ดูแล้วถ้าฉันไม่ยอมทานสเต๊กคำนี้เข้าไป เขาก็คงไม่จบ ฉันจึงได้แต่อ้าปาก เขายัดเนื้อเข้ามาในปากของฉัน
อันที่จริงแล้วเนื้อรสชาติอร่อยมาก น้ำของเนื้อ และเนื้อสัมผัสของเนื้อนุ่มมาก
แต่ว่าฉันยังทานคำแรกไม่หมด สีชิงชวนก็หั่นเนื้ออีกชิ้นยื่นมาที่ปากของฉันแล้ว
ฉันมองไปที่เขา “คุณกินอาหารของคุณเถอะ ฉันหั่นเองได้”
“คุณกินอิ่มผมถึงจะกินเข้าไปได้” เขายิ้มหวานเลี่ยนมาก เลี่ยนเหมือนบัตเตอร์เค้ก
“ฉันขอบคุณนะคะ แต่ฉันกินเองได้”
“ผมกลัวว่าคุณจะหั่นไปโดนมือของตัวเอง” ทันใดนั้นสีชิงชวนก็หันไปพูดกับหนีอีโจว “เวลาที่รักของบ้านเรากินสเต๊กผมจะหั่นให้ตลอด และเป็นคนป้อนเองกับมือ ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่กิน”
ฉันบีบต้นขาของเขาเล็กน้อย เขาหันกลับมามองอย่างดุดันทันที
ฉันทำปากเป็นรูปคำกับเขา “อย่าทำแบบนี้”
เขายิ้มอย่างสบายใจมาก ขยับเข้ามาใกล้ฉันและกดจูบลงบนใบหน้าของฉัน “ที่รักอยากให้ผมจูบอีกเหรอ? ”
ฉันสวดภาวนาอยู่ในใจ ขอให้อาหารมื้อนี้รีบผ่านพ้นไปเร็วๆ
ฉันไม่รู้ว่าเจตนาของสีชิงชวนคืออะไร ทำไมต้องทำแบบนี้
แต่ดูออกเลยว่าเขามีความสุขมาก และไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการทำสิ่งนี้
เขามีความสุขมากที่ได้เห็นฉันลำบากใจ เป็นไปได้ว่านี่อาจจะเป็นเหตุผลที่เขาทำแบบนี้
หนีอีโจวพูดน้อยมาก เอาแต่ทานอาหารไม่พูดอะไรเลย
สีชิงชวนหาประเด็นมาพูดคุยอยู่ตลอด “การฟ้องร้องคดีของทนายหนีทำได้ดีมาก ในการฟ้องร้องคดีของมาร์คคุณต่อสู้คดีได้ดีมากเลย เขาอยากขุดคุณอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ไม่สำเร็จ ถ้าอย่างนั้นไม่ทราบว่าผมสามารถใช้วิธีการคนใกล้ชิดย่อมได้เปรียบได้ไหมครับ ถึงอย่างไรคุณก็เป็นเพื่อนสนิทของภรรยาผม”
“ตอนนี้ผมอยู่ที่สำนักงานกฎหมายของอาจารย์” หนีอีโจวดื่มน้ำเข้าไปหนึ่งอึก
“ไม่ใช่ปัญหา คุณสามารถเข้าร่วมกลุ่มที่ปรึกษาของสีกรุ๊ปของพวกเราได้”
“คงไม่จำเป็นครับ” หนีอีโจวไม่ได้ทำตัวต่ำต้อยแต่ก็ไม่ได้ทำตัวโอหัง สายตาของเขาจับจ้องไปที่ส้อมที่สีชิงชวนยื่นมาให้ฉัน และเอ่ยเตือนเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเป็นอย่างมาก “ถ้าเสี่ยวเซิงกินเนื้อวัวเยอะเกินไปจะเกิดอาการแพ้ โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิ ดังนั้นตอนนี้เธอกินเข้าไปมากพอแล้ว”
“เธอหายดีแล้ว บางทีพวกคุณอาจจะไม่ได้เจอกันนานหลายปี หลายสิ่งหลายอย่างมันก็เปลี่ยนไปแล้ว” สีชิงชวนไร้ยางอายจริงๆ โกหกตาใส
ถ้าฉันทานเนื้อวัวมากเกินไปจะเกิดอาการแพ้จริงๆ จะรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว
ฉันดันส้อมของเขาออก “ขอบคุณค่ะ ฉันกินอย่างอื่นหน่อยดีกว่า”
“งั้นกินกุ้งของฉันสิ” เฉียวอี้แบ่งกุ้งตัวใหญ่ในจานของเธอมาให้ฉันสองตัวทันที “ย่างได้นุ่มมาก อร่อยมากเลยล่ะ”
ฉันก้มหน้าหั่นกุ้ง และใช้ส้อมแกะเปลือกกุ้งออก
สีชิงชวนยังคงหาเรื่องพูดคุยต่อไป “ไม่ทราบว่าเมื่อก่อนพวกคุณมีเรื่องอะไรน่าสนใจบ้างเหรอ เล่าให้ฟังหน่อยสิครับ”
ฉันคิดว่าหนีอีโจวจะไม่สนใจเขา แต่นึกไม่ถึงเลยว่าหนีอีโจวจะตอบกลับเขา “ผมเคยพูดกับเสี่ยวเซิงว่าเมื่อเธอโตขึ้น ผมจะแต่งงานกับเธอ”
ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ หนีอีโจวจะพูดเรื่องนี้ออกมา และยังเป็นการพูดต่อหน้าสีชิงชวนอีก
ฉันตกใจจนลืมเคี้ยวกุ้งที่อมอยู่เต็มปาก และมองไปที่หนีอีโจวอย่างตกตะลึงจนตาค้าง
เขามองมาที่ฉันด้วยสายตาลึกซึ้ง และหลุบตาลง “ได้เห็นเธอในวันนี้ ผมดีใจมาก ผมรู้สึกว่าคำสัญญาในอดีตกำลังจะเป็นจริงแล้ว”
“งั้นเหรอ? ” น้ำเสียงของสีชิงชวนฟังความไม่พอใจไม่ออกเลย เขาใช้ฝ่ามือยันศีรษะเอาไว้และมองมาที่ฉันอย่างสนอกสนใจเป็นอย่างมาก “กำลังจะเป็นจริงแล้วเหรอ? เซียวเซิง ผมจะตายแล้วเหรอ? ”
ฉันไม่รู้ว่าควรจะตอบเขาว่าอย่างไรดี เขาเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้การแต่งงานซ้อนผิดกฎหมายนะ นอกเสียจากว่าผมจะตาย ไม่อย่างนั้นคำสัญญาในวัยเด็กของคุณอาจจะไม่สำเร็จแล้ว”
ฉันมองไปที่หนีอีโจวอย่างรวดเร็ว และส่ายหน้าให้เขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...