สองคนนี้ยังทะเลาะกันไม่พอ ย้ายกันมาทะเลาะที่ฉันต่อ
เฉียวเจี้ยนฉีเองก็ไม่มีความเป็นพี่ชายเอาซะเลย รู้ทั้งรู้ว่าเฉียวอี้เป็นคนหัวร้อน แล้วยังจะไปแกล้งเธออีก
“เฉียวเจี้ยนฉี ไปบอกแม่นายให้รู้จักอายบ้างนะ ทุกวันนี้มาหาเรื่องที่ห้องคนไข้ของพ่อฉันไม่พอ ยังเอาลูกสาวนอกสมรสมาอีก หน้าไม่อายจริงๆ”
“เธอก็ไปถามเขาสิ ไม่ใช่มาถามฉัน” เฉียวเจี้ยนฉีผลักออกไปอย่างง่ายดาย ซึ่งนั่งมันยิ่งทำให้เฉียวอี้รู้สึกโกรธ
ฉันสังเกตเห็นสองคนนี้ ไม่ว่าเฉียวอี้จะกระโดดถีบอย่างไร เฉียวเจี้ยนฉีก็ไหวตัวทันราวกับเตะเข้ากองสำลีอย่างไรอย่างนั้น ไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
“เฉียวเจี้ยนฉี นั่นไม่ใช่แค่พ่อฉันนะ แต่ยังเป็นพ่อนายด้วย หลายปีมานี้ไม่ใช่ว่าเขาไม่ทำหน้าเป็นพ่อ แต่เป็นแม่นายต่างหากที่พานายไปไม่ติดต่อหาเรา”
“อย่าพูดถึงเรื่องอดีตเลย” เฉียวเจี้ยนฉีเดินมายังข้างเตียงฉัน “เซียวเซิง ทำไมคุณถึงเข้าโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นเลยล่ะ?”
“รอบนี้ไม่ได้เอาดอกไม้มาด้วยเหรอ” ฉันพูด
“เอามาก็ถูกสีชิงชวนทิ้งไปพร้อมแจกันอยู่ดี”
ถึงจะพูดอย่างนี้ แต่ท่าทีของเขาดูไม่โกรธเลยสักนิด
เฉียวเจี้ยนฉีเป็นคนใจกว้างมากนะในสายตาของฉัน
เฉียวอี้เดินมาทะเลาะกับเขาต่อ “ฉันต้องรู้เรื่องเด็กผู้หญิงคนนั้นให้ได้ ตอนนี้พ่อฉันนอนโรงพยาบาลแล้ว ฉันจะให้คนอื่นมาพูดไปมั่วซั่วแบบนี้ไม่ได้”
“แล้วเธอจะทำยังไง? ตรวจดีเอ็นเอเหรอ?” เฉียวเจี้ยนฉีหัวเราะฮี่ๆ “แล้วถ้าตรงกันล่ะ?”
เฉียวอี้รีบคัดค้าน “ไม่มีทาง ตอนนั้นพวกเขาหย่ากันไปตั้งนานแล้ว”
“อ่าว ก็หย่ากันแล้วเลยเรียกว่าลูกนอกสมรสไงล่ะ เธออย่าลืมสิว่าพ่อไปหาฉันบ่อยๆ ที่แม่ฉันนะ หญิงชายอยู่ด้วยกันสองต่อสองจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่อาจรู้ได้ ใช่ไหมล่ะ?”
เขาส่งสายตาไปยังเฉียวอี้ ฉันล่ะยอมใจเขาจริงๆ ขนาดนี้แล้วยังจะแกล้งเธออีก
“เฉียวเจี้ยนฉี” ฉันดึงชายเสื้อของเขา “พอเถอะ”
“ผมกำลังช่วยเธอคิดถึงความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดขึ้นได้”
“นายอย่ามาพูดเหลวไหลแถวนี้เลย ฉันว่านายกลัวฉันไปตรวจดีเอ็นเอมากกว่า”
“กลัวอะไร สำหรับฉันแล้วไม่มีน้องดีกว่าอีก ไม่มีหล่อนฉันยังได้ส่วนแบ่ง 50% แต่ถ้ามีหล่อนฉันก็จะได้แค่ 30% จริงไหม?” เฉียวเจี้ยนฉีนั่งลงข้างเตียงฉัน หยิบพุทราจากตะกร้าผลไม้ของฉันเช็ดๆ บนเสื้อผ้าก็กัดกินเลย “หวานมาก เพราะคนให้ตะกร้าผลไม้คุณกินเก่ง ผลไม้ที่เลือกก็เลยอร่อยที่สุดด้วย”
ฉันมองเฉียวเจี้ยนฉีอย่างปวดหัว เสียงโทรศัพท์ของเฉียวอี้ดังขึ้นพอดี เธอจึงออกไปรับสาย
เฉียวเจี้ยนฉีนั่งลงตรงหน้าฉันพลางตั้งใจกัดกินพุทราลูกนั้น
ตั้งแต่ที่กินข้าวกับเขาไปครั้งนั้น พวกเราก็ไม่เจอหน้ากันอีกเลย เขากินพุทราเสร็จก็เลิกผ้าห่มขึ้นตรวจสอบขาของฉัน
“ผมว่าคุณทำบัตรวีไอพีของโรงพยาบาลเถอะ เข้าๆ ออกๆ ได้ตามใจ”
ฉันมองปากพล่อยๆ ของเขา “ช่วงนี้เฉียวอี้เหนื่อยมาก ทั้งเรื่องบริษัททั้งเรื่องพ่อเฉียว คุณช่วยอย่าทำให้เธอลำบากไปมากกว่านี้ได้ไหม เธอเป็นน้องสาวของคุณนะ”
“ถ้าผมเป็นคุณ ทั้งวิวาห์ล่ม ทั้งสุขภาพไม่ดี ผมจะไม่มานั่งยุ่งเรื่องของคนอื่นแบบนี้นะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...