พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 47

ฉันนั่งอยู่บนที่นั่งของฉันต่อไปและมองดูสีชิงชวนทานหอยนางรมจนหมด เขาไม่แม้แต่จะบีบมะนาว และโยนหอยนางรมเข้าปากไปเหมือนคนป่าที่กินเนื้อสัตว์ดิบๆ

ฉันทานหอยนางรม แต่ไม่ทานแบบสดๆ อย่างน้อยก็ต้องเอาไปย่างให้สุกก่อนถึงจะทานได้

เขาทานเสร็จแล้ว ฉันรู้สึกอิ่มมาก เหมือนหอยนางรมและสเต๊กพวกนั้นอยู่ในท้องของฉัน

เขาทานเสร็จก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปจากตรงหน้าของฉัน จากนั้นป๋ออวี่ที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องก็ลุกขึ้นไปจ่ายเงิน

หลังจากที่เขาใช้ประโยชน์จากฉันเสร็จก็ไม่แม้แต่จะมองมาที่ฉันอีกเลย

ฉันโทรหาเฉียวอี้ เธอบอกว่าเธอเพิ่งจะแยกกับหนีอีโจว เขายังต้องกลับไปที่สำนักงานกฎหมาย

ฉันให้เธอกลับมารับฉัน ฉันไม่ได้ขับรถมา หลังจากนั้นฉันก็เดินไปรอเฉียวอี้ที่หน้าประตู ผ่านไปสักพักเธอก็ขับรถมา ฉันเปิดประตูเดินขึ้นรถไป

“อีโจวเขาไม่ได้พูดอะไรใช่ไหม? ” ฉันถามออกไปด้วยความอกสั่นขวัญหาย

“เขาจะพูดอะไรได้ สีชิงชวนแสดงแบบนี้ ฉันเห็นแล้วก็รู้สึกตกใจจนรำคาญ เธอว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น เพราะอิจฉาเหรอ? เขาไม่ได้ชอบเซียวซือหรอกเหรอ? ”

“ไม่ได้อิจฉาแน่นอน ฉันกับหนีอีโจวกอดกันในลิฟต์และถูกเขามาเห็นเข้า เป็นไปได้ว่าเขารู้สึกขายหน้า เลยอยากกู้หน้ากลับมา”

“โอ้ นี่มันเป็นสไตล์ของสีชิงชวนมากๆ ” เฉียวอี้พยักหน้า และกลับรถ “จะไปที่ไหน? หรือจะไปที่บ้านฉันดี ไปอยู่สักสองสามวัน”

“โอเค” แน่นอนว่าฉันไม่อยากเจอสีชิงชวน

ฉันเพิ่งจะขานรับไป เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เป็นสายจากป๋ออวี่

ฉันรับสายและเอาโทรศัพท์แนบข้างหู “สวัสดีค่ะ ผู้ช่วยป๋อ”

“คุณเซียว ขอความกรุณาคุณให้คุณเฉียวอี้ส่งคุณกลับตระกูลสีด้วยครับ ถ้าเธอไม่สะดวกผมสามารถกลับไปรับคุณได้”

“เอ่อ” ฉันรู้สึกกลุ้มใจมาก สีชิงชวนอยากกักขังฉัน แต่ก็ไม่แม้แต่จะโทรหาฉันด้วยตนเอง

ฉันเอ่ย “ฉันอยากไปพักที่บ้านของเฉียวอี้สักสองสามวัน”

“คุณสีรีบไปประชุมที่บริษัท เขาสั่งให้ผมมาบอกแบบนี้ครับ ถ้าอย่างนั้นพอคุณมาถึงค่อยคุยกับคุณสีเองอีกทีดีไหมครับ? ” ความหมายของคำพูดนี้คือเขาทำได้แค่สิ่งที่สีชิงชวนสั่งให้เขาทำเท่านั้น

แต่จะทำให้สีชิงชวนไม่พอใจก็ไม่ได้ ฉันเองก็เข้าใจ จึงไม่อยากทำให้เขาลำบากใจ

ฉันวางสายและพูดกับเฉียวอี้ว่า “เธอส่งฉันกลับไปที่ตระกูลสีหน่อย”

“จะไปกลัวเขาทำไม? ”

“มีเรื่องน้อยก็ทุกข์น้อย”

“โอเค แล้วแต่เธอเลย” เธอหันหัวรถกลับอีกครั้ง และคาดว่ามันคงจะส่งผลกระทบกับรถที่ตามมาด้านหลัง คนคนนั้นชะโงกตัวออกมาจากรถและตะโกนว่า “คุณคิดว่าถนนเป็นบ้านคุณหรือไง คุณอยากจะขับยังไงก็ขับได้อย่างนั้นเหรอ? ”

เฉียวอี้เป็นคนอารมณ์ร้อน นิดๆ หน่อยๆ ก็หงุดหงิดแล้ว

เธอเปิดประตูรถและกระโดดลงรถไปทะเลาะกับคนขับรถคนนั้น “ถนนเส้นนี้ก็ไม่ได้บอกไว้ว่าห้ามกลับรถนี่ ฉันพบว่าฉันไปผิดทางเลยจะกลับรถแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ ฉันเปิดสัญญาณไฟตั้งนานแล้ว คุณมองไม่เห็นเอง”

ชายคนนั้นเดินลงมาจากรถด้วยความโมโหเช่นกัน เดิมทีคงจะคิดว่าเฉียวอี้เป็นผู้หญิงจัดการได้ง่ายๆ แต่พอทั้งสองคนลงจากรถมายืนด้วยกันจึงพบว่าเขาเตี้ยกว่าเฉียวอี้หนึ่งช่วงศีรษะ และเอ่ยกับตัวเองว่า “โอ้ให้ตายเถอะ สูงชะมัด”

ชายคนนั้นเดินขึ้นรถไปอย่างหงอยเหงาเศร้าซึม เฉียวอี้พอต่อสู้ชนะก็เดินกลับขึ้นรถมาขับรถต่ออย่างอารมณ์ดี

ฉันอดไม่ได้ที่จะต่อว่าเธอ “นิสัยอารมณ์ร้อนของเธอนี่ช่วยเปลี่ยนมันหน่อยได้ไหม ไม่ทันทำอะไรก็ระเบิดอารมณ์ออกมา ถ้าอีกฝ่ายเป็นชายร่างใหญ่อกกว้างไหล่ผึ่งล่ะจะทำยังไง? ”

“งั้นก็สู้สิ! ”

“เฮ้อ น่าเป็นห่วงจริงๆ ” ฉันถอนหายใจออกมา

“คนที่น่าเป็นห่วงคือเธอต่างหาก มีแต่เธอนั่นแหละที่ยอมให้สีชิงชวนปั่นหัว”

“ครั้งก่อนเธอยังพยายามผลักฉันไปหาสีชิงชวนอยู่เลย”

“ครั้งนี้กับครั้งนั้นไม่เหมือนกัน ตอนนี้พี่เสี่ยวฉวนกลับมาแล้วไม่ใช่หรือไง? คำพูดที่เขาพูดเมื่อกี้นี้ทำให้ฉันตื้นตันใจจริงๆ เขาบอกว่าอยากแต่งงานกับเธอ เธอรีบไปแต่งงานกับเขาเร็ว! ”

ฉันจ้องมองไปที่เธอ “ฉันจะไปแต่งงานได้ยังไง? สีชิงชวนไม่ยอมปล่อยฉัน แล้วฉันจะแต่งงานได้ยังไง? พาสีชิงชวนไปแต่งงานกับเขาด้วยอย่างนั้นเหรอ? ”

“เธอก็ทำร้ายฉันได้ลงนะ พาลใส่แต่คนในบ้าน” เฉียวอี้เหลือบมองฉัน และขับรถเร็วมาก

เฉียวอี้พาฉันมาส่งที่หน้าประตูบ้านของตระกูลสี “ฉันขี้เกียจเข้าไป ส่งแค่ตรงนี้นะ เธอก็ให้ยามของตระกูลสีขับรถไฟฟ้าพาเธอเข้าไปละกันนะ”

เพราะตัวคฤหาสน์ของตระกูลสียังอยู่ลึกเข้าไปด้านในอีก ต้องผ่านทะเลสาบเทียมและสวนดอกไม้ไปจึงจะถึงตัวคฤหาสน์

“ฉันเข้าใจแล้ว เธอกลับไปเถอะ ไว้ค่อยติดต่อกันอีกที”

ฉันลงจากรถและเดินเข้าประตูใหญ่ไป ฉันไม่ได้เรียกให้ยามไปส่ง เพราะถึงยังไงมันก็ไม่ได้ไกลมากขนาดนั้น และสามารถเดินคนเดียวได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)