และเขามีลูกค้าคุณภาพสูงอยู่ในมือเยอะมาก ฉันก็เห็นด้วยกับข้อเสนอของเขาและไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ "
“งั้นอู๋ซือเหมยไม่โกรธแย่เลยเหรอ”
“ใช่ โกรธมาก แต่ถ้ามองจากจุดนี้ก็อาจจะเร็วเกินไปที่จะบอกว่าเฉียวเจี้ยนฉีไม่มีความโลภเลย เขาเป็นนักธุรกิจที่ฉลาดมาก ใครจะไปรู้ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไรหรือมีแผนการอะไร”
“อย่าคิดทำร้ายผู้อื่น และอย่าอาฆาตพยาบาทผู้อื่น” คำพูดปิดท้ายของคุณแม่เฉียวหลังจากเธอกินซุปคำสุดท้าย “เจี้ยนฉี เด็กคนนี้เป็นคนที่ออกไพ่อย่างไม่มีเหตุผลตั้งแต่ยังเด็ก แต่ไม่ได้เจอเขานาน ตอนนี้ก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาแต่เฉียวอี้ ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นพี่ชายของเฉียวอี้ ทำอะไรก็ตาม ให้นึกถึงพี่ตัวเองก่อน รู้ไหม?”
เฉียวอี้พยักหน้า “หนูรู้ค่ะ ถ้าเขาเห็นหนูเป็นน้องสาว หนูก็จะมองว่าเขาเป็นพี่ชาย”
หลังจากทานซุปเสร็จแม่ก็ขึ้นไปพักผ่อน ฉันก็ให้เฉียวอี้ไปอาบน้ำและเข้านอน
วีแชทของสีจิ่นยวนก็ดังขึ้นอย่างไม่หยุด เหมือนเร่งรีบมีอะไรที่จะถามฉัน “คิดเสร็จหรือยัง ? คิดหรือยัง ? มะรืนนี้ฉันต้องไปแล้วนะ ฉันต้องจองตั๋วเครื่องบินนะ”
ตอนแรกฉันลังเล และเมื่อฉันรู้ว่าเขาอายุไม่ถึงสิบแปดปี ฉันก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก
“ฉันดูเหมือนเด็กก่อความวุ่นวายที่อยู่กับเด็กอายุน้อยอย่างนาย”
เป็นแบบนี้สีชิงชวนจะมามองฉันได้อย่างไรล่ะ
ยังคิดว่าฉันลักพาตัวเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอีก
เฉียวอี้มองที่โทรศัพท์ของฉัน มองเข้ามาในโทรศัพท์ของฉัน
“สีจิ่นยวนพูดว่าต้องจองตั๋วเครื่องบิน หมายความว่าอะไรเหรอ? เขาจะไปไหน ? หรือว่าเธอสองคนจะไปไหนกัน ?”
เฉียวอี้ถามฉัน ฉันก็อยากปรึกษาเธอนะ แต่ฉันคิดว่าเธอคงจะว่าฉันแน่ๆ
ฉันบอกว่าวันนี้สีจิ่นยวนนัดฉันออกไปกินข้าว หลังจากนั้นเขาชวนฉันไปเรียนที่ต่างประเทศ เขากลับไปรักษาตัวที่ฮวาเฉิง ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว เขาอยากกลับไปเรียนต่อ อยากให้ฉันไปด้วย
“เรียนอะไรล่ะ?”
“เขาบอกว่าที่โรงเรียนเขามีแผนกศิลปะ ฉันสามารถลองสมัครสอบดูได้ได้ ถ้าสอบไม่ผ่านก็สามารถออกค่าใช้จ่ายเองได้”
“ตราบใดที่มีเงินก็ไม่ใช่ปัญหา” เฉียวอี้มองมาที่ฉัน “ฉันกำลังคิดว่าจะขอให้เธอออกไปหาไรทำเพื่อผ่อนคลายพอดี อย่างไรก็ตาม เซียวซื่อกรุ๊ปก็ไม่มีเรื่องอะไรสำคัญเป็นพิเศษที่จะต้องให้เธอจัดการในตอนนี้ เซียวซือก็ให้เธอทำตอนที่ว่างได้ เธอไปได้ ไปเปลี่ยนสภาพจิตใจ ฉันวางแผนที่จะทำงานหนักสักพัก ดังนั้นมันจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเธอที่จะออกไปเที่ยวเล่นนะ"
เฉียวอี้พูดแบบนี้ทำให้ฉันประหลาดใจมาก ฉันคิดว่าเธอจะต่อว่าฉันซะอีก เธอได้โทรหาสีจิ่นยวนและบ่นสักพัก และก็บอกให้เขามาเอาตัวฉันไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...