หลี่เฉิงหมิงยืนอยู่ตรงหน้าฉันเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็หลุดออกจากห้วงภวังค์แห่งความงุนงง
“เป็นไปได้ไหมว่าคุณนายเซียวนั้นมีอาการป่วยจริงๆ?”
จากคำพูดนี้ของหลี่เฉิงหมิงสามารถตัดสินใจได้ว่าการร้องไห้อย่างหนักหน่วงก่อนหน้านี้ของเขานั้นคือการเสแสร้งแกล้งทำ แม่เลี้ยงและเขาสมรู้ร่วมคิดกัน
“ใช่ ป่วยจริงๆ เมื่อน้าตื่นและได้สติแล้วคุณก็พูดกับหล่อนแล้วกัน”
“ทำไมเป็นผมล่ะ?”
“ก็เพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับหล่อนนั้นดีกว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับหล่อนไงคะ”
“ไม่ ไม่ ไม่ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรานั้นเป็นเพียงเจ้านายกับลูกน้องก็เท่านั้น” หลี่เฉิงหมิงส่ายศีรษะราวกับกลองไม้เขย่า “อันที่จริงแล้วผมเองก็ไม่ได้สนิทสนมกับคุณนายเซียวสักเท่าไร อย่างไรเสียคุณก็เป็นลูกบุญธรรมของหล่อน คุณเป็นคนบอกหล่อนน่ะดีแล้ว” หลี่เฉิงหมิงยัดเอกสารใส่มือของฉันจากนั้นเขาก็วิ่งหนีไป
มองไปยังแผ่นหลังที่ร้อนรนของเขา ฉันงงงวยเล็กน้อย
ความสัมพันธ์ของการใช้ประโยชน์ร่วมกันนั้นเปราะบางมาก ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่สามารถหนุนหลังตนเองได้อีกแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งนั้นก็จะถอยหนีและเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
หลังจากที่คุยกับหลี่เฉิงหมิงเสร็จ ฉันรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
เรื่องอาการป่วยของแม่เลี้ยง ฉันไม่ต้องการให้คนอื่นรู้มากนัก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดข่าวลือซุบซิบภายในบริษัท
ฉันวิ่งไล่ตามหลังเขา “รองประธานหลี่ รองประธานหลี่!”
เขาเข้าไปด้านใน ประตูลิฟต์ปิดลงต่อหน้าต่อตาฉัน
ฉันไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเขา ทำได้เพียงแค่กดลิฟต์อีกตัวหนึ่งเพื่อไล่ตามเขา
เมื่อประตูลิฟต์เปิด สีชิงชวนยืนอยู่ตรงหน้า
ราวกับว่าเขานั้นปรากฏตัวอยู่ทั่วทุกที่ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขานั้นมาหาฉันหรือเปล่า
“รีบร้อนไปไหน?” เขาก้าวออกจากลิฟต์ เหยียดมือออกมากดลงบริเวณไหล่ของฉันพลางก้มศีรษะมองสำรวจ “ไล่ตามผู้ชายเหรอ?”
“เหอะ” ฉันผลักมือของเขาออก “อะไรนกัน พูดจาน่าเกลียดขนาดนี้”
“เมื่อกี้ด้านล่างเห็นรองประธานบริษัทเซียวซื่อกรุ๊ปคนหนึ่ง ไม่ใช่ว่าคุณรีบร้อนขนาดนี้เพื่อจะไปหาเขาหรอกหรือ?”
“แกล้งโง่สักเรื่องจะตายหรือเปล่า?” ฉันไม่มีเวลามาพูดคุยเล่นกับเขา ฉันรีบร้อนเข้าไปภายในลิฟต์
สีชิงชวนเดินเข้ามาด้านในพร้อมกับฉัน ฉันเอ่ยถามเขา “คุณจะทำอะไร?”
“ความสามารถในการสยบผู้อื่นของคุณ เรื่องที่คุณต้องการให้รองประธานคนนั้นทำ เขาไม่มีทางสนใจคุณอย่างแน่นอน จะไม่มีผมได้อย่างไร?”
เหอะ คนที่มีความสามารถก็มักจะมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก
แต่ทว่า ฉันอิจฉาริษยาความมั่นใจของเขาเป็นอย่างมาก
ฉันเพียงแค่ขาดความมั่นใจในตัวเองแบบนี้
ภายในหัวใจของฉันกำลังครุ่นคิดพิจารณาว่าต้องอย่างไรถึงจะทำให้หลี่เฉิงหมิงนั้นเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แต่ทว่าสีชิงชวนที่อยู่ด้านข้างฉันกลับเข้ามาลวนลามฉัน
เขาเข้ามาสัมผัสใบหน้าของฉัน กอดฉันไว้จากด้านหลัง คางของเขาเกยไหล่ของฉัน ฉันไม่รู้ว่าคางของเขาแข็งแค่ไหน รู้สึกได้ถึงความคม ฉันรู้สึกเจ็บเจียนตาย
“คุณทำคางมาหรือยังไง? ทำไมแหลมขนาดนี้?” ฉันดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนของเขา
แต่เขากลับมีความสุขมาก กอดฉันแน่นไม่ยอมปล่อย ไม่ว่าฉันจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่อาจหลุดพ้นจากเขาได้เลย “อือ ใบหน้าของผมมันก็ปลอมทั้งหมดนั่นแหละ ใบหน้านี้ผมมีต้นแบบมาจากใบหน้าของอแลง เดอลอง”
เขาพูดแบบนี้ ฉันเองก็คิดว่าเขาดูคล้ายกับอแลงเดอลองเล็กน้อย แต่ทว่าใบหน้าของเขานั้นละเอียดและประณีตกว่าชาวต่างชาติ
เขาหมุนตัวฉันที่อยู่ภายในอ้อมแขนของเขา จ้องมองและสำรวจใบหน้าของฉัน “แม่เลี้ยงของคุณหาเรื่องเอง คุณไม่จำเป็นต้องไล่ตามหรอก อยู่ในบริษัทเฉยๆก็พอแล้ว จะวิ่งไล่ตามอย่างโง่เง่าไปทำไม?”
“อย่างไรเสียหล่อนก็เป็นแม่เลี้ยงของฉัน ถ้าหากหล่อนไม่ได้เสแสร้งล่ะ?” จิตใจของฉันไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว เพราะตอนนี้ฉันกำลังให้ความสนใจว่าใบหน้าของเขานั้นเป็นของปลอมทั้งหมดจริงหรือเปล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...