ฉันคิดว่าเมื่อคน ๆ หนึ่งกำลังดิ้นรนกับสิ่งหนึ่ง เมื่อเธอตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าเรื่องนั้นยากลำบากมากแค่ไหน ในอนาคตมีปัญหาที่ต้องแก้ไขมากเพียงใด แต่ดูเหมือนว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกแล้ว
ฉันให้สีจิ่นยวนจองตั๋วเครื่องบินให้แล้ว ตอนนี้ฉันมีเวลาแค่หนึ่งวันในการจัดกระเป๋าเดินทาง ไปอธิบายให้เซียวซื่อฟัง จริงๆหนึ่งวันก็น่าจะพอ
และยังต้องไปอธิบายกับสีชิงชวนอีก ไม่รู้ว่าเขาจะเห็นด้วยมั้ยนะ
เหตุผลที่เขาจะไม่เห็นด้วยคืออะไรล่ะ ? ฉันเดาไม่ออก แต่ถ้าเขายอมให้ฉันไปล่ะ ? ฉันคงจะรู้สึกถูกทอดทิ้งนิดหน่อย เขาจะไม่ห้ามฉันเลยเหรอ ?
ฉันก็ไม่รู้ ตอนนี้ในใจนึกอะไรดีๆไม่ออกเลย
วันรุ่งขึ้นฉันก็จะไปทักทายเซียวซื่อกรุ๊ป ตอนนี้เซียวซือเป็นประธานบริษัท ฉันมาหาเธอที่สำนักงาน
หร่วนหลิงกำลังยุ่งอยู่หน้าคอม เธอบอกฉันว่าเธอไปที่บริษัทในเครือ คาดว่าหลังสิบโมงน่าจะกลับมา
แต่หลังจากกลับมาก็ต้องเข้าประชุม เธอช่วยฉันดูระยะเวลาการเดินทาง กล่าวว่าเซียวซือมีเวลาเพียงสิบนาทีก่อนจะไปทานมื้อเที่ยง
ฉันคาดไม่ถึงว่าเซียวซือจะเริ่มต้นได้เร็วขนาดนี้ และเทียบกับฉันแล้ว เธอยุ่งกว่ามากจริงๆ ดูเหมือนว่าประธานาธิบดีจะไม่ใช่ที่มีเวลาสักเท่าไหร่ แต่แค่แบ่งว่าใครจะทำ
ฉันเห็นหร่วนหลิงกำลังจัดการเรื่องนี้อยู่ เลขาประธานบริษัทมีสองสามคน งานจุกจิกที่สุดและไม่มีอนาคตที่สุดคงจะเป็นเลขาฝ่ายกำหนดตารางงานและเวลานี่แหละ ทุกๆวันต้องจัดการตารางทั้งหมดให้ประธานทราบ ไม่มีเนื้อหาทางเทคนิค แต่เป็นเรื่องเล็กน้อยและยุ่งที่สุด
ตอนนี้มีการดูถูกเหยียดหยามในทุกอาชีพ แม้แต่ในอาชีพเลขานุการ เลขาแต่ละคนมีหน้าที่รับผิดชอบในสิ่งต่างๆไม่เหมือนกัน ซึ่งจะส่งผลต่อเงินเดือนประจำตำแหน่งของเธอและต่อๆไป
“ทำไมมาเป็นเลขาฝ่ายนี้ล่ะ ?”
หร่วนหลิงยิ้ม “เซียวซือเป็นประธานบริษัทแล้ว แน่นอนว่าเธอก็พาเลขาคนปัจจุบันเธอมาด้วย ฉันเลยต้องมาเป็นเลขาฝ่ายกำหนดการ ไม่เป็นไรหรอก” เธอพูดทันที “คุณไม่ต้องกังวลหรอก ไม่ใช่เพราะเหตุผลส่วนตัวของฉันที่ฉันคัดค้านการมอบตำแหน่งให้คุณหรอก ยังไงซะเงินเดือนไม่ตกก็พอ ฉันทำสิ่งนี้ได้สบายใจขึ้นกว่า ถูกไหมล่ะ ?”
“หร่วนหลิง” ฉันรู้สึกผิด “ตอนนั้นฉันหุนหันพลันแล่นมากเกินไป ฉันไม่ได้คิดมาก”
เธอชงชาและยื่นมาให้ฉัน “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ”
หร่วนหลิงยุ่งมาก ฉันไม่สามารถพูดคุยกับเธอได้ตลอดเวลา และรบกวนงานของเธอได้
ฉันกลับไปที่ออฟฟิศของตัวเอง ของของเซียวซือถูกย้ายออกไปหมดแล้ว ครั้งก่อนของที่ย้ายเข้ามายังไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย ทุกอย่างยังคงวางอยู่ในกล่อง ตอนนี้ฉันก็ไม่อยากจะเอาออกมา ยังไงเสียฉันไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว การเก็บกวาดฝุ่นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างว่างเปล่า สายตาไปตกอยู่ที่ผนังสีขาวตรงข้าม
บนผนังแขวนรูปๆหนึ่ง เป็นรูปด้านหลังของสีชิงชวนและเซียวซือที่ยืนอยู่ริมชายหาดที่ถ่ายที่เกาะพระอาทิตย์ที่ไปครั้งล่าสุดซึ่งเป็นภาพที่แผนกโฆษณาของบริษัทเกือบใช้เป็นภาพถ่ายส่งเสริมการขาย
ไม่ว่าจะมองจากด้านหลังหรือด้านหน้าของทั้งสองคน ก็ดูเหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก
ในเรื่องความสามารถหรือความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว เซียวซือเหมาะสมกว่าฉันมาก
ฉันได้แต่มองอย่างว่างเปล่าเป็นเวลานาน จนกระทั้งหร่วนหลิงโทรมาหาฉัน บอกว่าเซียวซือกลับมาแล้ว ถ้าฉันมีอะไรรีบไปหาเธอเดี๋ยวนี้เลย เพราะเหมือนว่าเธอยังมีตารางด่วนต่ออีก
ฉันลุกขึ้นและวิ่งออกจากห้องด้วยความตื่นตระหนก และบังเอิญพบเธอที่ประตูสำนักงานของเซียวซือพอดี เธอกำลังจะออกไปข้างนอก
เลขาที่อยู่ข้างหลังช่วยเธอถือกระเป๋าเอกสาร เธอยังคงสวมชุดเสื้อชุดสูทสีขาว สวมต่างหูเพชรที่ดูเรียบๆแต่หรู เธอดูมีออร่ามากๆ”
“เซียวเซิง ได้ยินว่าเธอมาหาฉันเหรอ” เธอยกมือขึ้นมาดูนาฬิกา แล้วคุยกับเลขาว่า “อีกสิบนาทีเรียกฉันด้วย”
หลังจากนั้นเธอก็กวักมือมาที่ฉัน “ไปคุยในห้องกันเถอะ”
ฉันและเธอเดินเข้าไป ยืนอยู่ตรงประตู “ไม่ต้องนั่งหรอก ฉันรู้ว่าเธอรีบ ฉันมีเรื่องบอกเธอนิดหน่อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...