พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 45

ฉันลงมือ และมันก็ทำให้สีชิงชวนเจ็บปวดได้จริงๆ

เขาร้องออกมา หลังจากนั้นสีหน้าของเขาก็ซีดมากทันที ดูเหมือนว่าเขาจะเจ็บมากจริงๆ

แต่ถ้าฉันคิดว่าเขาจะปล่อยฉันและไปดูแผลของตัวเอง งั้นเขาก็ไม่ใช่สีชิงชวนแล้ว

เขามันคนบ้า เจ็บขนาดนั้นเขาก็ยังกดตัวลงมาทับฉัน และกัดเข้าที่ลำคอของฉัน มันเจ็บจนน้ำตาของฉันแทบจะไหลออกมา

ต่อมา เขาไม่ได้กัดฉันต่อ แต่กลับดูดเม้มแทน เขากำลังทำรอยดูดให้ฉัน!

ฉันอยากถีบเขาให้คว่ำจริงๆ แต่เขาแรงเยอะมาก ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยจริงๆ

ฉันรู้สึกว่าฉันได้กลายเป็นผ้าใบวาดภาพไปแล้ว นอนอยู่ตรงนั้นปล่อยให้เขาทำรอยดูดให้ฉัน

แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่ได้ทำอะไรฉันต่อไป เขาแค่ดูดคอฉันจนแทบจะเต็มไปด้วยรอยดูดพอรู้สึกพอใจแล้วเขาก็ลุกออกจากตัวฉัน หลังจากนั้นก็เปิดไฟฉายในโทรศัพท์ส่องมาที่คอของฉันเพื่อชื่นชมผลงานของเขา

“อื้ม ไม่เลวเลย” เขาพยักหน้า “สวยงามมาก”

ฉันหยิบกระจกอันเล็กๆ ออกมาส่อง ทั้งลำคอเต็มไปด้วยรอยดูด มองแวบแรกอย่างกับคนเป็นโรคเรื้อนดูน่ากลัวมาก

ฉันถลึงตาจ้องมองไปที่เขา “คุณทำอะไร? ”

แต่เขากลับทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว “หิวแล้ว ไปกินข้าวกัน”

เขาปีนจากเบาะด้านหลังไปข้างหน้าเพื่อขับรถ จากนั้นก็หันมาสั่งฉันด้วยความภาคภูมิในผลงานเป็นอย่างมาก “นั่งดีๆ คาดเข็มขัดด้วย”

ฉันจะเอาอารมณ์ที่ไหนไปทานข้าวกับเขากัน? ฉันจึงเอ่ยว่า “ฉันไม่หิว ไม่กิน คุณปล่อยฉันลงเลยนะ”

“ผมอยากกิน และผมอยากให้คุณไปกินข้าวกับผม” เขาไม่พูดไม่จาก็สตาร์ทรถทันที และขับออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนยิงลูกกระสุนปืนใหญ่ ฉันไม่มีโอกาสได้ต่อต้านเลยแม้แต่น้อย

สีชิงชวนเป็นคนป่าเถื่อน เขาไม่เคยเคารพความคิดของผู้อื่น เขาอยากทำอะไรก็ทำ ฉันล่ะอยากเตะเข้าที่ด้านหลังของเขาให้เขาตายใจจะขาด

แต่แน่นอนว่าฉันไม่ได้เตะเขา เพราะยังต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงหากฉันเตะเขาไม่ตายอีก ดังนั้นทำตัวดีๆ หน่อยจะเป็นการดีที่สุด

เขาขับรถเร็วมาก ฉันได้แต่คาดเข็มขัดนิรภัยให้ดี ไม่อย่างนั้นฉันกลัวว่าฉันจะถูกเขาโยนออกไปจากรถเอาได้

รถ MPV ก็สามารถขับให้เหมือนกับรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ได้ ฉันล่ะเชื่อเขาเลยจริงๆ

มีสายจากเฉียวอี้โทรมา เธอถามฉันว่า “เธออยู่ไหนแล้วเสี่ยวเซิง ฉันกับพี่เสี่ยวฉวนมาถึงกันแล้วนะ”

“ถึงแล้วอะไรเหรอ? ” ฉันงงเล็กน้อย “พวกเรานัดกันไว้เหรอ? ”

“กินข้าวไง เมื่อกี้ผู้ช่วยป๋อบอกว่าเธอนัดพวกเราไปทานข้าวที่ร้านอาหารวั่นกั๋ว พวกเรามาถึงแล้วนะ”

เฉียวอี้วางสาย ทันใดนั้นฉันก็เข้าใจแล้วว่าทำไมสีชิงชวนต้องทำรอยดูดไว้ที่คอของฉัน และเขายังนัดหนีอีโจวมาอีก ชัดเจนเลยว่าเป็นการทำให้ฉันรู้สึกลำบากใจ

เขากำลังแก้แค้นที่หนีอีโจวกอดฉันเมื่อสักครู่นี้

สีชิงชวนเป็นคนจิตใจคับแคบมากเช่นนี้ เป็นคนที่ใจแคบที่สุดบนโลกใบนี้!

ฉันก่นด่าสีชิงชวนสารพัดอย่างอยู่ในใจ แต่เขายังคงขับรถไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อมาถึงร้านอาหาร เขาก็กระโดดลงจากรถและเปิดประตูรถออก จากนั้นก็ยื่นมือมาทางฉัน “ค่อยๆ ลง ไม่ต้องรีบ”

น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมากจนฉันตัวสั่น ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงยื่นมือออกไปวางไว้บนมือของเขา คนที่ใจแคบอย่างเขานี้ ถ้าฉันไม่ยอมลงไป หลังจากนี้ไปเขาจะเตรียมคิดวิธีฆ่าฉัน

เขาจับมือฉันไว้ไม่คิดที่จะปล่อย จากนั้นก็จูงมือเดินตรงเข้าไปด้านในร้านอาหาร

เฉียวอี้กับหนีอีโจวนั่งอยู่ตรงที่นั่งบริเวณริมหน้าต่าง เมื่อเฉียวอี้เห็นสีชิงชวนจูงมือฉันสีหน้าก็เปลี่ยนไป และขยิบตาให้ฉันอย่างกับตาเป็นตะคริว

ฉันก็อยากสะบัดมือของสีชิงชวนออกมากๆ เหมือนกัน แต่สีชิงชวนจับมือฉันไว้แน่นมาก ฉันเองก็หมดหนทางแล้ว!

เมื่อพวกเราเดินไปถึงโต๊ะ หนีอีโจวก็ลุกขึ้นยืน เขาเห็นมือที่จับกันของฉันกับสีชิงชวนแล้ว ฉันไม่กล้ามองเขา ได้แต่หันหน้าหนีไปทางอื่น

แต่ไม่นานสีชิงชวนก็จับใบหน้าของฉันให้หันไปทางหนีอีโจว และยังโน้มตัวลงมาหอมแก้มฉันอีก “เมื่อกี้ได้ฟังภรรยาของผมเล่ามาถึงได้รู้ว่าที่แท้ทนายหนีก็เป็นเพื่อนเล่นตอนเด็กๆ ของภรรยาผมนี่เอง ดังนั้นแน่นอนว่าต้องมาทานข้าวด้วยกันสักหน่อย ได้ยินว่าเพิ่งมาถึงเมืองฮวาเมื่อคืน งั้นก็ถือซะว่าอาหารมื้อนี้เป็นการเลี้ยงต้อนรับคุณละกันนะครับ”

หนีอีโจวสีหน้าเรียบนิ่ง น้ำเสียงยังนับว่าสุภาพอยู่ “งั้นก็ขอบคุณคุณสีด้วยนะครับ”

“ไม่ต้องเรียกคุณสีเป็นพิธีรีตองขนาดนี้ก็ได้ครับ เรียกผมว่าชิงชวนเถอะ”

เขาเป็นคนเข้ากับคนง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

สีชิงชวนเป็นคนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายและมนุษยสัมพันธ์แย่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา

พวกเราสั่งอาหารกันมาคนละจาน เฉียวอี้ซ่อนใบหน้าไว้ด้านหลังเมนูและแอบถามฉัน “คอของเธอ เกิดอะไรขึ้น?”

ฉันจะตอบยังไงดี ฉันวางเมนูลงและชี้อาหารสุ่มๆ มาสักเมนู “ฉันเอาอันนี้ค่ะ” จากนั้นก็พูดกับเฉียวอี้ว่า “ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนฉันหน่อย”

เฉียวอี้จับแขนฉันไว้ พวกเราสองคนรีบเดินไปที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

“พกแป้งฝุ่นมาไหม? เอามาให้ฉันยืมหน่อยสิ คอนซีลเลอร์ด้วย”

เธอควานหากระเป๋าเครื่องสำอางที่อยู่ในกระเป๋า จากนั้นก็โยนกระเป๋าเครื่องสำอางทั้งใบมาให้ฉัน “สีชิงชวนทำอะไรเธอ? ช่วงนี้เขามีอารมณ์เหรอ พอเห็นเธอก็จะลงมือกับเธอตลอดเลย”

“เขาแค่ทำรอยดูดให้ฉันเท่านั้น ตั้งใจจะให้พี่เสี่ยวฉวนเห็น” ฉันเจอคอนซีลเลอร์ของเฉียวอี้และเอามาทาที่คอ ประสิทธิภาพของคอนซีลเลอร์ยังคงดีมากเหมือนเดิม คอดูดีกว่าเมื่อสักครู่นี้ขึ้นเยอะเลย ไม่น่าสยดสยองขนาดนั้นแล้ว

เฉียวอี้ช่วยฉันทาแป้ง เธอออกแรงตบแป้งจนรู้สึกเจ็บเล็กน้อย

ฉันเอ่ย “เธอเบาๆ หน่อย เมื่อกี้สีชิงชวนทำแรงมาก”

“เธอขัดขืนไม่ได้เลยเหรอ! ”

“หรือจะให้ฉันตีเขาให้ตายด้วยอิฐ? วันนี้เธอทำตัวดีๆ หน่อยจะเป็นการดีที่สุด เขามีคลิปที่เธอตีเขา ฉันขอร้องเขาอยู่นานเขาถึงจะไม่ฟ้องเธอ”

“เขาจะไปฟ้องก็แล้วแต่เขาสิ อย่างมากฉันก็แค่ติดคุกไม่กี่ปีออกมาก็ยังนับว่าลูกผู้ชายคนหนึ่ง”

ฉันทาแป้งเสร็จ พอมองแล้วดูไม่ออกเลยว่ามีรอยอะไรอยู่

ฉันหวังว่าหนีอีโจวจะมองไม่ออก เมื่อสักครู่ฉันยังบอกกับเขาอยู่เลยว่าฉันกับสีชิงชวนเป็นการแต่งงานกันตามสัญญา ฉันไม่อยากให้เขาคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงใจง่าย

“เธอว่าสีชิงชวนหึงหรือเปล่า ทำไมถึงต้องนัดหนีอีโจวมากินข้าวด้วยกัน? ”

“เขาอยากครอบครอง และตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างอะไรกับสิ่งของของเขา ไม่ต่างจากรถคันหนึ่ง โทรศัพท์เครื่องหนึ่ง เธอว่าถ้ารถของเขาถูกคนอื่นขับไปเขาจะไม่โกรธได้เหรอ? ”

“มันก็จริง” เฉียวอี้เก็บกระเป๋าเครื่องสำอางของเธอ “ไม่เป็นไร ถึงเวลานั้นฉันจะปกป้องเธอเอง หลังจากนั้นพอกินข้าวกันไปได้สักพัก ฉันจะพาพี่เสี่ยวฉวนกลับ จะได้ไม่ทำให้เธอลำบากใจ”

“อืม” ฉันลูบไล้ใบหน้าของเธอ “เฉียวอี้ ถ้าฉันไม่มีเธอ ฉันจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง? ”

“งั้นเธอหย่ากับสีชิงชวนเถอะ มาแต่งงานกับฉัน ฉันจะไปแต่งงานกับพี่เสี่ยวฉวนอีกที พวกเราสามคนใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข”

“ฟังดูเพี้ยนๆ ดีนะ”

“แล้วเธอชอบหรือเปล่าล่ะ? ”

“ชอบมาก”

พวกเราหัวเราะให้กัน พอหัวเราะเสร็จฉันก็รู้เศร้าขึ้นมาอีกครั้ง

ตอนนี้เรื่องการหย่าร้าง สำหรับฉันแล้วยังไม่ใช่สิ่งที่ฉันควบคุมได้ สีชิงชวนอยากหย่าเมื่อไร ฉันถึงจะหย่าได้

พวกเรากลับมาที่โต๊ะ อาหารที่ฉันสั่งมาเสิร์ฟแล้ว เมื่อสักครู่นี้ฉันจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตอนนี้จึงได้พบว่าอาหารที่สั่งมาคือสเต๊กโทมาฮอว์ก ปริมาณหนึ่งพันกรัม ฉันทานคนเดียวไม่หมดอยู่แล้ว

เฉียวอี้เอ่ยอย่างสนอกสนใจ “ฉันช่วยเธอกินเอง”

“อื้ม ฉันแบ่งให้เธอครึ่งหนึ่ง” ฉันยังไม่ทันได้หยิบมีดกับส้อม สีชิงชวนก็ช่วยฉันหยิบมีดกับส้อมขึ้นมาแล้ว จากนั้นก็พูดกับฉันอย่างเอาใจใส่เป็นอย่างมาก “ผมช่วยคุณตัดเอง”

สีชิงชวนชวนหั่นสเต๊กให้ฉัน นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

เขาก็แค่อยากให้หนีอีโจวเห็นปฏิสัมพันธ์อันหวานชื่นของพวกเรา ตั้งใจจะทำให้เขาสะอิดสะเอียน แต่มันกลับทำให้ฉันสะอิดสะเอียนไปด้วย

ฉันอยากเอาส้อมในมือนั่นเสียบเขาให้ตายจริงๆ แต่เขาได้ดึงจานของฉันไปช่วยหั่นสเต๊กให้ฉันเรียบร้อยแล้ว

หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นก็จะป้อนเข้าปากฉัน “อา”

อา บนหัวเขาน่ะสิ ฉันหันไปมองสีหน้าของหนีอีโจวก่อน เขาก้มหน้าตัดสเต๊กของตัวเองดูเหมือนว่าจะมองไม่เห็น

“อา” สีชิงชวนเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)