ฉันก็เหมือนซินเดอเรลล่าที่ต้องหายตัวไปตอนเที่ยงคืนและวิ่งหนีไปพร้อมกับนาฬิกาของเนี่ยฉี่
เฉียวอี้รอฉันอยู่ที่ประตูทางเข้า พอเห็นฉันก็รีบจูงมือฉันลงจากเรือทันที
“ไอ้แมงดาคนนั้นมองเธอตลอดเลย”เฉียวอี้พูด “ไปหว่านล้อมอะไรเขามาบ้างล่ะ?”
“จริงๆ ก็ไม่ได้พูดอะไรหรอก มีเวลาแค่นี้ฉันจะไปพูดอะไรกับเขาได้? พูดคุยเกี่ยวกับชีวิตงั้นเหรอ? ก็ได้แต่พูดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นแหละ”
ฉันกับเฉียวอี้รีบลงจากเรือ เฉียวอี้จับมือของฉันเอาไว้ “เธอไม่ต้องหันหน้าไปนะ เดี๋ยวฉันช่วยดูเอง”
เธอหันไปมองและหันกลับมาบอกฉัน “เขายังมองเธออยู่ตรงราวกั้นอยู่เลย เอ้ะ ในมือเธอถืออะไรอยู่น่ะ?”
“นาฬิกาเขาไง ก็เธอบอกให้ฉันทำอะไรก็ได้ของเขาพังไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอาไปซ่อม”
เฉียวอี้หยิบนาฬิกาในมือของฉันไปดูแล้วพูดว่า “เธอเข้าใจผิดปะเนี่ย เธอคงไม่ได้คิดจะเอาไปซ่อมจริงๆ หรอกใช่ไหม?”
“แล้วทำไมล่ะ?”
“ยัยบ้า ทำไมผู้หญิงร่ำรวยถึงได้ติดดินขนาดนี้ ทำของคนอื่นพังแล้วยังจะเอาไปซ่อมอีก ต้องซื้ออันใหม่ให้เขาไปเลยสิ”
จะว่าไปก็จริง ถ้าเอาไปซ่อมให้เขาก็ดูงกไปหน่อย คนที่เนี่ยฉี่ตามหาอยู่คือนักธุรกิจหญิงที่ร่ำรวยไม่ใช่เหรอ ถ้ายังงั้นฉันก็ต้องแสดงตัวเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยสิ
เช้าวันถัดมา เฉียวอี้มาเคาะประตูห้องฉัน ฉันที่พึ่งตื่น สมองยังคงพร่ามัว “ทำไมต้องมาเคาะห้องฉันเช้าๆ ขนาดนี้ด้วย?”
“นี่ห้างเปิดแล้วนะ ยังเช้าอยู่อีกเหรอ?”
“แล้วจะไปห้างเพื่ออะไร?” ฉันพลิกตัวเตรียมจะนอนต่อ และเธอก็วิ่งมาดึงผ้าห่มฉันไป โชคดีที่ฉันไม่ได้นอนแก้ผ้า ไม่ยังงั้นเธอคงเห็นฉันเปลือยเปล่าไปแล้ว
“จะทำอะไร? ให้ฉันนอนต่ออีกหน่อยสิ จะไปห้างแต่เช้าขนาดนี้เพื่ออะไรกัน?”
“เธอลืมไปแล้วเหรอว่าเธอต้องซื้อนาฬิกาใหม่ให้ไอ้แมงดาคนนั้น!”
“Oh” ฉันพึ่งนึกขึ้นได้ พอหลับไปแล้วก็ลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย
ฉันลุกขึ้นนั่ง “งั้นก็ได้ แต่จำเป็นต้องกระตือรือร้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“แน่นอนสิ จะตีเหล็กก็ต้องตีตอนร้อน อีกอย่างถ้าเกิดว่าเธอไม่กระตือรือร้น แล้วพ่อหนุ่มคนนั้นจะรู้ได้ไงว่าเธอสนใจเขา?”
“แล้วใครบอกว่าฉันสนใจเขากันล่ะ?”
“การแสดงไง เสแสร้งน่ะ”เฉียวอี้ดึงฉันจากเตียง “เร็วๆ หน่อย”
ฉันถูกเฉียวอี้เร่งจนไม่มีเวลาแม้แต่จะกินข้าวเช้า แล้วก็รีบตามเธอไปห้าง
ฉันมองดูนาฬิกาของหนุ่มคนนั้น แต่ก็ไม่รู้จักเท่าไหร่ เฉียวอี้ช่วยฉันดูและพูดว่า “ถือว่าเป็นราคาระดับกลาง คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถซื้อได้ แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นสินค้าหรูหราขนาดนั้น”
“อ้อ ถ้ายังงั้นก็ซื้ออันที่เหมือนกันให้เขาแล้วกัน”
“เธอโง่รึไงเนี่ย? ถ้าเกิดว่าเธอใส่เสื้อผ้าชุดหนึ่งมานานมากแล้ว แล้วมีคนมาทำเสื้อผ้าของเธอเปื้อนแล้วจะชดใช้ให้ เธอคิดว่าเธออยากได้แบบเดิมไหมล่ะ?”
ฉันคิดแล้วก็เห็นด้วยกับเธอ “ถ้ายังงั้นฉันจะซื้ออันที่คล้ายๆ กันให้เขาแล้วกัน!”
“เสี่ยวเสิ่ง ขอร้องล่ะช่วยมีสติปัญญาหน่อย”เฉียวอี้จับหน้าของฉันไว้พร้อมกับมองฉันอย่างจริงจังมาก “เธอโง่รึไง ถ้าเกิดว่าเธอเป็นผู้ชายแล้วไปตามจีบผู้หญิงนะ คิดว่าคงจีบไม่ได้แม้แต่คนเดียว”
“หมายความว่าไง?” ฉันจับมือของเธอออก “รีบไปซื้อ ซื้อเสร็จจะได้ไปกินข้าวเช้า ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว”
“หนุ่มละอ่อนคนนั้นชอบเธอเพราะว่าเธอสวยเหรอ? คนสวยเขาน่าจะเห็นมาเยอะแล้วนะ แต่มันเป็นเพราะว่าเขาคิดว่าเธอมีเงินต่างหาก แล้วต้องทำแบบไหนถึงจะแสดงออกว่าเธอมีเงินกันล่ะ? แน่นอนว่าต้องใจกว้าง ซื้อนาฬิกาที่ดีกว่าเรือนนี้ และราคาต้องเพิ่มขึ้นเป็นห้าเท่า สิบเท่าเลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...