ฉันยังไม่ทันกัดเล็บหมดสักเล็บ สีชิงชวนก็เตรียมจะเปิดประตูออกไปด้านนอก
ฉันถามเขาอย่างงงงัน “คุณจะไปไหน?”
“ทำธุระของผม”
“ธุระอะไรของคุณ?”
“ผมจะไปบริษัท”
“งั้นคุณมาที่นี่ทำไม?”
“ผ่านมาพอดีก็เลยแวะมา”
“แต่ว่า…” ฉันลุกขึ้น “ข้างนอกมีแต่เรื่องวุ่นวาย พวกผู้บริหารระดับสูงพวกนั้นกำลังจะคิดบัญชีกับฉัน”
“นั่นมันก็เรื่องของคุณ” มือเขากุมลูกบิดประตูไว้และหันมามองฉัน “คุณจะมุดหัวอยู่แต่ในทรายเป็นนกกระจอกเทศไปตลอดไม่ได้ เรื่องของคุณ คุณต้องจัดการเอง”
“แต่ฉันจัดการไม่เป็นนี่”
“งั้นก็หัดเรียนรู้ที่จะจัดการ”
“สอนฉันนะ”
“นี่คุณหัดสร้างสถานการณ์เรียกร้องค่าเสียหายเหรอ?” สีชิงชวนยิ้มหยัน “คุณมีสมองแต่ไม่ใช้ มันจะขึ้นสนิมเอานะ”
พูดจบ สีชิงชวนก็เปิดประตูออก จากนั้นก็เดินออกไปจริงๆ
ฉันไม่รู้ว่าเขามาทำไม เหมือนกับมาไล่หนีอีโจวให้ออกห่างจากตัวฉันและให้ฉันเผชิญหน้ากับเรื่องพวกนี้คนเดียวอย่างนั้นแหละ
ที่จริงหนีอีโจวยังสามารถช่วยปกป้องฉันได้บ้าง แล้วตอนนี้ล่ะเป็นไง ทำไมเขาต้องทำแบบนี้กับฉันด้วย?
สีชิงชวนเป็นโรคหลายบุคลิกหรือเปล่าเนี่ย?
เขาทำแบบนี้มันทำให้สับสนจริงๆ ด้านหนึ่งเขาก็เหมือนจะปฏิบัติกับฉันอย่างดี แต่อีกด้านกลับทรมานฉันสารพัด
ชาติที่แล้วฉันคงติดหนี้เขาจริงๆ ชาตินี้เขาก็เลยมาเอาคืน
ตอนนี้ฉันหัวเดียวกระเทียมลีบ ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงโทรหาเฉียวอี้ให้เธอมาช่วยแล้ว แต่ตอนนี้เฉียวอี้ไม่โทรหาฉันเลยเพราะเรื่องของฉินกวน
ฉันไม่รู้ว่าเขาโกรธฉันหรือเปล่า ตอนนี้ฉันก็เลยไม่กล้าโทรหาเธอ
ตอนนี้ดูเหมือนฉันต้องพึ่งตัวเองแล้วล่ะ ไม่งั้นฉันต้องแย่แน่ๆ งั้นก็จัดงานแถลงข่าวชี้แจงเรื่องตอนนี้ทั้งหมดแล้วกัน แบบนี้ก็จะได้กอบกู้ชื่อเสียงของเซียวซื่อกรุ๊ปกลับมาด้วย ฉันจะได้ไม่ต้องโดนด่าเละแบบนี้
แต่ถ้าฉันทำแบบนี้จริงๆ งั้นต่อไปฉันต้องโดนเฉียวอี้ด่าตายแน่ๆ
มันไม่ใช่ความผิดของฉันและทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นฝีมือพวกเธอแท้ๆ ทำไมฉันต้องล้างมลทินให้พวกเธอด้วย?
ฉันคิดวุ่นวายจนตัวเองจะบ้าตายอยู่แล้ว นอกจากจะขังตัวเองไว้ในห้องทำงานแล้ว ฉันก็ไม่รู้เลยว่าควรทำยังไงดี
ช่างเถอะ ฉันใช้วิธีแก้ปัญหาเชิงลบไปก่อนแล้วกัน ยังไงตอนนี้ก็เย็นแล้ว พวกเขาคงไม่รอฉันอยู่ข้างนอกโดยไม่ยอมเลิกงานไปตลอดหรอก
ยังไงก็ต้องมีช่วงที่เลิกงานสิ
ฉันล็อกประตูไว้ พวกเขาจึงบุกเข้ามาไม่ได้ จากนั้นก็รอเวลาเลิกงาน และแล้วเสียงเอะอะโวยวายด้านนอกก็ค่อยๆ ลดน้อยถอยลงจริงๆ
รอจนกระทั่งท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ก็จะไม่เหลือคนอยู่แล้ว
ฉันมองเวลาก็พบว่านี่มันหนึ่งทุ่มกว่าๆ แล้ว จึงหยิบของและเดินออกมาจากห้องทำงาน มองไปรอบก็พบแต่ความมืดมิด ทุกคนกลับไปหมดแล้ว
ฉันจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที ดูเหมือนวิธีการเชิงลบก็เป็นการแก้ปัญหาได้อย่างหนึ่ง
รอค่ำแล้วกลับไป ฉันจะโทรหาเฉียวอี้และอธิบายให้เธอฟังเกี่ยวกับเรื่องของฉินกวน แล้วก็ให้เธอคิดหาวิธีช่วยฉันไปด้วย
ฉันกำลังจะเดินออกไปที่ประตูลิฟต์ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของใครบางคนดังออกมาจากมุมมุมหนึ่ง “วิธีหนีของคุณนี่สุดยอดจริงๆ!”
จู่ๆ ก็มีเสียงคนพูดขึ้น แถมยังดังออกมาจากมุมมืดๆ อีกต่างหาก ไม่ได้ทำให้ฉันตกใจจนฉี่ราด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...