ในที่สุดคุณแม่เฉียวก็ได้ออกจากห้องฉุกเฉิน เธอแค่สะเทือนใจมากไปเกินจนทำให้เป็นลมหมดสติ ซึ่งตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว
เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายศพได้มารอนานแล้ว ฉันและเฉียวอี้ยืนหยัดไม่ให้พวกเขาห่อศพของคุณพ่อเฉียวไป ต้องให้คุณแม่เฉียวเห็นหน้าคุณพ่อเป็นครั้งสุดท้ายให้จงได้
ภาพเหตุการณ์ต่อมา อาจจะเรียกได้ว่าเป็นภาพที่น่าเวทนาที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลย
คุณพ่อเฉียวถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉิน ส่วนคุณแม่เฉียวก็นอนอยู่บนเตียง และถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉินอีกห้องหนึ่งเช่นกัน
ทันทีที่เตียงทั้งสองเข็นผ่านกัน คุณแม่เฉียวยื่นมือไปจับมือของคุณพ่อเฉียวที่ห้อยลงมาใต้ผ้าห่มด้วยแรงที่มีทั้งหมด หลังจากนั้นถูกอู๋ซือเหมยพุ่งเข้ามาดึงออกไปโดยไม่ได้ทันตั้งตัว
เธอวิ่งเข้ามาโผลกอดคุณพ่อเฉียวกรีดร้องด้วยความรู้สึกใจแตกสลาย “ ตายแล้วก็ไม่ยอมให้พวกเธอเอาตัวไป ไม่ยอมให้ตาย ฉันต่างหากที่เป็นภรรยาคนแรกของเขา เธอมันนางจิ้งจอก นางเมียน้อย นางตัวซวย ตัวนำเคราะห์ร้าย ! ”
“ เฉียวเจี้ยนฉีมาพาคุณแม่ของนายไป เร็วเข้า ! ” ฉันตามหาเขาที่ทางเดิน เฉียวเจี้ยนฉีก็รีบพุ่งเข้ามากอดแม่ของเขาจากด้านหลังแล้วพาตัวออกไป
เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายศพเอาตัวคุณพ่อเฉียวไป คุณแม่เฉียวที่นอนอยู่บนเตียงแรงลุกขึ้นจะมาดูก็ไม่มี
คุณแม่เฉียวและเฉียวอี้เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา ซึ่งความจริงแล้วพวกเขาก็บอบบางเหมือนกับผู้หญิงทั่ว ๆ ไป เพียงแต่ว่าพวกเขามีความเชื่อที่คอยยึดเหนี่ยวมาโดยตลอด
ตอนนี้คุณพ่อเฉียวไม่อยู่แล้ว สิ่งที่ยึดเหนี่ยวใจของพวกเขาก็แตกสลายเช่นกัน
คุณแม่เฉียวล้มลง เฉียวอี้ก็ล้มลงเช่นกัน
ฉันเล่นกับเฉียวอี้มาตั้งแต่เล็กจนโต สุขภาพร่างกายเธอแข็งแรงมาก
บางครั้งเป็นหวัด แม้แต่ยาก็ไม่กิน จิบน้ำร้อนอึกสองอึกก็ดีขึ้นแล้ว
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่รุนแรงมากก็คือพวกเราไปปีนเขาด้วยกัน หลังจากนั้นเธอปีนขึ้นสูงไปหน่อยเลยทำให้ตกลงมาขาหัก นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานกว่าครึ่งเดือนเลย
ตอนนี้เฉียวอี้นอนปวกเปียกอยู่บนเตียงสองวันเต็ม ๆ จนกระทั่งพิธีงานศพของคุณพ่อเฉียวในวันที่สามเธอถึงได้ฝืนทนลุกขึ้นมาร่วมงาน
คุณแม่เฉียวก็ไม่ได้ไปร่วมพิธีงานศพของคุณพ่อเฉียว อีกอย่างคุณแม่เฉียวตอนนี้ท่านคือผู้นับถือศาสนาคริสต์ คุณพ่อเฉียวไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ ดังนั้นพิธีการจัดงานศพของคุณพ่อเฉียวจึงได้ทำตามแบบขนบธรรมเนียมจีน
ในงานศพวันนี้ อู๋ซือเหมยได้มาออกหน้าออกตา
เธอทำตัวเป็นภรรยาคนปัจจุบันของคุณพ่อเฉียว เธอสวมชุดกี่เพ้าสีดำและถือดอกไม้สีขาว
แต่ว่าอย่างไร ฉันก็ดูออกว่าเธอก็รู้สึกโศกเศร้าจริง ๆ เช่นกัน
ฉันเพิ่งเข้าใจตอนนี้ว่าทำไมเธอถึงได้พยายามตามรังควานคุณพ่อเฉียวไม่หยุดหย่อน เพราะว่าความเกลียดชังของเธอเกิดจากความรักนั่นเอง
ทั้งรักทั้งเกลียด แม้แต่ตัวของอู๋ซือเหมยเองก็น่าจะแยกไม่ออกว่า สรุปว่าตัวเธอเองรักคุณพ่อเฉียวหรือเกลียดชังกันแน่
ในพิธีงานศพของคุณพ่อเฉียว อู๋ซือเหมยร้องไห้ร่ำลา และได้พูดเรื่องราวมากมาย พูดเหมือนกับว่าตนเป็นคุณนายหญิงแห่งตระกูลเฉียว ซึ่งตอนี้เธอเป็นแค่อดีตภรรยา
เป็นภรรยาคนแรกคำนี้ฉันไม่คัดดค้านเลย ทว่าพวกเขาต่างก็หย่าร้างกันไปตั้งนานแล้ว เธอถือสิทธิสวมบทบาทเช่นนี้ค่อนข้างไม่ดีเลย
ทว่าเวลานี้เฉียวอี้ไม่มีแรงที่จะมาถือสากับเธอเรื่องนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเฉียวอี้อ่อนแอที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
หนีอีโจวก็มาร่วมงาน พิธีงานศพสองสามวันนี้โดยส่วนใหญ่ฉันต้องทำเพียงคนเดียว โชคดีที่มีหนีอีโจวคอยช่วยเหลือ
ในพิธีสุดท้ายของงานศพฉันเห็นสีชิงชวนอยู่ที่หน้าประตูงาน ซึ่งเขามาก็ไม่แปลก เพราะว่าคุณพ่อเฉียวและสีชิงชวนเคยทำธุรกิจด้วยกัน
เขายืนอยู่ที่หน้าประตู เลขาคนใหม่ของเขากำลังดึงดอกไม้ขาวดอกเล็กที่ติดไว้บนอกของเขาออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...