ฉันไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัวนานมากแล้ว ก็เลยใช้เวลาแต่งหน้าอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเป็นชั่วโมง จนตัวเองรู้สึกว่าสวยมากแล้วถึงได้หยุด
เมื่อก่อนฉันไม่ค่อยได้แต่งหน้าแต่งตัวสวยขนาดนี้ เฉียวอี้มองซ้ายมองขวาแล้วก็ประเมินอย่างแม่นยำ “เธอนี่สวยแบบไม่ต้องประดิษฐ์เลยนะ เธอรู้ความแตกต่างระหว่างปีศาจจิ้งจอกกับจิ้งจอกจอมยั่วยวนไหม? จิ้งจอกจอมยั่วยวนน่ะสื่อถึงพวกที่ยังไม่โตเต็มที่ แต่ว่าอย่างเธอน่ะมันเหมือนกับจิ้งจอกอายุพันปีเลยเชียวนะ”
ฉันจำได้ว่าเคยเห็นคนในอินเทอร์เน็ตพูดว่า ปีนี้ถ้าใครถูกเรียกว่าจิ้งจอกนั้นถือว่าเป็นคำชมเชย แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นสวย มีเสน่ห์และน่าทึ่ง
ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกหนุ่มๆ ที่ฉันเคยชอบก่อนหน้านี้จะถูกฉันดึงดูดได้หรือไม่? แต่ว่าตลอดชีวิตของฉันไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย ถ้าเป็นฉันเมื่อก่อนคงรู้สึกเหยียดหยามมาก แต่ว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนแบบไหนก็ต้องใช้วิธีการแบบนั้น
ความจริงแล้วฉันกับฉินกวนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลย ฉินกวนก็แค่เห็นฉันเป็นลูกสาวของเพื่อนเก่าตัวเองเท่านั้น แต่ว่าเจินเสียนนั้นขี้หึงจนเกินไป แทบทนไม่ไหวแล้วที่จะกำจัดหนามข้างกายอย่างฉัน
ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะทำร้ายฉัน แต่ว่ากลับทำร้ายจนฉันต้องเสียลูกไป นั่นคือสิ่งมีชีวิตที่มีเลือดเนื้อเลยนะ
ฉันยืนขึ้นส่องกระจกหน้าตู้เสื้อผ้า ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่าเดรสกำมะหยี่สีแดงตัวนี้เหมาะกับฉันมาก
ฉันมัดผมหางม้าต่ำๆ สวมใส่ต่างหูเพชรทรงหยดน้ำ แล้วก็หยิบกระเป๋าออกงานสีแดงขึ้นมาและพูดกับเฉียวอี้ว่า “พวกเราไปกันเถอะ”
วันนี้เฉียวอี้ไม่แต่งตัวแบบทอมบอย ปกติเวลาที่เธอไปออกงานเลี้ยงกับฉันเธอมักจะแต่งตัวเหมือนนักมายากลอยู่เสมอ
ถึงแม้ว่าวันนี้เธอยังจะใส่กางเกง แต่ยังดีที่ไม่ใช่เสื้อผ้าผู้ชาย แต่มันดูมีสง่าราศี เสื้อสเวตเตอร์ถักสไตล์ชุดนอนนั้นดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และก็เหมาะสมกับเฉียวอี้มากอีกด้วย
เฉียวอี้พาฉันมาที่ริมทะเล เมืองฮวานั้นมีทะเลอยู่ แต่ตั้งอยู่ที่ชานเมืองและค่อนข้างจะไกลจากตัวเมืองหน่อย ต้องขับรถประมาณ40นาทีเลย
พอมาถึงชายหาดฉันก็ถามเธอด้วยความประหลาดใจ “ใครจะมาจัดปาร์ตี้ที่นี่กัน?”
“เธอนี่มันเชยจริงๆ เลยนะ!”เฉียวอี้พูดกับฉัน “ปาร์ตี้บนเรือไง เธอไม่เคยไปรึไง?”
ฉันเคยไป สีชิงชวนเป็นคนพาฉันไป
เฉียวอี้ชี้ไปที่เรือยอทช์ลำใหญ่ที่จอดเทียบท่าอยู่แล้วพูดกับฉันว่า “เรือลำนี้เป็นของเจินเสียน จริงๆ แล้วเจินเสียนเป็นคนมีความสามารถ และรวยมากนะ แต่ว่าคนคนนี้เป็นคนขี้หวงมากเกินไป เธอต้องการให้ทุกคนและทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวของเธอนั้นเป็นแค่ของเธอคนเดียว100%”
เรื่องนี้ฉันก็เคยผ่านมันมาก่อน ความอยากจะเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของเจินเสียนนั้นรุนแรงมากจริงๆ
แต่ว่าความอยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของนั้นมันก็คือเรื่องส่วนตัวของเธอ แต่ถ้ามาทำร้ายคนอื่นก็ถือว่าไม่ถูกต้องแล้ว
ฉันเชิดหน้าและเดินตรงไปที่เรือยอทช์พร้อมกับเฉียวอี้
“เออใช่สิ เราจะไปกันแบบผลีผลามโดยไม่มีจดหมายเชิญเลยเหรอ?” ฉันถามเฉียวอี้
“งานแบบนี้เป็นงานที่คนรวยและมีหน้าตามีตาเท่านั้นที่จะมาได้ เธอคิดว่ามันคือบาร์ฟรีสำหรับผู้หญิงที่อยากจะเข้าก็เข้าไปได้ตลอดเหรอ?”
พูดไปก็ถูก ยังไงก็ไม่มีใครขายตั๋วอยู่ที่ประตูอยู่แล้ว ฉันกับเฉียวอี้สามารถเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...