บอกว่าจะทำก็ต้องทำ ฉันออกจากบ้านและตรงไปยังห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อกี่เพ้าแบรนด์ที่แม่เลี้ยงของฉันชื่นชอบ ร้านอยู่บนชั้นสอง หน้าร้านแบรนด์ดังโดดเด่นสะดุดตาที่สุด ฉันเห็นทันทีที่ขึ้นไปยังชั้นบน
แม้ว่าแม่เลี้ยงจะอายุไม่มากนัก แต่หล่อนชอบสีแดงมากเป็นพิเศษ
หล่อนมักจะสวมชุดกี่เพ้าสีแดงมีกระดุมและปักลูกไม้
แม่เลี้ยงรักษารูปร่างได้เป็นอย่างดี เมื่อสวมชุดกี่เพ้าแล้วดูดีมาก
ฉันขอให้พนักงานหยิบชุดกี่เพ้าสีแดงสดมาให้ฉันลองสวม พนักงานกล่าวว่าสไตล์ของกี่เพ้าชุดนั้นค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ หล่อนสามารถแนะนำชุดที่เหมาะสมกว่าให้กับฉันได้ ฉันกล่าว “ไม่ต้อง ตัวนั้นแหละค่ะ”
แม้ว่าจะเป็นเพียงการทำให้เซียวซือตกใจกลัว แต่การแสดงละครก็ต้องทำให้สมบูรณ์แบบ ฉันต้องใส่ชุดให้เหมาะกับตัวเอง ถ้าหากสวมกี่เพ้าที่ไม่เหมาะสมกับตัวเอง การแสดงก็จะมีช่องโหว่เช่นนั้นก็จะไม่ดี
การสวมกี่เพ้านั้นค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะการติดกระดุม ฉันติดกระดุมอยู่นานมากและกว่าจะติดเสร็จนั้นไม่ง่ายเลย ขณะที่กำลังจะเดินออกไปฉับพลันฉันได้ยินเสียงคุ้นเคย
“ชิงชวน คุณช่วยดูให้ฉันหน่อย ฉันสวมชุดนี้แล้วสวยหรือเปล่า?”
นั่นไม่ใช่เสียงของเซียวซือหรอกเหรอ? ทำไมหล่อนอยู่ที่นี่ล่ะ?
ฉันเปิดแง้มประตูห้องลองชุดเล็กน้อย มองลอดออกไปผ่านช่องขนาดเล็ก เป็นจริงอย่างที่คาด ฉันเห็นเซียวซือแล้วก็สีชิงชวน
โอ้ พวกเขามาซื้อชุดราตรีสไตล์จีน
เป็นไปได้หรือไม่ว่าสีชิงชวนวางแผนที่จะแต่งงานกับหล่อนจริงๆ?
ลองชุดแต่งงานเสร็จแล้วไม่พูดถึง จากนั้นมาดูชุดราตรีสไตล์จีนอีกงั้นเหรอ?
เขาไม่รู้เหรอว่าท้ายที่สุดแล้วเซียวซือเป็นคนอย่างไร? ฉันคิดว่าคนอย่างเซียวซือ เขาอาจจะไม่เข้าใจเลยก็เป็นได้
ฉันกำลังหึงหวง ใช่แล้ว ฉันกำลังหึง ความหึงหวงที่ไม่อาจอธิบายได้เช่นนี้
พวกเขาอยู่ด้านนอกฉันไม่สามารถออกไปได้ ถ้าหากเซียวซือเห็นฉันสวมกี่เพ้าชุดนี้ เช่นนั้นกลางคืนฉันจะทำให้หล่อนตกใจได้อย่างไร หล่อนไม่มีทางกลัวอย่างแน่นอน
ฉันทำได้เพียงแค่อยู่ภายในห้องลองชุด รอจนกว่าพวกเขาจะจากไปจากนั้นค่อยว่ากัน
ฉันได้ยินพนักงานเหล่านั้นตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก คอยแนะนำเสื้อผ้าให้กับพวกเขา ฉันแนบหูลงบนประตูได้ยินพนักงานคนหนึ่งแนะนำเสื้อผ้าชุดหนึ่งให้กับสีชิงชวน เชิญเขาไปลองเสื้อผ้าที่ห้องลองชุด
เดิมทีร้านนี้เป็นร้านทำชุดราตรีระดับไฮเอนด์ มีห้องลองชุดไม่มากนัก ทั้งหมดมีเพียงสองห้อง เซียวซือใช้อยู่ห้องหนึ่ง ตอนนี้อีกห้องหนึ่งฉันก็กำลังใช้อยู่
ฉันมองผ่านรอยแยกของประตู สีชิงชวนเดินมาถึงหน้าประตูห้องลองชุดของฉันแล้ว พนักงานคนนั้นเคาะประตู “ขอโทษนะคะคุณผู้หญิง ลองชุดเสร็จหรือยังคะ? คุณอยู่ด้านในนั้นนานมากแล้วนะคะ ถ้าหากมีปัญหาอะไรสามารถบอกได้นะคะ”
ตอนนี้ฉันจะออกไปได้อย่างไร ถ้าหากเซียวซือเห็น เช่นนั้นความพยายามทั้งหมดก็จะสูญเปล่า
ฉันมองสีชิงชวนผ่านรอยแยกของประตู สบสายตาเขาชั่วขณะ
ฉันไม่รู้ว่าเขาจะจำฉันได้หรือเปล่า แต่ท่าทางลับๆล่อๆของฉันดูน่าสงสัยเป็นอย่างมาก
สีชิงชวนรับชุดทางการของเขาจากมือของพนักงานและเอ่ยกับหล่อน “ไม่เป็นไรครับ ผมจัดการเองได้”
“รับทราบค่ะคุณสี หากมีปัญหาอะไรคุณสามารถเรียกฉันได้นะคะ”
พนักงานเดินจากไปด้วยความสุภาพ สีชิงชวนยืนอยู่ด้านหน้าประตูห้องของฉันพร้อมกับเสื้อผ้าที่อยู่ภายในอ้อมแขนของเขา ประตูห้องลองชุดที่อยู่ตรงข้ามกำลังปิดอยู่ คาดว่าเซียวซือกำลังลองชุดอยู่ด้านในนั้น
ฉันเปิดประตูออกไป สีชิงชวนเห็นฉัน เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ฉันเอื้อมมือออกไปจับแขนเขา ดึงเขาเข้ามาภายในห้องลองชุดของฉัน จากนั้นปิดประตู
ด้านในห้องลองชุดมีขนาดเล็กมาก ฉันอยู่เพียงคนเดียวห้องก็เกือบจะเต็มแล้ว แต่เมื่อเบียดเสียดกับร่างกายใหญ่กำยำของสีชิงชวน พวกเราทั้งสองคนเผชิญหน้ากันจนจมูกแทบจะชนกันแล้ว
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง?” สีชิงชวนกดเสียงต่ำลง แต่ห้องลองชุดสองห้องนี้อยู่ใกล้กันมาก ฉันกลัวว่าเซียวซือจะได้ยินดังนั้นเลยรีบยื่นมือออกไปปิดปากเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...