สีชิงชวนดึงฉันไปใต้ไฟริมทาง ทันใดนั้นเขาก็หยุดกะทันหันจนฉันเกือบจะชนเข้า
เขาก้มลงและหรี่ตามองฉัน ฉันไม่รู้เลยว่าเขากำลังมองอะไรกันแน่ อยู่ ๆ เขาก็จับมาที่คางของฉัน “พวกนั้นลงมือกับคุณเหรอ ?”
“ไม่มีนะ…” ฉันครุ่นคิดอยู่สักพัก “โอ้ มีอยู่คนหนึ่งที่มาบีบคางฉัน”
“ทำไมมันต้องบีบคางของคุณด้วย ?”
“อาจจะเพราะจะดูว่าฉันทำศัลยกรรมมาไหม !”
“พวกนั้นโง่หรือเปล่า?” สีชิงชวนอยู่ ๆ ก็ถามฉันด้วยน้ำเสียงดุร้าย “มันคนไหนที่บีบคางคุณ ?”
“เอ่อ…” ฉันหันกลับไปมองคนพวกนั้นที่นอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น “คนนี้ คนที่ใส่หมวกแก๊ป”
สีชิงชวนปล่อยฉันก่อนจะเดินไปหาคนพวกนั้น ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรจึงได้แต่รีบเดินตามไป
เขาเหยียบลงไปที่อกของคนที่สวมหมวกแก๊ปสีเหลือง ก่อนที่จะถามฉัน “มันใช่ไหม ?”
คนนั้นตะโกนออกมาอย่างน่าสังเวช เสียงกรีดร้องราวกับสามารถทะลุขึ้นไปบนท้องฟ้าได้
ฉันมองดูอย่างละเอียดอีกครั้ง “ใช่”
เสียงของเขาที่ฉันได้ยินสามารถรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด ฉันพูดว่า “เขาก็แค่บีบคางของฉัน คุณไม่ต้องเอาชีวิตเขาหรอก”
“คุณบ้าไปแล้วหรือไง?” เขาดุฉัน “ถ้าผมมาช้าอีกแค่ก้าวเดียว คุณก็คงถูกพวกมันผลักเข้าไปในรถแล้ว คุณรู้ไหมว่าผลจะออกมาเป็นยังไงถ้าคุณเข้าไปในรถ ? พวกมันมีคนมากขนาดนี้แต่คุณเป็นผู้หญิงแค่คนเดียว คุณคิดถึงสิ่งที่น่ากลัวได้เลย !”
พอฉันมาคิดในตอนนี้มันก็ค่อนข้างน่ากลัวจริง ๆ ในตอนนี้พวกคนที่นอนอยู่บนพื้นก็ค่อย ๆ ลุกขึ้น แต่อาจจะเป็นเพราะอำนาจของสีชิงชวนทำให้คนพวกนั้นรู้สึกตกใจ เพราะแบบนั้นคนพวกนั้นที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นอยู่ไกล ๆ ไม่กล้าที่จะเดินเข้ามา
ฉันคิดว่าเขาคงจะอยากเหยียบอกคนพวกนั้นที่อยู่บนพื้นจนอกแตกไปเลย ฉันเองก็ไม่อยากพูดขอความเห็นใจให้กับคนพวกนั้น เพียงแต่แค่ไม่อยากให้อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องมันบานปลายไปกว่านี้
“ช่างมันเถอะ อีกสักพักก็จะมีคนมาจัดการคนพวกนี้ใช่ไหม?”
สีชิงชวนดึงขากลับมา ก่อนที่จะจับมือฉันอีกครั้งแล้วพาฉันเดินไปที่รถของเขา จากนั้นก็เปิดประตรถ
ครั้งนี้เขาใช้มือกั้นที่ขอบประตูรถก่อนที่ให้ฉันเข้าไป และยังช่วยฉันคาดเข็มขัดนิรภัยอย่างระมัดระวัง
ฉันบอกขอบคุณเขา แต่เขากลับทำหน้าอึมครึมไม่พูดกับฉันสักประโยค
เมื่อมาถึงแยกไฟแดงที่สอง ฉันก็ถามเขาว่า “คุณจะไม่ถามฉันหน่อยเหรอว่าฉันจะไปไหน ?”
“จะไปไหนล่ะ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ
“ฉันอยู่ที่วิลล่าของเฉียวอี้ แต่ว่าฉันไม่มีกุญแจเลยเข้าไปไม่ได้”
เขาใช้มือหนึ่งข้างวางไว้ที่พวงมาลัยก่อนจะมองมาที่ฉัน “หลังจากนั้นล่ะ ?”
“หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้เอาบัตรประชาชนมา เลยเปิดห้องในโรงแรมไม่ได้”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”
“จากนั้น…” ฉันมองไปที่หน้าของเขาอย่างระมัดระวัง “ฉันไม่มีที่ให้พัก ถ้าอย่างนั้น…” ฉันลองพูดหยั่งเชิงเขา “คุณช่วยหาที่พักให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
“พวกเราสองคนเลิกกันไปแล้ว การที่คุณจะกลับไปที่ตระกูสีมันดูไม่ค่อยจะสะดวกสักเท่าไหร่” เขาปฏิเสธฉันอย่างตรงไปตรงมา
“ฉันไม่ต้องกลับไปที่ตระกูลสีก็ได้ ฉันยังจำได้ว่าคุณยังมีวิลล่าที่อยู่ด้านนอก วิลล่าที่ครั้งก่อนที่พวกเราสองคนไปพักตอนได้รับบาดเจ็บ”
“ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่”
“ทำไมไม่สะดวกล่ะ? ถ้าคุณรู้สึกไม่สะดวกจริง ๆ คุณก็แค่ให้ฉันพักในวิลล่าของคุณ จากนั้นคุณก็กลับไปพักที่บ้านไง”
“ความหมายของผมคือ ไม่สะดวกให้คุณไปนอนที่วิลล่าของผม”
“หรือว่าคุณซ่อนผู้หญิงเอาไว้หรือไง ทำไมถึงไม่สะดวกกัน?” ช่างเป็นเรื่องยากจริง ๆ ที่ฉันจะทำตัวหน้าหนาแบบนี้ ไม่คุ้นเคยเลยจริง ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...