"ภาพถ่ายนี้เป็นการรวมภาพ หลังจากที่ฉันสงบสติอารมณ์ลงแล้ว ฉันจึงนำตัวอย่างของฉันและสีชิงชวนมาเปรียบเทียบกัน ฉันไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับสีชิงชวนเลย เว้นแต่สีชิงชวนจะไม่ใช่ลูกของพ่อฉัน ไม่เช่นนั้นฉันและสีชิงชวนควรจะเป็นพี่น้องกันถึงจะถูก!”
สิ่งที่ฉันพูดคราวนี้ทำให้ทุกคนอึ้ง พวกเขามองฉันอย่างอ้าปากค้าง แต่ก็ยังไม่พูดอะไร ฉันเดาว่าสิ่งที่ฉันพูดมันยากที่จะเข้าใจ
คุณย่าเป็นคนแรกที่ตอบสนองและจับมือฉัน "เซิงเซิงน้อย ย่าเข้าใจว่าหนูถูกใส่ร้ายโดยใครบางคน มีคนใจบาปเอารูปถ่ายปลอมมาทำให้คนอื่นเข้าใจหนูผิด จากนั้นก็เอาผลรายงานของหนูไปแก้อีก”
ขณะที่คุณย่าพูด เธอก็จ้องเขม็งไปที่เซียวซือ
“ใช่ค่ะ คุณย่า หนูมันโง่เกินไป หลังจากนั้นหนูถึงจะตรวจสอบเพื่อดูว่าภาพถ่ายนี้เป็นการรวมภาพใช่หรือไม่ ตอนแรกหนูไม่ได้ตรวจสอบเพราะว่าเจินเสียนยุยงให้หนูทำการทดสอบกับคุณพ่อ หนูคิดว่ารายงานผลการทดสอบมีอำนาจมากที่สุด สามารถอธิบายทุกอย่างได้ ดังนั้นหนูจึงไปทำมันค่ะ”
“โทษหนูไม่ได้หรอก ใครจะไปคาดคิด แม้แต่คนที่ทำการทดสอบให้ยังโดนติดสินบนเลย?” คุณย่าจับมือฉันแน่น และทันใดนั้นไม้เท้าที่เธอใช้อยู่ก็วางลงอย่างแรง “เหลนของฉัน เหลนของฉันถูกคนคนใจบาปทำร้าย”
จากหางตาฉันเห็นเซียวซือก้มหัวลงอย่างรวดเร็ว
จริงๆ แล้วคุณย่าไม่รู้ว่าเป็นเธอ แต่เธอกินปูนร้อนท้องไปเอง
ในที่สุดคุณแม่สีก็ตั้งสติได้ เธอเงยหน้าขึ้นและมองมาที่ฉันอย่างสงสัย "เซียวเซิง หนูแน่ใจหรือว่าทั้งหมดนี้เป็นของปลอม?"
"หนูแน่ใจมากค่ะ แน่ใจว่าหนูไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับคุณพ่อสีแน่นอนค่ะ”
หลังจากที่ฉันสงบลง ฉันรู้ว่าฉันกังวลมากเกินไปในตอนแรก จริงๆ แล้วฉันดูไม่เหมือนกับคุณพ่อสีเลยแม้แต่น้อย
พูดกันตามเหตุผลแล้วพ่อและลูกสาวควรจะคล้ายกันมาก ฉันได้ทำการเปรียบเทียบกับสีชิงชวนแล้ว ฉันไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเขา ดังนั้นฉันจึงแน่ใจมากว่าเราไม่ใช่พี่น้องกัน
เว้นแต่สีชิงชวนจะไม่ใช่ลูกของคุณพ่อสี แต่สีชืงชวนและคุณพ่อสีดูคล้ายกันมาก ถ้าบอกว่าไม่ใช่พ่อลูกกันก็ไม่มีใครเชื่อ
ฉันยืนกราน สีหน้าของคุณแม่สีผ่อนคลายลงอย่างมาก
คุณพ่อสีโกรธมากและตบโต๊ะ "ใครทำสิ่งนี้ เป็นเจตนาของใครทำไมร้ายกาจอะไรเช่นนี้?”
ฉันหันไปมองเซียวซือโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เซียวซือเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ “มองฉันทำไม? เกี่ยวอะไรกับฉัน?”
"ดูเหมือนว่าเจินเสียนเป็นคนทำเรื่องนี้ แต่ฉันกับเจินเสียนไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกัน แม้ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับฉินกวน แต่เธอจะไม่ทำร้ายฉันเช่นนี้เพื่อฉินกวน ฉันให้คนไปตรวจสอบมาในสองสามวันนั้นเธอกับเจินเสียนคุยโทรศัพท์ด้วยกันหลายครั้ง เธอสองคนน่าจะไม่ได้มีอะไรที่ต้องไปมาหาสู่กัน และดูไม่มีเหตุผลที่จะคุยโทรศัพท์กัน”
“ทำไมถึงจะไม่มีเหตุผล? พวกเรามีความร่วมมือกับบริษัทของฉินกวน เจินเสียนเป็นรองประธานของบริษัท ฉันไม่มีปัญหาในการติดต่อกับเธอ”
"ฉินกวนบอกฉันเมื่อนานมาแล้วว่า เจินเสียนไม่ได้รับผิดชอบโครงการนั้น ดังนั้นเธอจึงไม่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับเจินเสียนเลย อีกทั้งความสัมพันธ์ทางธุรกิจอะไรที่จำเป็นต้องคุยโทรศัพท์กลางดึกเยอะขนาดนั้นกัน?”
“เซียวเซิง อย่าโจมตีใส่ร้ายคนอื่น กินได้ตามอำเภอใจ แต่อย่ามาพูดไร้สาระ”
"ฉันไม่ได้พูดไร้สาระ..." สีชิงชวนขัดจังหวะฉันก่อนที่ฉันจะพูดจบ
เขามองตรงมาที่ฉัน แล้วจับมือฉันทันที "เซียวเซิง คุณเอาเด็กออก ที่บอกว่าคุณจะเลิกกับผม อยากหย่ากับผม ทั้งหมดเป็นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า?"
ฉันพยักหน้าอย่างแรง "ใช่ ไม่อย่างนั้นฉันจะทำเรื่องแบบนี้ทำไม ฉันรักคุณมากขนาดนั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...