ฉันไม่เคยคิดว่าจะมาเจอสีชิงชวนอีกครั้งในสถานการณ์แบบนี้ แถมเขายังแต่งชุดพิธีการเตรียมจะหมั้นหมายกับเซียวซือด้วย
ถึงแม้ในใจฉันจะรู้ดีว่าที่เขาทำไปทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะเขารักเซียวซือ แต่เขาแค่อยากใช้เซียวซือมายั่วโมโหฉัน
แต่ในใจฉันก็ยังรู้สึกรับได้ยากกับเรื่องนี้อยู่ดี
เพราะสายตาที่เขามองฉัน แตกต่างจากสายตาที่เขามองฉันเมื่อไม่กี่วันก่อนที่เขาไปหาฉันที่โรงแรมอย่างสิ้นเชิง
เขาดูเย็นชามากจนทำเหมือนฉันเป็นเพียงแค่พนักงานคนหนึ่งในร้านเท่านั้น
ในนิยายรักโรแมนติกมีคำพูดหนึ่งที่พูดไว้ว่า : สิ่งที่เจ็บปวดใจทำร้ายจิตใจกันมากสุดคือการทำเป็นไม่มีตัวตน
ช่วงขณะนั้นสีชิงชวนทำเป็นเหมือนเมื่อวานมองไม่เห็นฉัน เขาน่าจะมองไม่เห็นฉันจริงๆ สายตาของเขามองผ่านหน้าฉันไปแบบเลือนลาง
ฉันต้องรู้สึกเศร้าใจอยู่แล้ว แต่ฉันก็สามารถทำเป็นเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นได้
การแสดงละครของแบบนี้มันต้องใช้พรสวรรค์ ฉันว่าฉันก็มีพรสวรรค์ด้านนี้นะ
สีชิงชวนเดินมาข้างๆเซียวซือ ส่วนเซียวซือพอได้ทีก็เอามือไปควงแขนของสีชิงชวนจากนั้นก็เอียงหน้ามาซบที่ไหล่ของสีชิงชวน “อืม ชุดของนายชุดนี้ก็ดูดีนะ แต่พอเทียบกับฉันแล้วชุดเราดูไม่ค่อยเข้ากับเท่าไหร่”
“ไม่เข้ากันก็หาจนกว่าจะเจอชุดที่เข้ากันกับเธอได้” สีชิงชวนยื่นมือออกมาไปโอบกอดที่ไหล่ของเซียวซือ พร้อมกับก้มหน้ายิ้มให้
น้ำเสียงของเขาดูอ่อนโยนทุนุถนอม แต่ฉันฟังดูแล้วก็รู้สึกขนลุกจริงๆ
แต่พอได้ฟังแบบนี้แล้วก็พอจะรู้ว่าเขาแกล้งทำและตั้งใจทำให้ฉันดู ตอนนี้ฉันแทบจะยืนยันได้ 100%ว่าที่สีชิงชวนทำแบบนี้ก็เพื่อตั้งใจทำให้ฉันดู
ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเด็กน้อยขนาดนี้ เด็กน้อยจนทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาไม่น่าจะทำเรื่องแบบนี้ได้
“นายมองไม่เห็นเซียวเซิงเหรอ?” ตอนที่สีชิงชวนกำลังจะหันตัวไปเปลี่ยนชุดพิธีการของเขา เซียวซือดึงมือของเขาแล้วถามด้วยเสียงเบาๆ
“มองไม่เห็น” สีชิงชวนตอบ “เขาอยู่ไหน มีคนแบบนี้อยู่ด้วยหรอ?”
จากนั้นเขาก็ไปเปลี่ยนชุดที่ห้องลองชุด ปากของเซียวซือมีรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับกางมือใส่ฉัน “เป็นไงละ? สีชิงชวนดูท่าจะเกลียดเธอยิ่งกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะ”
ฉันสะกิดที่ไหล่ของเฉียวอี้พร้อมกับหันตัว “ไปกันเถอะ”
“เซียวเซิง “เซียวซือตะโกนเรียกฉัน “ให้ที่อยู่เธอกับฉันหน่อยสิ ฉันจะส่งการ์ดเชิญไปให้เธอ”
“เชิญด้วยปากเปล่าก็พอแล้ว” ฉันพูดกับเธอ “แค่การหมั้นไม่ต้องใช้การ์ดเชิญหรอก จะทำให้คนอื่นรู้สึกว่ามันแปลกซะเปล่า รอถึงวันที่เธอกับสีชิงชวนแต่งงานกันค่อยส่งการ์ดเชิญมาก็ยังไม่สายนะ”
ฉันพูดแบบนี้ทำให้เซียวซือโกรธขึ้นมา เพราะฉันเห็นตาของเธอปรากฏความโกรธขึ้นอย่างรวดเร็ว “ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน เธอนี่ช่างตาต่อตาฟันต่อฟันดีจริงใครสอนเธอกัน? ในนิยายรักโรแมนติกเหรอ?”
ฉันสามารถยั่วโมโหเซียวซือได้ในระยะเวลาอันรวดเร็วอีกแล้ว ในใจก็รู้สึกถึงชัยชนะนิดนึง
ถึงแม้จะรู้ว่าการยั่วโมโหคนอื่นเป็นการทำเรื่องที่โง่เขลาอย่างหนึ่ง แต่ฉันอยากจะเห็นเซียวซือแสดงความทุลนทุรายให้ฉันดู เหมือนเซียวหลิงหลิงที่เป็นโรคประสาทเหมือนกัน
แต่ก่อนฉันรู้สึกว่าเซียวหลิงหลิงกับเซียวซือไม่เหมือนกันเลยสักนิด แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าพวกเขาสองคนเหมือนกันมาก เซียวซือก็ดูเหนือชั้นไปกว่าเซียวหลิงหลิงเท่าไหร่ แต่เธอแค่ร้ายกาจกว่าเท่านั้น
ฉันได้พิสูจน์แล้วว่าสีชิงชวนกับเซียวซือจะหมั้นหมายกันจริง ถึงในทางคำพูดฉันจะชนะเซียวซือ แต่ความจริงแล้วฉันก็รู้สึกเศร้าเป็นทุกข์รู้สึกถึงได้ถึงความพ่ายแพ้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...