เฉียวอี้ก็ฟังจนเริ่มรำคาญ เลยถามออกมาตรงๆ ว่า “เรือนเงินนี้ราคาเท่าไหร่เหรอคะ?”
“ท่านทั้งสองคนเป็นแขกผู้มีเกียรติ และนาฬิกาทั้งสองเรือนนี้คือสมบัติล้ำค่าของร้านเรา แต่ไหนแต่ไรมาเราไม่เคยลดราคาเลยนะครับ แต่เพราะว่าทั้งสองท่านตาถึง พวกเราเลยเสนอลดราคาให้12%”
ลด12%ก็ยังดีกว่าไม่ลดเลย ผู้จัดการกดตัวเลขบนเครื่องคิดเลขและยื่นให้เราดู ฉันพยายามดูว่าทั้งหมดมันราคาเท่าไหร่กันแน่
พันล้าน แสนล้าน ไม่มีทาง?
ฉันพยายามหักห้ามใจไม่ให้อ้าปากค้างเหมือนคนปัญญาอ่อน
นาฬิกาที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้นั้นแพงมาก ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็นโลกมาก่อนนะ แต่ปัญหาก็คือใส่นาฬิกาแพงขนาดนั้นแล้วมีประโยชน์อะไร? จะโตขึ้นหรือว่าเป็นอมตะได้หรือยังไง?
ฉันเกือบจะวิ่งออกนอกประตูไปแล้ว แต่ว่าเฉียวอี้กลับกดฉันไว้กับเก้าอี้ และพยักหน้าให้กับผู้จัดการอย่างใจเย็น “โอเคค่ะ ไม่ต้องลดราคาหรอก ถือว่าส่วนลดที่จะให้นั้นเป็นค่าที่ฉันเลี้ยงชาพวกคุณแล้วกัน”
พนักงานและผู้จัดการคำนับพวกเราเหมือนกับคำนับอำลาศพยังไงยังงั้น
“ถ้ายังงั้นทั้งสองท่านรอสักครู่นะครับ เสี่ยวหลี่ กาแฟของทั้งสองท่านนั้นเย็นหมดแล้ว ไปเปลี่ยนให้ร้อนหน่อย เดี๋ยวพวกเราไปคิดเงินก่อน ทั้งสองท่านรอก่อนนะครับ”
พวกเขาพากันออกไป และในห้องทำงานตอนนี้ก็เหลือแค่ฉันกับเฉียวอี้
ฉันบีบขอมือเธอ รู้สึกเหมือนอยากจะบีบคอเธอให้ตายจริงๆ “เธอรู้ไหมว่านาฬิกาบ้านั้นราคาเท่าไหร่?”
“นาฬิกาบ้าอะไร? เธอจะมาเรียกมันแบบนั้นแค่เพราะราคาไม่ได้หรอกนะ”
“เธอเองก็รู้ราคานี่ ราคาขนาดนี้ฉันซื้อบ้านได้เลยนะ เธอประสาทไปแล้วรึไง จะให้ฉันซื้อของราคาแพงขนาดนี้ให้แมงดาที่ไหนก็ไม่รู้น่ะนะ”
“วางใจเถอะน่า เดี๋ยววันหลังฉันจะเอานาฬิกาเรือนนี้คืนมาให้เธอเอง ไม่มีทางยอมให้เขาหรอก แล้วอีกอย่างถ้าเธอไม่มือหนักหน่อย เขาจะยอมทิ้งเจินเสียนในระยะเวลาแค่สั้นๆ ได้ยังไงกัน ต้องรู้ไว้นะว่าเจินเสียนต้องมือหนักกับเขาอย่างแน่นอน หรือว่าเธอมีเวลาจะวุ่นวายกับเขาไปเรื่อยๆ?” ตั้งแต่ตอนที่ฉันรู้ว่าเขาเป็นพวกแมงดา ต่อให้จะหล่อแค่ไหน สำหรับฉันก็ไม่หล่ออีกต่อไปแล้ว ฉันก็ไม่อยากจะพัวพันกับเขาไปนานๆ หรอก
“แต่ว่าฉันไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้นนะ!”ฉันไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้นจริงๆ เงินที่ฉันให้เสวียเหวินไปก็เป็นเงินที่เฉียวอี้ช่วยออก
ต่อให้จะใช้เงินที่พ่อทิ้งไว้ให้ แต่ก็มีบางส่วนที่ฉันแบ่งออมไว้ ยังนำออกมาใช้ไม่ได้
เฉียวอี้เปิบัญชีของตัวเองดู เงินก็เหลือไม่เยอะแล้ว เอาเงินทั้งสองคนมารวมกันยังได้ไม่พอเลย”
ฉันถามเฉียวอี้ “ถ้าซื้อไม่ได้ก็ช่างมันเถอะ”
เธอกลอกตาใส่ฉัน “เธอบอกว่ามีผู้หญิงรวยคนไหนใช้เงินซื้อกองทุนนะ ฉันละเบื่อจริงๆ”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าต้องใช้เงินเยอะขนาดนี้เพื่อแมงดาคนหนึ่งล่ะ?”แค่คิดฉันก็แทบกระอักเลือด
“งั้นเอางี้”เฉียวอี้หยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าของฉันและยื่นมาให้ “โทรหาสีชิงชวนสิ”
“ทำไมฉันต้องโทรหาเขาด้วย?”
“ขอเงินจากเขาไง ก็เธอไม่ยอมไปหาป๋ออวี่ไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ไปหาสีชิงชวนสิ เขามีเงินตั้งเยอะแยะ เรื่องเล็กๆ ของเธอแค่นี้เขาไม่เห็นอยู่ในสายตาหรอก แค่เธอขอเขาต้องให้แน่”
“เธอบ้าไปแล้วเหรอ ถ้าเขารู้ว่าฉันจะเอาเงินจากเขาไปเลี้ยงแมงดา พวกเราทั้งสองคนไม่มีทางมีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างแน่นอน”
“ผู้ชายที่รักเธอจริงต้องยอมเสียเงินให้เธอสิ นี่เป็นเวลาที่ดีในการพิสูจน์ว่าสีชิงชวนรักเธอจริงรึเปล่า รีบทดสอบสิ!”
ฉันถือโทรศัพท์ไว้ในมือและรู้สึกว่ามันร้อนมาก จนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเอ่ยปากขอเงินจากสีชิงชวน เขาถือโทรศัพท์อย่างลังเลและถามเฉียวอี้ว่า “แล้วถ้าเขาถามว่าฉันจะเอาเงินไปทำอะไร ฉันต้องตอบว่าอะไรดี?”
“นั่นก็แสดงว่าสีชิงชวนงกเกินไปแล้ว ถ้าเกิดว่าผู้หญิงคนหนึ่งขอเงินจากเขา และเขาถามว่าจะเอาเงินไปทำอะไร เธอก็พูดว่าจะเอาไปกิน ไปดื่ม ไปทำอะไรที่สนุกสนานสิ แต่ฉันคิดว่าเขาไม่น่าถามหรอก”
ฉันถือโทรศัพท์ไว้ “ไม่งั้นก็ช่างมันเถอะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...