ก่อนไปที่ตึกสำนักทนายความ จิตใจของฉันพร้อมมาก
ในสมองของฉันคิดเรื่องดราม่ามากมาย สีชิงชวนอาจจะไม่ได้คิดที่จะหย่ากับฉันก็ได้ เพียงแค่ทำให้ฉันตายใจ หรือว่าเหมือนกับละครน้ำเน่าอะไรแบบนั้น แบบฉันเซ็นใบหย่ากลับไม่ใช่ใบหย่า
ทว่าเป็นเพียงแค่จินตนาการ ละครน้ำเน่ายังไงก็เป็นละครน้ำเน่าอยู่ดี
ตอนที่ฉันมาถึงสีชิงชวนก็ถึงแล้วเช่นกัน เขานั่งอยู่ที่โซฟาในห้องสำนักงานทนายด้วยท่าทีไขว่ห้างผ่อนคลายสบาย ๆ
ตั้งแต่เมื่อวานฉันก็พบว่าสีชิงชวนได้เปลี่ยนไปเป็นสีชิงชวนเมื่อก่อน ที่เมื่อก่อนดูหน้าเกรงขาม เย็นชา จนกระทั่งไร้อารมณ์
ทนายความนำใบหย่ามาให้ฉันอ่าน ฉันรีบเปิดพลิกดูไปมา ซึ่งเหมือนฉบับก่อนของฉันเลย
ฉันก็บอกแล้วว่าฉันไม่ต้องการทรัพย์สินใด ๆของสีชิงชวนแม้แต่สักบาทเดียว อย่างไรสีชิงชวนก็เป็นนักธุรกิจ เขาก็ไม่ได้มีน้ำใจชดเชยให้กับฉันมากเป็นพิเศษหรอกค่ะ แน่นอนค่ะว่า ต่อให้เขาต้องการให้ ฉันก็รับไว้ไม่ได้ค่ะ
เดิมทีที่ฉันแต่งงานกับสีชิงชวนไม่ใช่เพราะว่าทรัพย์สมบัติ แรกเริ่มเป็นเพราะว่าคุณพ่อ ต่อมาเป็นตัวของฉันเองค่ะ
เพราะว่าตึกสำนักงานทนายความกับตึกสำนักงานกิจการพลเรือนต่างก็มีการทำงานร่วมงาน ทางฝั่งฉันนี้ได้เซ็นใบหย่าเรียบร้อยแล้ว ทนายทางฝั่งนั้นจะพาพวกเราไปดำเนินการที่ศูนย์บริการด้านงานธุรการที่ตึกเดียวกัน
ในใบหย่าสีชิงชวนได้เซ็นชื่อของตัวเองลงไป และฉันก็ได้หยิบปากกาเซ็นชื่อลงไปเช่นกัน ซึ่งช่วงจังหวะเวลานี้ สีชิงชวนไม่ได้พูดอะไรกับฉันสักคำ เขาเอาแต่ก้มหน้ามองโทรศัพท์อยู่ตลอด
ต่อมาทนายความได้พูดขึ้นว่า “ ในเมื่อคุณทั้งสองได้เซ็นใบหย่าตามเงื่อนไขนี้เรียบร้อยแล้ว คงไม่มีเรื่องอื่นที่ต้องการเรียกร้องใช่หรือเปล่าครับ ”
ฉันพยักหน้า สีชิงชวนไม่ได้พูดอะไร ซึ่งถือว่าเป็นการยอมรับในเงื่อนไขนั้นแล้ว
ทนายลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ ในเมื่อท่านทั้งสองไม่มีเรื่องคัดค้านอะไรอีก ถ้างั้นพวกเราไปดำเนินการที่ตึกด้านข้างกันเถอะครับ ”
ดังนั้นฉันกับสีชิงชวนจึงไปที่ช่องดำเนินการเรื่องหย่าร้าง ผ่านไปประมาณ 5 นาที ก็ได้หนังสือหย่าสีแดงสดเล่มนั้นมา
ฉันคิดไม่ถึงเลยว่ามันจะราบรื่นมากขนาดนี้ ฉันถือใบหย่า เดิมทีอยากจะพูดอะไรหน่อยกับสีชิงชวน ทว่าเขากลับส่งใบหย่าให้กับผู้ช่วยข้างกายเขาและพยักหน้าพูดกับฉันว่า “ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ”
แม้แต่พูดคำว่าลาก่อนฉันก็ไม่ทันได้พูด เขาก็หันหลังเดินจากไป อาจเพราะว่าบางทีวันนั้นฉันพูดทำร้ายเขามากเกินไป คนที่ทั้งฉลาดทั้งมีความรับผิดชอบต่อตนเองอย่างสีชิงชวนวันนั้นฉันกลับปฏิเสธเขา เขาถึงได้กลับมาเป็นเขาในอดีตได้อย่างรวดเร็ว
แบบนี้ก็ดีแล้ว ความสามารถในการรักษาบาดแผลของเขาแข็งแกร่งมาก
บางทีสำหรับเขาแล้วอาจจะไม่ได้เรียกว่าบาดแผล แต่เป็นเพียงรอยขีดข่วนเล็กน้อยก็เป็นได้
ฉันไม่ได้ทำร้ายใคร ฉันควรที่จะมีความสุขถึงจะถูกต้อง ทว่าฉันมองด้านหลังของสีชิงชวน ในใจฉันเต็มไปด้วยความรู้สึกสูญเสีย ไม่เพียงรู้สึกถึงความสูญเสีย ความผิดหวัง ยังรวมถึงความรู้สึกหมดหวังลึก ๆ ด้วย
แต่ก่อนฉันคิดมาตลอดว่าฉันชอบหนีอีโจว ความจริงแล้วนั่นเป็นเพียงความโหยหาของเด็กสาวในช่วงนั้นเท่านั้นเอง ซึ่งนั้นไม่ใช่ความรัก
ต่อมาฉันคบกับสีชิงชวน ฉันได้ลิ้มลองถึงรสชาติชีวิตที่แตกต่างกันออกไปมากมาย เวลามีความสุขก็สุขมาก เวลาโศกเศร้าก็มีความหมดหวังในส่วนลึก อารมณ์ความรู้สึกสุขทุกข์ปิติยินดีและผิดหวังได้บอกกับฉันว่า นี่แหละคือความรัก
ความรักเป็นสิ่งมหัศจรรย์มาโดยตลอด พบเจอได้แต่แสวงหาไม่ได้
ฉันได้สัมผัสแล้ว ทว่ากลับคว้าเอาไว้ไม่ได้
ต่อไปนี้ฉันไม่รู้ว่าจะรู้สึกยินดีไปรักใครอีกคนแบบนี้อีกหรือเปล่า ซึ่งฉันคิดว่าคือพบเจอได้แต่แสวงหาไม่ได้
ฉันเก็บใบหย่าไว้ในกระเป๋า ยังไม่ทันได้เสียใจ ก็รับสายจากเลขาของเฉียวอี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...