“ท่านประธาน…” พวกเธอเอ่ยขึ้นอย่างโศกเศร้า “จริงๆ เรื่องทั้งหมดมันเป็นแบบนี้ค่ะ ชาลดน้ำหนักแก้วนั้นเป็นของฉันเอง ที่จริงเรื่องทั้งหมดมันเป็นเรื่องเข้าใจผิดค่ะ ฉันอยู่ในห้องของเลขาหร่วนพอดี นึกขึ้นได้ว่าชาฉันวางอยู่ในห้องคอมมอนรูมยังไม่ได้ยกออกมา ฉันก็เลยโทรไปหาเลขาหลิว บอกให้เธอเอาชาฉันกลับมาด้วย แต่เลขาหลิวน่าจะฟังผิด แล้วเธอยังเห็นว่าเป็นเบอร์ที่โทรมาจากห้องทำงานของเลขาหร่วนอีก คิดว่าเลขาหร่วนโทรมา ก็เลยเอาชาลดน้ำหนักมาไว้ที่โต๊ะคุณค่ะ”
“ใช่ค่ะๆ ฉันฟังไม่ชัด ฉันคิดว่าเลขาหร่วนโทรมาจริงๆ ทั้งหมดมันเป็นเรื่องเข้าใจผิดค่ะ”
“เห็นเบอร์โทรแล้ว แม้แต่เสียงก็ฟังผิดไปเหรอ?” ฉันคล้ายจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม ยังไงลับหลังพวกเขาก็ชอบพูดบ่อยๆ อยู่แล้วว่าฉันเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ งั้นฉันแสดงท่าทางของคนหน้าเนื้อใจเสือให้เห็นสักหน่อยแล้วกัน
“ฟังผิดจริงๆ เหรอ”
“แล้วคุณล่ะ?” ฉันพยักพเยิดหน้าให้เลขาอีกคนหนึ่ง “คุณไม่ได้เป็นคนรับโทรศัพท์ ชาก็ไม่ใช่ของคุณ ทำไมคุณต้องมาเป็นพยานให้เธอด้วย?”
“ฉะ ฉัน…” เธออ้ำๆ อึ้งๆ “ฉันค่อนข้างเชื่อถือเลขาหลิวค่ะ”
ไม่ว่าสิ่งที่พวกเธอจะเป็นเรื่องจริงไหม ยังไงก็นับว่าหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผลได้แล้ว
ฉันไม่คิดจะถือสาหาความพวกเธอ จะว่าไปแล้ว มันก็เป็นการต่อสู้ภายในและการไล่พนักงานออกพร้อมกันในครั้งเดียวจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทได้
ฉันบอก “ในเมื่อมันเป็นแบบนั้น ยังจำกฎของบริษัทได้ไหม? ท่องมารอบหนึ่ง แล้วบอกมาซิว่าพวกคุณฝ่าฝืนกฎข้อไหน ควรรับโทษยังไง”
พวกเขาหันมองหน้ากัน กฎของบริษัทจะว่าบางก็ไม่บางแต่จะว่าหนาก็ไม่หนา มีอยู่หลายสิบหน้าเหมือนกัน พวกเธอจะไปจำได้ได้ไง?
นี่นับว่าเป็นหนึ่งในบทลงโทษเล็กๆ อย่างหนึ่ง
หร่วนหลิงพูดด้วยใบหน้าเย็นชา “ให้เวลาพวกเธอสองชั่วโมง ไปท่องกฎของบริษัทมา”
พวกเธอพยักหน้าซ้ำๆ ไม่หยุด “ค่ะๆๆ”
ตอนค่ำฉันมีงานเลี้ยงสังสรรค์พอดี ฉันมองเวลาแวบหนึ่ง “ครบสองชั่วโมงแล้ว ฉันจะที่อยู่พวกคุณ พวกคุณก็ค่อยมาท่องให้ฉันฟังแล้วกัน”
“ทราบแล้วค่ะ ท่านประธาน” พวกเธอรับคำอย่างว่าง่าย จากนั้นก็เดินออกจากห้องทำงานของฉันไป
เธอเพิ่งออกไปและปิดประตูลงได้ไม่เท่าไหร่ หร่วนหลิงก็ยกนิ้วโป้งให้ฉันทันที “ท่านประธานคะ คุณหัวไวมากเลยค่ะ ฉันยังคิดไม่ออกเลยว่าจะลงโทษพวกเธอยังไงดี ไม่คิดว่าคุณจะให้พวกเธอท่องกฎบริษัท”
“นี่ไม่นับว่าเป็นการลงโทษหรอกนะ ทุกคนควรท่องกฎบริษัทให้ได้” ฉันเงยหน้าขึ้นมองหร่วนหลิงช้าๆ “ไม่รู้ว่าคุณท่องได้หรือยัง?”
หร่วนหลิงรีบหดหัวตัวเองทันใด “เหมือนจะใกล้ถึงเวลาที่นัดกับประธานฉินไว้แล้วนะคะ ฉันไปหาชุดให้คุณนะ!”
หร่วนหลิงรีบฉวยโอกาสวิ่งออกไปทันที ฉันแค่ล้อเธอเล่นก็เท่านั้น ฉันรู้หรอกน่า จะมีใครที่ไหนท่องกฎบริษัทอะไรพวกนี้ได้สักกี่คนกันเชียว?
คืนนี้นักดินเนอร์เพื่อคุยเรื่องงานกับฉินกวน แล้วก็เป็นเพราะต้องมาสังสรรค์กับเขา ฉันจึงได้รับการอนุมัติเป็นพิเศษจากสีชิงชวนให้ไปดินเนอร์ได้
ฉันนัดกับฉินกวนไว้ตอนหกโมง ตอนที่ฉันมาถึงก็พบว่าเขามาถึงก่อนแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจเล็กน้อยคือเขาไม่ได้มาคนเดียว ข้างๆ เขายังมีหญิงคนหนึ่งที่อายุไล่เลี่ยกับเขานั่งอยู่ด้วย
เธอไว้ผมสั้นดูเป็นระเบียบเรียบร้อย หน้าตาเธอสะสวย ถึงแม้ว่าบนใบหน้ามีร่องรอยแห่งกาลเวลาอยู่บ้าง แต่ฉันกล้ารับประกันได้เลยว่าเธอไม่เคยทำศัลยกรรมตกแต่งใดๆ แค่บำรุงผิวตามปกติเท่านั้น
หน้าของเธอจึงดูเป็นธรรมชาติมาก เหมาะกับรสนิยมในด้านความงามที่มีมาแต่ไหนแต่ไรของฉินกวนมากๆ
ฉันลังเลอยู่เล็กน้อย จากนั้นก็เดินไปที่เขา
ฉินกวนแนะนำให้ฉันรู้จัก “ท่านนี้คือรองประธานของบริษัทเรา เจินเสียน หรือคุณเจิน”
อ้อ ที่แท้ก็เป็นรองประธานของบริษัทฉินกวนนี่เอง เมื่อกี้ฉันคิดอะไรโน่นนี่นั่นไปเรื่อยกันนะ? เกือบจะเรียกร้องหาความยุติธรรมแทนเฉียวอี้ไปแล้วด้วยซ้ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...